18 ก.พ. 2022 เวลา 16:50 • ไลฟ์สไตล์
"ทำไมต้องมาทำอะไรทรมานตัวเองแบบนี้ด้วยวะ???"
บางครั้งก็มีคำถามนี้แวบขึ้นมาในหัวระหว่างเรียนโยคะแล้วเจอท่าที่ต้องยกต้องบิดขั้นสุด เล่นเอากล้ามเนื้อแทบฉีก เจ็บปวดรวดร้าวไปหมด
อันที่จริงก็พอรู้อยู่บ้างนะว่า การออกกำลังกายแบบที่ได้ใช้กล้ามเนื้อหนักๆ แบบนี้ เป็นการทำให้กล้ามเนื้อเกิดการฉีกขาดในระดับเซลล์ เพื่อให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ที่แข็งแรงมากขึ้น แต่ตอนทำมันก็ต้องใช้พละกำลังมากจริงๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ จนหลายครั้งเกือบท้อ ถ้าไม่ใช่เพราะเรียนกับครู ถึงแม้จะออนไลน์แต่ก็ได้มีคนคอยเชียร์ คอยกำกับตลอดเวลา ทำให้ยังต้องกัดฟันสู้ ฮึบๆ เข้าไว้
ประมาณว่า ยอมเจ็บวันนี้ เพื่อกล้ามเนื้อที่ดีในวันหน้า เพราะกล้ามเนื้อมีความสำคัญต่อร่างกายในหลายๆ ด้าน ยิ่งวัยนี้แล้วยิ่งต้องหมั่นเสริมสร้าง อนาคตจะได้ไม่พลัดตกหกล้มง่าย
คิดไปคิดมา กระบวนการสร้างกล้ามเนื้อของร่างกาย มันก็ช่างเหมือนการใช้ชีวิตของคนเราเลยนะ ใครที่เคยผ่านประสบการณ์อันยากลำบาก ทำให้เจ็บปวดรวดร้าวในจิตใจ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดใดก็ตาม มักจะมีจิตใจที่เข้มแข็ง มั่นคง เสมือนได้รับวัคซีนป้องกันโรค ทำให้มีภูมิต้านทานทางใจ สามารถต่อสู้กับอุปสรรค ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหลายได้ ขณะที่บางคนยังไม่เคยมีประสบการณ์แบบนั้นมาก่อน ก็มักจะอ่อนแอและแพ้พ่าย เพราะหัวใจยังไม่มีเกราะคุ้มกัน
หรือบางคน อาจเลือกที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้พบกับความเจ็บปวด และฉันคิดว่าตัวเองเคยเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ ร้ายกว่านั้นคือ ยิ่งหนี เท่ากับ ยิ่งเจ็บ...
แถมเป็นความเจ็บที่ไม่สร้างสรรค์เหมือนกระบวนการทำลายกล้ามเนื้อเพื่อซ่อมสร้างขึ้นมาใหม่ แต่มันเป็นความเจ็บที่ฝังลึก บ่อนทำลายภูมิต้านทานใจไปเรื่อยๆ จนเกือบจะกู้กลับคืนมาไม่ได้
จากคำถามข้างบน ที่มันแวบผ่านเข้ามาในหัว กลายเป็นว่า มันทำให้ฉันมองเห็นตัวเองมากขึ้น ว่าที่หันมาสนใจออกกำลังกายจนได้เรียนโยคะเอาตอนวัยใกล้ 50 นอกจากเพื่อสุขภาพแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อท้าทายตัวเองด้วยการทำอะไรที่เคยคิดว่ายาก ทำไม่ได้ และพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด เพราะมันทั้งเหนื่อย ทั้งเจ็บ
หรืออาจพูดได้ว่า ฉันกำลังใช้โยคะ เป็นแบบฝึกหัดการเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานใจนั่นแหละ
ไม่เคยทำ...ก็ลองทำ
เจ็บ...ก็อดทน
ขี้เกียจ...ก็ฮึบๆ บอกตัวเอง "แกทำได้ๆ" "สู้โว้ย!!!"
แล้วทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะหลังจากอดทนทำจนผ่านช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดของการบิดเกลียวกล้ามเนื้ออย่างเต็มที่แล้ว ตัวก็เบา สบาย ผ่อนคลาย และโล่งสุดๆ
ที่สังเกตุได้อย่างหนึ่งคือ จากท่าที่เคยคิดว่ายาก พอได้ฝึกทำบ่อยๆ จนเริ่มคุ้นชิน พอครูต่อท่าใหม่ ที่ยากขึ้น ท่าเดิมที่เคยทำกลายเป็นง่ายไปเลย ครูยังชมตลอดว่าดีขึ้นมากจากวันแรกๆ พร้อมตบรางวัลด้วยการอัพเลเวลท่ายากให้เรื่อย 5555
คงไม่ต่างกับสถานการณ์ในชีวิตอีกเช่นกัน เคยผ่านอะไรยากๆ มาแล้ว ที่เหลือก็ง่ายไปหมด หรืออย่างน้อยก็ไม่ทำให้เสียสติ เสียศูนย์ จนจัดการอะไรไม่ได้
ก่อนหน้านี้ฉันเคยคิดนะ ว่ามาเริ่มฝึกโยคะช้าไปหน่อย น่าจะฝึกมาตั้งแต่สาวๆ ป่านนี้คงได้เอวเอส หรือซิคแพคไปละ อิๆ
แต่ก็ช่างมันเถอะ มาเริ่มตอนนี้ก็ได้เรียนรู้อะไรอีกแบบนึง ส่วนพุงย้อยๆ กับต้นแขนย้วยๆ นั้น มองข้ามมันไปก็ได้ T T
ที่สำคัญ เริ่มช้า แต่ก็ยังดีก่วาไม่ได้เริ่มเลย จริงไหม?
โฆษณา