16 ก.พ. 2022 เวลา 18:15 • ความงาม
แหวนเพชร 1 กะรัต ราคาเท่าไร? ซื้อเพชรให้เป็นในปี 2022!
แหวนเพชร 1 กะรัต ราคาเท่าไร?
แหวนเพชร 1 กะรัตราคา เท่าไร? คงเป็นคำถามที่คุณกำลังสงสัยอยู่ เช่นเดียวกับเพื่อนๆอีกหลายคน ที่กำลังมองเพชรเม็ดโตไว้ประดับบารมีสักวง
โดยทั่วไปแล้ว เพชร 1 กะรัต ราคาจะมีตั้งแต่ 80,000 บาท – 600,000 บาท ขึ้นอยู่กับรายละเอียดปลีกย่อยในส่วนอื่นๆด้วย เช่น น้ำ ความสะอาด การเจียระไน ฯลฯ ซึ่งเป็นขอบเขตที่กว้างพอสมควร
ซึ่งหากคุณเป็นลูกค้าที่ไม่ได้ซื้อเพชรเป็นประจำ คุณก็อาจจะเกิดความสงสัย ว่าทำไมราคาเพชร 1 กะรัต ถึงได้มีช่วงราคาที่กว้างขนาดนี้?
เราจะมาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้ โดยผมจะโฟกัสไปที่ เพชรทรงกลม เท่านั้น เพราะเป็นเพชรที่ได้รับความนิยมมากที่สุดครับ แต่หากคุณกำลังมองหาเพชรรูปทรงอื่นๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความตามลิ้งก์ด้านล่าง
ความรู้พื้นฐาน: กะรัตเพชร
สำหรับการวัดน้ำหนักเพชรทุกเม็ดบนโลกนี้ จะมีกฎตายตัวอยู่เพียง 2 ข้อ
  • 1.
    น้ำหนักเพชรนั้นวัดด้วยหน่วย กะรัต เสมอ
  • 2.
    ราคาของเพชร ต่อกะรัต จะเพิ่มขึ้น เมื่อเข้าสู่ ช่วงลำดับขั้น ที่สูงขึ้น
เพราะฉะนั้น จึงขอยกตัวอย่างจากข้อ 1. เช่น หากเพชร 0.5 กะรัต (50 ตัง) มีราคากะรัตละ 90,000 บาท นั่นแปลว่าราคาของเพชรเม็ดนั้นจะเท่ากับ 90,000 บาท * 0.5 กะรัต = 45,000 บาท ต่อเม็ดนั่นเอง
ซึ่งคล้ายกับการซื้อรถยุโรป ที่ยิ่งคุณเพิ่มออปชั่นมากเท่าไร ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น จนคุณอาจจะถอยรถญี่ปุ่นได้อีกคัน
เพราะฉะนั้น ราคาเพชรจะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณไปพร้อมกับน้ำหนักกะรัต เนื่องจากราคาจะเพิ่มขึ้น นั้นมาจาก น้ำหนักเพชรที่เพิ่มขึ้น บวกกับ ราคาต่อกะรัตที่สูงขึ้น
เกร็ดความรู้: เพชร 1 ตัง = 0.01 กะรัต
Fact
สิ่งที่ต้องพิจารณา: ช่วงลำดับขั้น
ที่ผมเน้นเรื่อง ช่วงลำดับขั้น เป็นเพราะคุณอาจจะเข้าใจผิด คิดว่าราคาเพชรต่อกะรัตจะเพิ่มขึ้นตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แต่นั่นไม่เป็นความจริงเสมอไป เนื่องจากเพชรเป็นสินค้าที่ซื้อขายกันโดยอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
ตัวอย่าง: ถึงแม้ว่าเพชร 0.99 กะรัตจะมีราคามากกว่าเพชร 0.98 กะรัตที่มีคุณภาพเดียวกันเพียง 1% แต่ถ้าหากเป็นเพชร 1.00 กะรัต จะมีราคามากกว่าเพชร 0.99 กะรัตที่มีคุณภาพเดียวกันกันถึง 5-15%
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
อาจจะมาจากความภาคภูมิใจ ที่ผู้ซื้อสามารถบอกคนอื่นได้อย่างเต็มปาก ว่าเพชรของตน คือ เพชร 1 กะรัต แต่ถ้าวิเคราะห์ให้ดี ว่าทำไมคนจึงนิยมเพชร 1 กะรัต ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของจิตวิทยา (Psychology) และอุปสงค์ (Demand) ล้วนๆ
และนี่ก็เป็นเพียงหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ในตลาด มีเพชรคุณภาพต่ำปะปนอยู่มากมายนั่นเอง
คุณภาพการเจียระไน (Cut) ส่งผลต่อราคาเพชรอย่างไร?
จากที่ผมได้กล่าวในเบื้องต้น เพชรที่มีน้ำหนัก 1.00 กะรัต อาจมีราคาสูงกว่าเพชรที่มีน้ำหนัก 0.99 กะรัตกว่า 5-15% (ขึ้นอยู่กับคุณภาพแต่ละเม็ดด้วย)
ถ้าคุณกำลังนึกภาพตาม คุณคงจะนึกอยู่ในใจว่า “ถ้าอย่างนั้นช่างที่เจียระไนเพชรออกมาเหลือ 0.99 กะรัต จะโดนไล่ออกจากงานไหมนะ?”
ในความเป็นจริง ถ้าเพชร 0.99 กะรัตได้รับการเจียระไนออกมางามกว่าเพชร 1.00 กะรัต ราคาอาจต่ำกว่าเพียง 3-10% เนื่องจากผู้ซื้อยังให้ความนิยมในเพชรเต็มกะรัตมากกว่าอยู่ดี
และนี่ก็เป็นเทคนิคอย่างหนึ่ง ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการนั้นรู้กัน ว่าควรจะเจียระไนเพชร ให้อยู่ในลำดับขั้น 1 กะรัตให้ได้
สิ่งที่บริษัทเหล่านี้นิยมทำกัน คือ การนำเพชรที่ควรจะเจียระไนได้ 0.75 – 0.85 กะรัต (เพราะจะมีประกายดีที่สุด) มาเจียระไนให้ได้น้ำหนักมากกว่า 0.96 กะรัตแทน (หายาก) เพื่อที่จะสามารถนำมาขายได้ในราคา 1 กะรัต โดยทราบดี ว่าสัดส่วนอาจจะไม่เหมาะสมอย่างที่ควรจะเป็น
นี่จึงเป็นเหตุผล ที่ผมไม่แนะนำให้คุณซื้อเพชรแบบที่อยู่ในตัวเรือนแหวนแล้ว เพราะคุณจะไม่สามารถวัดน้ำหนักเพชรที่แท้จริงได้ และนี่ก็เป็นวิธีที่ร้านเพชรบางร้านใช้เพื่อหมกเม็ด ให้ตัวเองได้ขายของถูกนั่นเอง
ภาพประกอบด้านล่าง คือ ตัวอย่างของราคาเพชร (USD) ที่ก้าวกระโดดตามกะรัตที่เพิ่มขึ้น คุณจะสังเกตุได้ว่ายิ่งเพชรมีขนาดกะรัตมากเท่าใด ราคาก็จะสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด (Exponential)
ราคาเพชร 1 กะรัตขึ้นอยู่กับคุณภาพ 4C: Carat, Color, Clarity, Cut
ตารางราคากลางเพชร 1 กะรัต (Rapaport Price List)
ในส่วนของการตั้งราคาเพชร สามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่ม – กลุ่มที่ อิงจากราคากลางเพชร และกลุ่มที่ ไม่ได้อิงจากราคากลางเพชร โดยผมจะกล่าวถึงเฉพาะกลุ่มที่อิงจากราคากลาง
หากคุณสนใจดูราคาเพชร 1 กะรัต ที่อัพเดทล่าสุดทุกๆ 4 ชั่วโมงแบบ Real-Time โดยแปลงค่าเงินจากสกุลดอลลาร์สหรัฐฯมาเป็นสกุลเงินบาทแล้ว สามารถคลิกที่ลิ้งก์ด้านล่างเพื่อเลือกดูได้ครับ
Rapaport Price List คือ อะไร?
ตารางราคากลางเพชร (Rapaport Price List) มีจุดเริ่มต้นมาจาก Mr.Martin Rapaport ซึ่งเคยเป็นคนเจียระไนเพชรในเมืองแอนต์เวิร์ป (Antwerp) ประเทศเบลเยี่ยม (Belgium)
เมื่อปี 1975 เขาได้เริ่มขายเพชรร่วงทั้งแบบที่ยังไม่ได้เจียระไน และแบบที่เจียระไนแล้วในเมืองนิวยอร์ก ต่อมาในปี 1978 เขาจึงได้รวบรวมออกมาเป็นตารางราคากลางเพื่อให้ซื้อขายได้สะดวกขึ้น จึงเกิดเป็นตารางราคากลางเพชร (Rapaport Price List) ที่นิยมใช้กันจนถึงทุกวันนี้
Rapaport Price List (เรียกสั้นๆว่า Rap List) จะอัพเดททุกวันศุกร์ แต่โดยปกติราคาจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงเท่าไร หรือนานๆทีจึงจะเปลี่ยน (หลายเดือน)
Rap List จะใช้เป็นมาตรฐานในการกำหนดราคาเพชรร่วงทั้งหมดที่ขายในช่วง Clarity SI3 หรือมากกว่า และ K Color (น้ำ 93) หรือมากกว่า (ถึงแม้ว่าใน Rap List จะแจ้งราคาในช่วงที่ต่ำกว่านั้นด้วย แต่ในวงการไม่นิยมใช้กัน)
ส่วนลดและส่วนเพิ่ม (Discount & Premium)
การซื้อเพชรเป็นศาสตร์และศิลป์อย่างหนึ่ง เพราะในตาราง Rap List อาจจะมีเพชรบางเม็ดที่มีส่วนลด (Discount) ในขณะที่เพชรบางเม็ดอาจขายแพงกว่านั้น (Premium)
นั่นเป็นเพราะ มีหลายปัจจัยที่จะกำหนดราคาเพชร นอกเหนือจากน้ำหนัก (Carat) และน้ำ (Color) ยังมีเรื่องของ การเจียระไน (Cut) ตำแหน่งของตำหนิ (Inclusion) และความเรืองแสง (Fluorescence) ที่ต้องพิจารณาประกอบด้วย
เรื่องราคาเพชร จึงอาจเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยาก สำหรับผู้บริโภคทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในวงการ คุณจึงควรหาเพื่อนที่อยู่ในวงการเพชรสักคน เพื่อที่คุณจะได้ขอคำแนะนำจากเขาได้
จุดที่คุณภาพสมราคา (Sweet Spot of Value)
กลับมาพูดถึงเรื่องราคาเพชรใน Rap List ผมอยากให้คุณลองสังเกตุวิธีการตั้งราคาในตาราง เพชร 1 กะรัต อีกสักครั้ง
คุณเห็นอะไรที่แปลกไปไหม?
ใช่แล้ว ราคาในตาราง Rap List นั้นไม่มีความสม่ำเสมอกันเลยสักนิด!
ตัวอย่าง: หากคุณลองพิจารณาราคาเพชร 1 กะรัต คุณจะพบว่าระหว่างเพชร D / VVS2 กับ E / VVS2 นั้นมีราคาต่างกันถึง 87,000 บาท แต่ถ้าลดคุณภาพน้ำไปอีก 1 ระดับเป็น F / VVS2 ราคาจะต่างกับ E / VVS2 อยู่เพียง 26,000 บาท
นั่นหมายความว่า ถ้าคุณซื้อเพชร 1 กะรัต E / VVS2 คุณจะสามารถ ประหยัดเงิน ได้มากกว่าซื้อเพชร 1 กะรัต D / VVS2 อย่างมหาศาล
ถามว่าทำไมราคาถึงต่างกันขนาดนี้?
ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันครับ เพราะอย่างที่เคยพูดในเบื้องต้น ว่าเพชรเป็นสินค้าที่คนซื้อด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล และการที่คนนิยมเพชร D Color (น้ำ 100) นั้นเป็นเรื่องของจิตวิทยาล้วนๆ
ในตัวอย่างเบื้องต้น คุณคงจะเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าหากคุณซื้อเพชร 1 กะรัต D / VVS2 คงจะไม่คุ้มค่าเท่ากับ E / VVS2 ด้วยราคาที่ก้าวกระโดดไปไกล
เพราะฉะนั้น จึงสรุปได้ว่าการเลือกซื้อเพชรซักเม็ด ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องเลือกสเปคที่สูงที่สุดเสมอไป ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณมีงบประมาณที่เหลือเฟือ และมีความชื่นชอบเป็นกรณีพิเศษจึงตั้งใจซื้อจริงๆ
ทิ้งท้าย สำหรับท่านที่สนใจอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เพชรน้ำ 100 ว่าน่าซื้อมากแค่ไหน สามารถคลิกที่ลิงก์ด้านล่างเพื่ออ่านบทความฉบับเต็มได้เลยครับ
โฆษณา