Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าของสาว(เหลือ)น้อย
•
ติดตาม
16 ก.พ. 2022 เวลา 16:41 • นิยาย เรื่องสั้น
🥀 รัก หลุม พราง 💔
ภาพประกอบ วาดโดย แม่เหน่ง...เพจ เรื่องเล่าของสาว(เหลือ)น้อย
ชายหนุ่มวัยประมาณ 30 ปี ยืนมองเรือนไม้สักทอง 2 ชั้น ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางผืนหญ้าเขียวขจี ราวต้องมนต์ เรือนไม้สีทองสว่าง ตอบรับแสงแดดยามเย็นที่ทอทาบทับตัดผืนหญ้า
ผืนหญ้าสีเขียวขจีทำให้เรือนไม้รูปทรงปั้นหยาที่ผสมผสานเรือนแบบขนมปังขิงเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เรือนไม้สักทอง 2 ชั้นนั้นโดดเด่นยิ่งนัก
ภาพจาก Pinterest
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง นามว่า "รุจ รณฤทธิ์" ผู้มีอาชีพมัณฑนากร หรือ เรียกตามภาษาสากลว่า Interior designer นักออกแบบตกแต่งภายในอาคาร เขาได้รับการว่าจ้างจากท่านเจ้าของเรือน ผู้ได้รับมรดกตกทอดบ้านหลังนี้ เป็นทายาทรุ่นที่ 4 ให้มาออกแบบตกแต่งภายใน โดยได้รับการแนะนำตัวเขา จากผู้หลักผู้ใหญ่ และผู้ที่เคยให้เขาออกแบบภายในหลายท่าน มาอีกทอดหนึ่ง
ผู้ดูแลบ้านเป็นชายสูงวัยอายุราว 60 ปีปลายๆ ผมสี
ดอกเลา พาเขาเข้าไปดูภายในตัวบ้าน ที่ได้รับการดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดี ลวดลายตามประตู หน้าต่างที่ฉลุลายเป็นเถาเครือไม้ดูอ่อนช้อย เหนือบานประตูหน้าต่าง กรุด้วยกระจกสี ได้บรรยากาศกลิ่นอายของบ้านคหบดีในยุครัชกาลที่ 6
ภาพจาก Pinterest
ชายสูงวัยผู้ดูแลบ้าน ชื่อ ลุงชิด เอ่ยปากถามเขาว่า "คุณจะพักค้างที่นี่สักกี่วันครับ นายท่านให้กระผมเตรียมที่พักให้คุณไว้ที่เรือนเล็กครับ"
"ที่นี่ยังมีเรือนอื่นอีกหรือครับลุง" รุจถามลุงชิดด้วยน้ำเสียงสนใจ "ใช่ครับ เอาไว้รับรองแขก แต่ผมพักอยู่ที่นั่นด้วย คุณคงไม่รังเกียจ" ลุงชิดพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าแต่อ่อนน้อม
"ไม่หรอกครับ ผมต่างหากที่มารบกวนลุง" ชายหนุ่มรีบพูดให้ชายชราคลายกังวล "ผมคงจะพักซักสามสี่วันครับ เพราะบ้านค่อนข้างกว้างขวางมาก และมีหลายห้อง"
"บ้านนี้อายุกี่ปีแล้วครับลุง" เขาชวนลุงชิดคุย แม้จะพอทราบประวัติบ้านมาคร่าวๆแล้วก็ตาม
"เกือบร้อยปีแล้วครับ สร้างตั้งแต่ปี 2475 " ลุงชิดตอบ
"ลุงดูแลบ้านนี้มานานแล้วหรือครับ" รุจถามพลางจดบันทึกเกี่ยวกับตัวบ้านลงสมุดงานไปพลาง
"ตั้งแต่รุ่นทวดของกระผมก็ดูแลบ้านนี้กันมาตลอด จากรุ่นสู่รุ่นน่ะครับ คนในตระกูลนายท่านมีเมตตาชุบเลี้ยง บ้าน...หมายถึงเครือญาติพวกกระผมมาตลอดครับ" ลุงชิดพูดด้วยน้ำเสียงเปี่ยมล้นความภักดี
"เย็นแล้ว คุณพักก่อนดีมั้ยครับ เดี๋ยวกระผมจะไปรับอาหารที่บ้านนายท่านในเมืองมาให้คุณรับประทาน"
"ดีเหมือนกันครับ ผมจะได้เอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บด้วย ว่าแต่เรือนเล็กอยู่ไกลมั้ยครับลุง"
"ไม่ไกลหรอกครับ เดินประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้วครับ"
เรือนเล็ก...ภาพจาก Pinterest
เรือนเล็กที่ลุงชิดว่า...ไม่ได้เล็กสมชื่อ...หากแต่เป็นเรือนไทยชั้นเดียว แบบเรือนหมู่ประกอบด้วยเรือนนอน เรือนขวาง เรือนครัว หอนก ฝาเรือนเป็นฝาปะกน แล้วยังมีศาลาสร้างยื่นไปในบึงบัวใหญ่ มองดูร่มรื่นยิ่งนัก
ลุงชิดพาชายหนุ่มไปยังเรือนนอนด้านซ้ายของบ้าน โดยแกชี้ให้ดูว่าแกพักอยู่เรือนนอนด้านขวา ลุงชิดแกเป็นชายโสด มีแต่หลานๆที่เป็นลูกของพวกพี่น้องผลัดกันมาเยี่ยมเยียนบ้าง ซึ่งชายหนุ่มอดทึ่งไปกับชายชราที่ยังดูแข็งแรงไม่ได้ว่า สามารถดูแลบ้านหลังใหญ่ๆเหล่านี้ได้อย่างไร
ชายหนุ่มอดทึ่งเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ เมื่อได้พบกับห้องนอนสุดคลาสสิก ทั้งกว้างขวางและให้บรรยากาศย้อนยุคกลับไปสมัยกว่าร้อยปีก่อนเลยทีเดียว
ภาพเตียงสี่เสา จาก Pinterest
เตียงนอนสี่เสา มีผ้าลูกไม้โปร่งกรุรอบด้าน ยามลมพัดม่านมุ้งสั่นไหวเบาๆ แต่ห้องน้ำกลับตกแต่งทันสมัยให้ความสะดวกสบายเป็นอย่างดี
ลุงชิดขับรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ เข้าไปรับอาหารที่บ้านใหญ่ในตัวเมือง ส่วนชายหนุ่มหลังจากอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้น เสื้อยืดคอกลมเบาสบาย เขาก็นอนดูสมุดงานที่จดงานไว้ แต่แล้วเขาก็เผลอหลับไปในท่ามกลางบรรยากาศตอนพลบค่ำ ใต้สายลมแผ่วพริ้ว
🎵 พสุธาหนาวเย็นเห็นหรือไม่ รอเมื่อไหร่พี่มารับกลับคืนเรือน...🎶
เสียงร้องเพลงแสนหวานปนเศร้า ดังคลอเคล้ามากับเสียงเครื่องดนตรี 3 สาย...น่าจะเป็นเครื่องดนตรีที่เรียกว่า จะเข้
จะเข้...เครื่องดนตรีไทย
รุจ...สะดุ้งตื่น ลุกขึ้นเดินตามหาที่มาของเสียง เขาเดินมาจนถึงศาลาริมบึงบัว ที่ตอนนี้สว่างไสวไปด้วยตะเกียงเจ้าพายุ
ที่นั่นเขาเห็นร่างโปร่งบางของหญิงสาวนางหนึ่ง เธอสวมเสื้อแขนพองแบบหมูแฮม ชายเสื้อฉลุลูกไม้ สีม่วง นุ่งซิ่นยาวถึงเข่า ตัวเสื้อสีม่วงขับผิวขาวอมเหลืองให้ผุดผ่อง เขายังไม่เห็นหน้าเธอ
แต่เมื่อเดินเข้ามาใกล้เขาได้กลิ่นหอมแรงจากดอกไม้ที่ติดเรือนผมเธอ ดอกออกสีขาวอมเหลืองนวลมีเกสรสีส้มเหลือง
เธอค่อยๆหันหน้ามาตามเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้...พระเจ้า ! รุจ...อุทานอยู่ในใจ...นี่นางฟ้าองค์ใดหลงมาเดินดินปะปนกับมนุษย์กันเหล่า
ดวงหน้าขาวนวล ประกอบด้วยดวงตาโตดำขลับภายใต้คิ้วโค้งดังคันศร จมูกโด่งรับกับริมฝีปากสีส้มอมชมพูดูจิ้มลิ้ม เขาตกตะลึงกับความงดงามเบื้องหน้า และเสียมารยาทจ้องมองเธออยู่อย่างนั้น
ภาพวาด...ดอกสารภี
"อิชั้น เอาอาหารมาให้เจ้าค่ะ...คุณ...รุจ"...เสียงหวานเย็นดังแทรกอากาศหนาวยามค่ำมา ชายหนุ่มออกจากภวังค์ "คุณรู้จักผม" รุจ ถามด้วยความแปลกใจ
"อิชั้น เป็น ป้า...ญาติลุงชิดค่ะ" หญิงสาวหน้าหวาน ผมหอมกรุ่นตอบเบาๆ "แล้วลุงชิด ล่ะครับ" รุจยังถามด้วยความสงสัย "ลุงชิด ให้อิชั้นเอาอาหารมาให้คุณ แกมีธุระด่วน เสร็จธุระแล้ว จะมารับอิชั้นกลับค่ะ" หญิงสาวพูดประโยคยาวๆขึ้นครั้งแรก รุจฟังเสียงหวานๆเย็นๆจนเพลิดเพลิน
"อิชั้น เตรียมสำรับไว้พร้อมสรรพ แล้วเจ้าค่ะ" หญิงสาวเดินนำหน้ารุจ ไปที่ตั่งไม้สักขาสิงห์ ที่ตั้งอยู่กลางศาลา มีเบาะรองนั่งหุ้มผ้าลายไทย จัดวางอยู่ 2 ที่ ตรงข้ามกัน
สำรับอาหารไทย
"ไหนลุงชิดว่าอาหารปิ่นโตงัยครับ นี่มันน่าจะตำรับชาววังแล้วล่ะครับ" ชายหนุ่มมองอาหารตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา อาหารมื้อนี้ประกอบด้วย แกงส้มชะอมกุ้ง ผัดผักรวม ผัดเปรี้ยวหวานทะเล ทอดมันปลากราย แกงกะทิหน่อไม้ ผู้ว่าจ้างเขาส่งอาหารมาให้ราวกับเลี้ยงแขกบ้านแขกเมือง
หญิงสาวกำลังตักกับข้าวใส่จานให้ชายหนุ่ม รุจรีบจับมือห้ามหญิงสาวไว้ โดยไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินแต่ประการใด มือนุ่มแต่เย็นยะเยือกยิ่งนัก "ไม่เป็นไรครับ ผมตักทานเองครับ ว่าแต่คุณ...." รุจปล่อยมือหญิงสาว
"อิชั้น ชื่อ สารภี เจ้าค่ะ" "เอ่อ คุณสารภี พูดธรรมดากับผมก็ได้ครับ ผมไม่ใช่เจ้าใหญ่นายโตที่ไหน" ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดกับคำลงท้าย เจ้าคะ เจ้าขา ของหญิงสาวยิ่งนัก
"มิได้ เจ้าค่ะ พ่อแม่อิชั้นให้พูดเช่นนี้ กับคุณรุจ คุณเป็นเจ้าใหญ่นายโตจากพระนคร...เอ่อ...จากกรุงเทพ...น่ะเจ้าค่ะ"
"โธ่! คุณสารภี นั่นมันต้นตระกูลผม ถึงรุ่นผม ก็ไม่มีใครรับราชการกันเท่าไหร่แล้วครับ"
"เมื่อกี้ ผมได้ยินเสียงร้องเพลงคลอดนตรีไทย ใช่เสียงคุณสารภี หรือเปล่าครับ" ชายหนุ่มถาม
"ใช่ค่ะ ระหว่างรับอาหาร อิชั้นจะเล่นจะเข้ให้ฟังนะเจ้าคะ" หญิงสาวลุกไปยกจะเข้จากมุมเสาศาลา ซึ่งไม่รู้มาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อใด มาวางไว้ใกล้ๆตั่งรับประทานอาหาร
"ไม่เป็นไรครับ คุณสารภีมาทานอาหารด้วยกันดีกว่าครับ" ชายหนุ่มบอกหญิงสาวอย่างเกรงใจ
แต่หญิงสาวกลับนั่งพับเพียบลงมือดีดจะเข้พร้อมกับขับร้องเพลงด้วยท่วงทำนองไทยเดิม
🎶 พระพายพัดสบัดไหว หอมกลิ่นสารภีนี่กระไร
พี่ดอมดมชมชื่นแล้วจากไป ทิ้งน้องให้ระทมตรมจิตเอย
"คุณรุจ คุณรุจ ตื่นเถิดครับ" เสียงแหบห้าวแทรกเข้ามา กระทบโสตประสาทของชายหนุ่ม ทำให้เขาสะดุ้งตื่นลืมตาขึ้น "ลุงชิด มาแล้วหรือครับ แล้วๆ...หลานสาวลุงกลับแล้วหรือครับ"
"ใครๆครับคุณรุจ ผมมาคนเดียวเอาอาหารปิ่นโตมาให้คุณรุจ เคาะประตูเรียกเท่าไหร่ คุณรุจก็ยังไม่มาเปิด เลยถือวิสาสะเข้ามา ดีว่าคุณรุจไม่ได้ใส่กลอน"
"ไม่สบายหรือเปล่าครับ วันนี้อากาศเย็นๆเสียด้วย" ชายสูงวัยถามด้วยความห่วงใยราวกับเป็นลูกเป็นหลาน แต่ชายหนุ่มกลับลุกพรวดขึ้น เดินออกจากเรือนนอนตรงไปศาลาริมบึงบัว ศาลามืดมิดไม่มีแสงตะเกียงเจ้าพายุ ไม่มีตั่งไม้สักขาสิงห์ ไม่มีจะเข้ และไม่มีสาวสวยนามสารภี
"ผมคงฝันไปครับลุงชิด แต่มันไม่เหมือนฝันเลย เหมือนผมได้พบเธอจริงๆ" รุจรำพึงรำพัน
"คุณรุจฝันถึงใครครับ" ลุงชิดถามเสียงละล่ำละลัก
"เธอชื่อสารภี" "สารภี..." ลุงชิดอุทาน ชายหนุ่มไม่ได้สังเกตสีหน้าตกใจของลุงชิด ประกอบกับความมืดที่โรยตัวลงมาครอบคลุมศาลาทรงไทยด้วย ถ้าชายหนุ่มได้เห็นหน้าชายสูงวัยยามนั้นคงตกใจและอดสงสัยไม่ได้ รุจยังคงบรรยายรูปร่างหน้าตาของหญิงสาวที่เขาพบในฝันให้ลุงชิดฟังราวละเมอ ชายหนุ่มเล่าจบก็สะบัดศีรษะไปมา พร้อมกับขอตัวเข้านอนโดยไม่รับประทานอาหารที่ลุงชิดนำมา ชายหนุ่มบอกกับชายชราว่า "ผมรู้สึกอิ่มอย่างไรบอกไม่ถูกครับ สงสัยจะอิ่มทิพย์ซะแล้วครับลุง"
แยกจากชายหนุ่ม ลุงชิดเอาอาหารเก็บเข้าตู้เย็นที่อยู่ในเรือนครัว แล้วเข้าไปยังเรือนนอนที่อยู่ทางขวาของเรือนหมู่ ชายชราลากหีบไม้เก่าๆออกมาจากใต้เตียงโบราณในห้อง เขาหยิบอัลบั้มเก่าคร่ำคร่าออกมาเปิดดู เขามาหยุดที่ภาพสุดท้ายของอัลบั้มรูป เพ่งมองภาพนั้นพร้อมกับพึมพำว่า "ป้าสารภี"
ภาพเก่าคร่ำคร่าของคุณป้าสารภี
ตอนเช้าลุงชิดอุ่นกับข้าวที่เอามาเมื่อคืน แล้วนำมานั่งรับประทานกับรุจที่ชานชาลากลางเรือน ลุงชิดค่อยๆถามประวัติส่วนตัวของรุจ รุจเล่าโดยไม่ปิดบัง เพราะรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับลุงชิดอย่างแปลกประหลาด
ลุงชิดรู้สึกสนใจกับประวัติคุณปู่ทวดของรุจยิ่งนัก รุจเล่าว่า คุณปู่ทวดของเขามีบรรดาศักดิ์เป็นหลวง
อนิรุทรณฤทธิ์ เคยมาประจำการเป็นนายอำเภออยู่เมืองพะเยานี้ด้วย ตอนนี้ท่านอายุ 90 ปี ท่านหลงๆลืมๆแล้ว แต่บางครั้งก็เล่าเรื่องเก่าๆได้อย่างแจ่มชัด ญาติๆบอกว่า รุจมีหน้าตาเหมือนปู่ทวดตอนหนุ่มๆมาก
ลุงชิดบอกกับชายหนุ่มว่าเขาจะเข้ากรุงเทพสักสองสามวัน ระหว่างนี้ให้รุจไปพักกับนายท่านพ่อเลี้ยง
แสนคำ ที่ในเมืองตอนกลางคืน ลุงชิดเรียนนายท่านไว้แล้ว โดยให้เหตุผลกับรุจว่า เขาเป็นห่วงไม่อยากให้อยู่ในบ้านใหญ่ๆคนเดียวโดยไม่มีเขาอยู่ด้วย ชายหนุ่มสงสัยแต่ก็รับปากชายชรา เพราะสัมผัสได้ถึงความห่วงใยอย่างแท้จริงจากชายชรา
วันนี้เป็นวันที่สามของการทำงาน รุจเก็บงานจวนเสร็จหมดแล้ว ตอนเย็นเขากลับเข้าไปนอนในตัวเมืองที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของพ่อเลี้ยงแสนคำตามคำขอของลุงชิด ซึ่งพ่อเลี้ยงก็ต้อนรับเขาอย่างอบอุ่นยิ่งนัก
หากแต่วันนี้ชายหนุ่มทำงานอย่างเพลิดเพลิน และอยากเก็บงานให้เสร็จสิ้น เขาจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปบอกพ่อเลี้ยงแสนคำว่าจะขอนอนค้างที่เรือนเล็กในค่ำคืนนี้ พ่อเลี้ยงไม่ขัดข้อง แม้จะกังวลกับคำร้องขอของลุงชิดที่ให้เหนี่ยวรั้งชายหนุ่มไว้ในเมือง ลุงชิดแกคงห่วงชายหนุ่มต่างถิ่นคนนี้มากเกินไป
ชายหนุ่มกำลังจะเข้านอน แต่สายตาเขากลับปะทะเข้ากับแสงไฟวอบๆแวมๆ ณ ศาลาไทย ริมบึงบัว เขาเดินออกจากเรือน มายังศาลา
ร่างแน่งน้อยบอบบางยืนสงบนิ่งอยู่กลางศาลา เธอยังคงสวมเสื้อผ้าชุดเดิม และแซมผมด้วยดอกสารภีตามชื่อของเธอเหมือนเดิม แต่คืนนี้กลิ่นดอกสารภีหอมรุนแรงยิ่งนัก
เขาเดินมาหาเธอราวต้องมนต์สะกด ใกล้เธอจนได้กลิ่นหอมจากเรือนผมยาวหยักโศกสลวย "คุณสารภี นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหมครับ" เขาถามราวละเมอ
"ไม่ใช่ความฝัน เจ้าค่ะ คุณหลวง" สารภีเอื้อมมือเย็นเฉียบมาจับมือรุจไว้ "อิชั้น มารอคุณหลวง...คุณรุจทุกคืน แต่คุณรุจ กลับหนีหน้าหาย อิชั้นกลัว...กลัวคุณ...จะไม่กลับมาเหมือนอย่างที่คุณเคยทำ"
"ผมเคยทิ้งคุณไปหรือ แต่เราเพิ่งพบกัน" รุจถามแต่สติก็เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น "ใช่ คุณเคยทิ้งอิชั้นไป ทิ้งอิชั้นนอนเดียวดายภายใต้พื้นพสุธาที่เหน็บหนาว แต่วันนี้เราจะได้ไปอยู่ด้วยกันแล้ว เจ้าค่ะ คุณหลวงอนิรุท"
หญิงสาวแสยะยิ้มมุมปากอย่างเหี้ยมเกรียม เธอฉุดมือชายหนุ่มออกเดิน รุจอยากขัดขืนแต่อุ้งมือบอบบางนั้นแข็งแกร่งทรงพลังอย่างประหลาด เขาเดินตามแรงฉุดนั้นอย่างไม่อาจขัดขืน
"รุจ...ลงมาเดี๋ยวนี้ลูก" "คุณรุจ ลงมาครับอันตราย" "สารภี ปล่อยตารุจเถอะ พี่มาแล้ว" เสียงผู้ชายต่างวัยสามคนดังขึ้นพร้อมกัน เมื่อเห็นรุจนั่งอยู่บนกิ่งของต้นสารภีใหญ่ที่คอมีผ้าขาวยาวผูกคออยู่ โดยชายอีกข้างของผ้าผูกไว้กับกิ่งสารภีใหญ่
แต่ทันใดนั้นร่างรางเลือนที่อยู่เบื้องหลังรุจ ก็ผลักชายหนุ่มลงจากกิ่งไม้ใหญ่ ลุงชิดรีบวิ่งเข้ามารับร่างชายหนุ่มด้วยกำลังทั้งหมดที่มีพร้อมกับชายกลางคนที่มาด้วย "คุณนพ แกะผ้าที่คอคุณรุจออกก่อนครับ ผมจะอุ้มเธอไว้" ชายกลางคนรีบทำตามคำสั่งของลุงชิดทันที
1
ชายชราวัย 90 ปีผมขาวโพลน รีบไสล้อรถเข็นวีลแชร์ เข้ามาใกล้อย่างทุลักทุเล แล้วก็ถอดสร้อยที่ห้อยพระเครื่องประจำตัวออกคล้องคอให้เหลนสุดที่รัก
"คุณนพ อุ้มคุณรุจขึ้นเรือนไหวมั้ยครับ เดี๋ยวกระผมเข็นรถคุณท่านไปเอง" ลุงชิดบัญชาการด้วยสติที่มั่นคงกับเหตุการณ์เหลือเชื่อที่เกิดขึ้นตรงหน้า ร่างเลือนรางของสารภีหายไปแล้ว
เมื่อกลับขึ้นเรือนเล็ก ลุงชิดให้คนขับรถของคุณนพ ผู้เป็นบิดาของรุจ ให้ไปรับหมอที่คลินิกในเมือง ที่พ่อเลี้ยงแสนคำติดต่อไว้ให้แล้ว มาดูอาการของรุจโดยด่วน
หมอกลับไปตอนรุ่งอรุณของวันใหม่ โดยแจ้งอาการให้ลุงชิด คุณนพ และหลวงอนิรุทรณฤทธิ์ ผู้เป็นปู่ทวดของรุจ ทราบว่ารุจไม่เป็นอะไรมาก เขามีอาการเหมือนคนหลับลึกเท่านั้น ร่างกายปกติดี คุณหมอจะขอกลับไปเตรียมยาบำรุงมาให้รุจ และถ้ารุจตื่นให้ทางนี้โทรบอกหมอ เขาจะรีบมาทันที
ราวๆสามโมงเช้า รุจลืมตาตื่นขึ้นมา ท่ามกลางการรายล้อมของชายต่างวัยทั้งสาม คุณนพให้คนขับรถรีบไปรับคุณหมอที่ในตัวเมือง โดยโทรไปแจ้งว่ารุจฟื้นแล้ว
ชายหนุ่มได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตนเมื่อคืนนี้ และรับรู้เรื่องราวในอดีตของคุณปู่ทวดและป้าสารภีของลุงชิด ไปพร้อมๆกับคุณนพผู้เป็นพ่อ คุณปู่ทวดเล่าด้วยความจำที่กลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง
คุณปู่ทวด ซึ่งมีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงอนิรุทรณฤทธิ์ เมื่อ 60 ปีที่แล้ว มาเป็นนายอำเภอหนุ่มที่อำเภอหนึ่งในเมืองพะเยาด้วยวัยเพียง 30 ปี ด้วยหน้าที่การงานและรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา ทำให้คุณหลวงเป็นที่หมายปองของบรรดาสาวแก่แม่หม้ายในอำเภอ หากแต่สาวที่ได้ครอบครองหัวใจนายอำเภอหนุ่ม กลับเป็นสาวน้อยวัยสดใสลูกสาวของผู้ใหญ่บ้าน นาม"สารภี" ที่มีน้องสาวต่างวัยกว่าถึงหนึ่งรอบชื่อลำดวน อันเป็นแม่ของลุงชิดนั่นเอง
ทั้งสองแอบได้เสียกัน จนเวลาล่วงเลยมาประมาณเกือบปี หลวงอนิรุทได้รับคำสั่งให้ย้ายกลับพระนคร
สารภีได้รับข่าวก็รีบรุดมาหาคุณหลวงที่บ้านพักโดยทันที ซึ่งก็คือเรือนไม้สักทอง 2 ชั้น ที่รุจรับเป็นมัณฑนากรออกแบบภายในให้นั่นเอง
แต่แล้วสาวน้อยสารภี ก็ต้องหัวใจสลาย เมื่อเธอไม่อาจติดตามคุณหลวงไปครองคู่กันที่พระนครได้ ด้วยบิดามารดา ได้หาคู่ครองที่เป็นข้าหลวงในวังไว้ให้คุณหลวงแล้ว
ระหว่างที่หลวงอนิรุท ไปเอารถเพื่อมารับสารภีไปส่งบ้าน เมื่อเขากลับมาที่เรือนเล็กสารภีก็ไม่อยู่แล้ว เขาออกตามหาเธอไปทั่วอาณาบริเวณบ้านอันกว้างใหญ่ จนในที่สุด ก็ได้มาพบร่างไร้วิญญาณของสารภี ผูกคอตายใต้ต้นสารภีใหญ่ เขาเสียใจกอดร่างไร้วิญญาณของหญิงคนรักอยู่เนิ่นนาน ด้วยสติที่ขลาดเขลาในยามนั้น หลวงอนิรุทเอาร่างของสารภีลงจากต้นไม้ แล้วกลับไปเอาจอบมาขุดดินบริเวณต้นสารภี ฝังร่างหญิงคนรักไว้กับผืนธรณี แล้วรุ่งเช้าก็หนีกลับพระนครไปในทันที
ในส่วนของลุงชิด ก็เล่าว่าแม่ลำดวนเคยเล่าเรื่องของพี่สาวต่างวัยว่า ปู่ของลุงชิดที่เป็นผู้ใหญ่บ้านออกตามหาลูกสาวคนโตไปทั่ว ในที่สุดก็คิดได้ว่าสารภีคงหนีตามนายอำเภอหนุ่มไปพระนครเสียแล้ว แกเฝ้ารอลูกสาวแต่สารภีก็ไม่เคยกลับมา
ลุงชิด เมื่อพบกับรุจก็ให้ผูกพันอย่างประหลาด เมื่อฟังเรื่องราวจากรุจ ก็เกิดรางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับรุจ เลยไปกรุงเทพเพื่อไปพบกับคุณปู่ทวดของรุจ
"พ่อชิดกับตารุจ ช่วยกันขุดโครงกระดูกของแม่สารภี ขึ้นมาบำเพ็ญกุศลและเผาเสียเถอะ และหากฉันเป็นอะไรไปในเร็ววันนี้ ให้เผาฉันไปพร้อมกับแม่สารภีด้วยนะ" ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า น้ำตาคลอเบ้า
ร่างของสารภีที่เหลือเพียงโครงกระดูก ได้ถูกบรรจุในโลงศพสีขาว ตั้งบำเพ็ญกุศล และในคืนแรกที่ตั้งสวดอภิธรรม คุณหลวงอนิรุทรณฤทธิ์ ก็สิ้นใจตายด้วยโรคชราอย่างสงบในเรือนเล็ก
🎶 หอมเอยหอมกลิ่นรวยริน กลิ่นสารภีเจ้าเอย ครานี้ได้มาอยู่คู่เจ้าแล้ว ขอแก้วตาอย่าร้างลาจากกันอีกเลย
รุจและลุงชิด หันมามองหน้ากันเหมือนกับได้ยินเสียงเพลงท่วงทำนองไทยเดิมร้องคลอกับเสียงจะข้ แทรกผ่านสายลมมา ทั้งสองแหงนมองควันไฟสีดำที่ลอยละล่องออกจากปล่องควันของเมรุเผาศพ
"คู่รักทั้งสองคงได้อยู่ร่วมกันแล้ว" ชายต่างวัยสองคนคิดเหมือนกัน แต่ไม่ได้พูดออกมา
2 บันทึก
11
7
2
11
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย