17 ก.พ. 2022 เวลา 14:07 • ธุรกิจ
5 วิธีเพิ่มสมาธิให้สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
เคยสังเกตไหมว่าเวลาที่เรามีสมาธิมาก ๆ เราจะสามารถทำงานหรือจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ดีขึ้นกว่าเวลาที่กำลังฟุ้งซ่าน เช่น การเขียนรายงาน การเรียน การคุยติดต่อลูกค้า ฯลฯ
วันนี้เราจะนำเทคนิคการเพิ่มสมาธิจากหนังสือ “สกิลขั้นเทพของนักบริหารเวลาที่รู้ใจสมอง” มาฝากกันค่ะ มาดูกันว่าเราจะสามารถเพิ่มสมาธิได้อย่างไรบ้าง เพื่อประสิทธิผลของการทำงานที่ดีขึ้นและใช้เวลาลดลง
1. เทคนิคการทำงานโดยใช้จังหวะของสมอง
เนื่องจากสมองมีช่วงที่สมาธิสูงและต่ำอยู่ เราจึงควรใช้จังหวะดังกล่าวนี้ให้เกิดประโยชน์ หากอยากมีสมาธิในการทำงาน ก็ต้องหา ‘ช่วงเวลาที่มีสมาธิ’ ของตัวเองให้เจอ แล้วทำงานตามจังหวะนั้น
คุณชิอน ผู้เขียนได้แนะนำกฎ 15-45-90 เป็นไกด์ไลน์ในการควบคุมสมาธิ ซึ่งมีการศึกษาพบว่าหน่วยเวลาที่คนเรามีสมาธิจดจ่อได้ดีแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ 15 นาที 45 นาที และ 90 นาที
ลองสังเกตดูนะคะว่า เพื่อน ๆ มีสมาธิจดจ่อกับการทำงานได้นานที่สุดกี่นาที แล้วลองทำงานตามจังหวะนัน้อง
2. จัดระเบียบพื้นที่ทำงานทั้งบนโต๊ะทำงานและในคอมพิวเตอร์
จากการวิจัยพบว่า คนเราจะมีสมาธิดีกว่าเมื่อทำงานในห้องที่สะอาดเรียบร้อย ดังนั้นเราจึงควรจัดระเบียบโต๊ะทำงานให้สามารถหยิบจับอะไรได้ง่าย โดยกำหนดจุดวางของแต่ละอย่างไว้ประจำที่อยู่เสมอ อะไรอยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้นจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการหาของ และไม่ควรวางของระเกะระกะบนโต๊ะทำงาน เพราะจะทำให้เกิดความฟุ้งซ่านจากของเหล่านั้น
นอกจากจัดระเบียบโต๊ะแล้ว เราต้องจัดระเบียบไฟล์ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ด้วย โดยเริ่มตั้งแต่การบันทึก ตั้งชื่อไฟล์ให้เข้าใจเนื้อหาได้ว่าย เก็บไฟล์ในโฟลเดอร์ที่แยกตามประเภท จะได้ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาไฟล์ซึ่งจะทำให้สมาธิหายไป
3. กำจัดความฟุ้งซ่านจากความคิด ด้วยการเขียนออกมา
ความฟุ้งซ่านแค่เพียงวินาทีเดียว ทำให้เสียเวลามากถึง 15 นาที
ชิอน คาบาซาวะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความคิดฟุ้งซ่านส่วนใหญ่ของคนเรา คือการคิดถึงเรื่องในอนาคต หรือกำหนดการแผนงานที่จะต้องทำ
วิธีจัดการกับความคิดเหล่านั้น คือการทำ “To Do List” วิธีที่ดีที่สุดคือเขียนใส่กระดาษ และติดไว้ในจุดที่เราสามารถมองเห็นได้ทันที เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือวางบนโต๊ะทำงาน
ในเชิงจิตวิทยาบอกว่า คนเราสามารถนึกถึงความจำที่เกี่ยวข้องกับงานที่ยังไม่เสร็จสิ้น หรือยังไม่บรรลุเป้าหมายได้ง่ายกว่าความจำที่เกี่ยวกับงานที่เสร็จแล้ว
ดังนั้นเมื่อเราเขียนความคิดนั้นออกมาก็เหมือนการเคลียร์พื้นที่ในสมอง แม้ว่างานนั้นจะยังไม่ได้ดำเนินการ แต่สมองจะบันทึกสถานะใหม่ว่า ดำเนินการเสร็จสิ้น หลังจากนั้นสมองจะคลายความตึงเครียด ความฟุ้งซ่านหายไป ทำให้เราจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำตรงหน้าได้มากขึ้นนั่นเอง
4. เทคนิคการทำงานแบบเก็บตัวอยู่ภายใน “พื้นที่แห่งสมาธิ”
เราขอเรียกอีกอย่างว่า “การเข้าถ้ำ” คือการหาสภาพแวดล้อมที่สามารถจดจ่อกับการทำงานได้โดยไม่ถูกรบกวน
บางคนอาจชอบทำงานในห้องส่วนตัวเงียบ ๆ บางคนอาจชอบนั่งทำงานในคาเฟ่ อย่างนักเขียนชื่อดัง ฮารูกิ มุราคามิ ก็เคยบอกว่า ตนเองชอบเขียนนิยายในคาเฟ่ที่ต่างประเทศซึ่งไม่มีคนรู้จักทำให้ไม่ถูกรบกวน เป็นต้น
ถ้าเราสามารถเลือกทำงานในพื้นที่แห่งสมาธิได้จนเป็นนิสัย สมองก็จะจดจำว่า สถานที่แบบนี้เป็นสถานที่ที่เราทำงานได้อย่างมีสมาธิ เมื่อได้ทำงานในที่แบบนั้นเราก็จะไม่ฟุ้งซ่าน
5. เทคนิคการทำงานแบบจำกัดเวลา
การทำงานทุกอย่างควรมีเดดไลน์หรือการกำหนดเวลาส่งงาน เพราะสิ่งนี้ช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงานให้เรานั่นเอง
การวิจัยพบว่าเมื่อคนเราอยู่ในภาวะที่ถูกบีบคั้น กดดัน สมองจะหลั่งสารที่ชื่อว่า “นอร์อะดรีนาลีน” ซึ่งเจ้าสารที่ว่านี้ช่วยเพิ่มสมาธิ เพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ และช่วยขัดเกลาการทำงานของสมอง ทำให้สมองทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ผู้เขียนได้แนะนำเทคนิคที่เจ้าตัวใช้ในการทำงานแบบจำกัดเวลา ซึ่งน่าสนใจมากเผื่อใครอยากเอาไปใช้ดูบ้างตามนี้ค่ะ
  • เมื่อกำหนดเดดไลน์แล้ว ลองใช้นาฬิกาจับเวลาหรือนาฬิกาปลุก เพื่อให้เห็นเวลาได้ชัดเจน
  • เมื่อกำหนดวันส่งงานแล้ว ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดไม่เลื่อนกำหนดส่งงานออกไป
  • วางแผนการถัดไปรอไว้เลย ตัวอย่างเช่น เมื่อได้กำหนดส่งงานแล้วเราก็วางแผนอื่นรอไว้หลังกำหนดส่งงาน อาจเป็นจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวพักผ่อนต่างจังหวัดอะไรอย่างนี้ แค่นี้เราก็คงอยากจะมีสมาธิจดจ่อกับการทำงานให้เสร็จตามกำหนดแล้วล่ะ เพราะคงไม่มีใครอยากหอบงานไปทำตอนไปเที่ยว หรือต้องเทตั๋วหรอกนะ
1
ขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือ สกิลขั้นเทพยองนักบริหารเวลาที่รู้ใจสมอง เขียนโดย ชิอน คาบาซาวะ, พนิดา กวยรักษา แปล, สนพ. howto, 2564.
ฝากกดติดตามเพจของ Paper moon ได้ทาง
โฆษณา