20 ก.พ. 2022 เวลา 04:08 • นิยาย เรื่องสั้น
เจ้าชายหมื่นคำถาม กับ เด็กหญิงแสนคำตอบ
=========================
<ตอนที่ 3> เผชิญหน้า
เจ้าชายจำไม่ได้ว่าตัวเองออกจากถ้ำมาได้ยังไง และวิ่งมาไกลแค่ไหน
….รู้แต่ว่าตอนนี้แขนขาเขาล้าสุดๆ เนื้อตัวก็ปวดเมื่อยไปหมด
ทั้งจากตอนกลิ้งตัว ปีนเกาะชะง่อนหิน และวิ่งเปี้ยว 4 x 100
….เขาเห็นต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้า จึงถอดเป้ออกมาวาง แล้วนั่งพิงต้นไม้ใหญ่
เบื้องหน้าเขาตอนนี้เป็นภูเขาสูงชัน เป็นเขาลูกเดียวกันกับที่เขามองมาจากปราสาท และคิดว่าเด็กหญิงจะอยู่ที่นั่น
เขานึกไม่ออกเลยว่าจะปีนข้ามเขาลูกนี้ไปยังไง
….ไหนจะเข็มขัดใส่ลูกแก้วที่มาหล่นหายไปอีก ไหนจะถุงลูกแก้วอีกสองถุงที่ตกหายไปในป่าขณะวิ่งหลบฝน ก็คงกลับไปเอาไม่ได้แล้ว ….ยังไม่นับอีกสองถุงที่หลุดลอยตามกระแสน้ำไป หรือจมน้ำไปแล้วก็ไม่รู้
เจ้าชายรู้สึกเจ็บแปลบตามแขนทั้งสอง พอยกขึ้นมาดูก็มีรอยขีดข่วน เลือดซิบๆเต็มไปหมด ….คงจะได้มาจากตอนลื่นไถลแน่เลย
“ เฮ้อ … นั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่ปราสาทก็ดีอยู่แล้ว จะออกมาทำไมก็ไม่รู้น๊า หาเรื่องแท้ๆ ”
…..ตอนนี้เจ้าชายทั้งเจ็บแผลตามตัว ปวดเมื่อย เหนื่อยล้า และท้อใจ
แล้วก็ผล็อยหลับไปใต้ต้นไม้นั้นเอง
…………………….
เจ้าชายหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้
แต่หลังจากเขาลองลุกขึ้นมา ขยับแข้งขาแล้ว ก็รู้สึกดีขึ้นเยอะ
เรี่ยวแรงกลับมา ความปวดเมื่อยหายไปเกือบ 80%
ความคิดก็เหมือนจะรีเฟรชขึ้นด้วย!!
เขาคิดว่าจะลองเดินกลับไปตามหาเข็มขัดอีกซักครั้งที่น้ำตกในถ้ำ
...แม้ว่าจะมีตัวอะไรก็ตามในนั้น เขาก็จะลองเสี่ยงดู
อย่างน้อยๆ เขาก็เชื่อในพลังขาและสกิล “เผ่นป่าราบ” ของเขาล่ะน่า
เขาจำได้ว่า เขาเอาไฟฉายสำรองอันเล็กๆติดมาด้วย
เลยหยิบเป้ออกมาค้น ….ใช่จริงด้วย มันอยู่ในซิปด้านใน
ก่อนจะปิดเป้…เขาหยิบเอาลูกแก้วคำถามลูกใหญ่ในเป้ออกมานั่งดู
“ ถึงจะเจอหรือไม่เจอเข็มขัดก็ตาม แต่ฉันก็ยังมีลูกแก้วที่สำคัญที่สุดอย่างเจ้าอยู่ล่ะนะ”
เขาบอกกับลูกแก้ว แล้วเอาใส่ไว้อย่างเก่า ปิดซิป แล้วยกขึ้นกระชับไว้กับหลัง (..มันยังหนักเหมือนเดิม)
ก่อนจะเดินหากิ่งไม้ใหญ่ ที่พอจับถนัดมือไว้อันนึงเผื่อไว้สำหรับป้องกันตัว…จากตัวอะไรซักอย่างในถ้ำ
……และตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะกลับไป !!!
………………
เจ้าชายน้อยใจตุ๊มๆต่อมๆ เดินเข้าไปในถ้ำ (น่าจะเรียกว่าย่องมากกว่า)
มือซ้ายส่องไฟฉายน้อยๆ ส่วนมือขวาก็กำกิ่งไม้แน่น
…...เขาเดินเลยทางแยกมาสักพักนึงแล้ว
นั่นไงล่ะ !! หูเขาได้ยินเสียงนั่นอีกแล้ว
ทว่าคราวนี้มันฟังดูอ่อนลงไปเยอะ
เขาพยายามตั้งในฟังดีๆอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าหูไม่ได้แว่วไปเอง
โอยยยย……ช่ว….ย …. ด้วยยยยยย
นี่มันเสียงขอความช่วยเหลือนี่นา ได้ยินดังนั้น เขาจึงเร่งเดินไปยังที่มาของเสียง
ตอนนี้เขามาหยุดบริเวณโถงถ้ำที่มีแอ่งน้ำตกใหญ่ที่ไหลซู่ซ่ามาจากด้านบน (ที่เขาเกือบตกลงมา)
อูยยยยย เจ็บจัง
เขาส่องไฟฉายไปรอบๆ โถงนั้น แล้วก็ไปเจอกับที่มาของเสียงนั้น
….เป็นลูกหมีหมาตัวหนึ่ง เหมือนตัวมันติดอยู่ในหลืบซอกหินเล็กๆ ท่าทางดูอ่อนแรงเต็มที
“ อยู่นิ่งๆก่อน เดี๋ยวฉันไปช่วย ”
เจ้าชายพุ่งตรงไปที่หมีน้อย แล้วยื่นมือไปดึงแขนหมีสองข้าง แต่เสียงร้องโอ๊ยของมันทำให้เจ้าชายต้องรีบปล่อยมือ
….เขาส่องไฟฉายไปตรงช่วงเอวที่มันติดอยู่ เห็นมีรอยขนแหว่งไป เผยให้เห็นแผลถลอกนิดๆ เลยพอเข้าใจว่ามันคงพยายามตะเกียกตะกายดึงตัวเองออกมา
เจ้าชายนิ่งคิดอยู่พักหนึ่งก็นึกได้ว่า เขาเอาสบู่เหลวอาบน้ำมาด้วยนี่นา
ว่าแล้วก็เลยรีบคว้าเอาสบู่เหลวในเป้ออกมาใส่มือ ใช้ปากคาบไฟฉายน้อย แล้วไปวักน้ำจากแอ่งน้ำตก เอามาถูมือจนเต็มไปด้วยฟอง จากนั้นก็เอามาฟอกตัวเจ้าลูกหมี
มันหัวเราะคิกคักอย่างจั๊กจี้ …..บรรยากาศตึงเครียดเลยเริ่มผ่อนคลายลง
“เอ้า จะดึงล่ะนะ ” เจ้าชายยื่นมือสองข้างไปจับมือหมีพลางให้สัญญาณ
“นึง ส่อง ซั่มม ……เอ้าฮึบบบบบบบ!!!!!!!”
….พรวดดดดดดด !!! เจ้าหมีหลุดออกมาแล้ว….
และลอยไปชนตัวเจ้าชาย กลิ้งขลุกๆๆ ไปด้วยกันบนพื้นถ้ำ
……..
“ไชโย รอดแล้ววว!!!!” ลูกหมีร้องตะโกนลั่น จนดังสะท้อนไปมาทั่วถ้ำ
”….ต ..แต่ฉันอาจจะไม่รอด ถ้านายยังทับอยู่บนตัวฉันแบบนี้”
เจ้าชายพูดเสียงอึดอัด เพราะโดนตูดใหญ่ๆอ้วนๆของเจ้าหมีนั่งทับอยู่ที่หน้าอก
“โอ้ ขอโทษๆๆ” เจ้าหมีรีบลุกออกไป แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะกันเสียงดัง
….
ทั้งคู่นั่งคุยกัน ได้ความว่า
ปกติเจ้าลูกหมีหมานั้น ชอบมาหาปลากินที่แอ่งน้ำตกในถ้ำนี้
แต่วันนี้ได้ยินเสียงดังครืดคราดมาจากด้านบน (เสียงเจ้าชายลื่นไถล)
มันเลยตกใจ รีบหาที่ซ่อน….พอได้ยินเสียงฝีเท้าเจ้าชายกำลังจะเดินมาเลยส่งเสียงขู่
พอเสียงหายไปแล้ว ก็เลยปีนออกมาแต่ว่าตัวติด แล้วก็พยายามกระเสือกกระสนจนเจ้าชายมาเจอนี่แหละ
เจ้าชายทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้มัน ด้วยการล้างแผล ทายาแดงแล้วแปะพลาสเตอร์
(ดังที่เคยเรียนมาจากวิชาสุขศึกษา)
พลางเล่าให้ฟังว่าทำเข็มขัดของสำคัญตกลงไปในน้ำตก…..
แต่พอเล่ามาถึงนี่เท่านั้นล่ะ เจ้าหมีก็รีบวิ่งกระโจนลงไปในน้ำทันที
มันหายไปประมาณ 2-3 นาที แล้วก็ชูเข็มขัดขึ้นมา
….
“ เฮ้ยย ขอบใจเจ้ามากเลยนะหมีน้อย ” เจ้าชายกำลังยังงงๆอยู่แต่ก็ดีใจอยู่พักหนึ่ง
“ต…..แต่ว่า…..”
 
ใช่แล้วล่ะ ……..เหลือถุงลูกแก้วติดอยู่ที่เข็มขัดเพียง 2 ถุง (หายไปอีก 3 ถุง)
“….??....” เจ้าหมีเอียงคอ
“ ช่างมันเถอะ ….. ” เจ้าชายตัดสินใจไม่บอก เพราะไม่อยากให้เจ้าหมีที่กำลังบาดเจ็บต้องไปลำบากหาต่อ
อีกอย่าง น้ำแถวนี้ก็เชี่ยวมาก มันน่าจะหลุดหายไปแล้วล่ะ
“ ฉันขอบใจเจ้าจริงๆนะ …..ตอนแรกนึกว่าจะไม่เจอซะแล้ว ”
เจ้าชายยิ้มกว้างและโผกอดหมีน้อย
….แล้วทั้งสองก็เดินออกจากถ้ำด้วยกัน
========================
<ตอนที่ 4> ผาชมจันทร์
“ นี่แหละ ทางขึ้นผาชมจันทร์ ที่ฉันเล่าให้ฟัง ”
ลูกหมีหมา เพื่อนใหม่ของเจ้าชาย ชี้มือไปที่หลืบเขาข้างหน้า ที่ลาดเอียงขึ้นไป 45 องศา
และมีแต่ก้อนหินน้อยใหญ่วางสลับซับซ้อน
“ ห๊ะ!!! นี่มันอะไรก๊านนน ” เจ้าชายอ้าปากค้าง จนแมงปอตัวนึงเกือบจะบินหลงเข้าไป
…………
ก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมง หลังจากที่ทั้งสองเดินออกจากถ้ำมา
ก็พากันนั่งพักที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆ
และต่างก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
(ส่วนเจ้าชายก็ทำแผลให้ลูกหมีไปด้วยอีกครั้ง เพราะอันเก่าเปียกน้ำไปแล้ว)
เจ้าหมีเล่าให้ฟังถึงชีวิตในป่า
เจ้าชายเล่าให้ฟังถึงชีวิตในเมือง
เล่าเรื่องพลังพิเศษของเขา และเรื่องราวการผจญภัยเพื่อออกตามหาเด็กหญิงแสนคำ ที่เขาเชื่อว่าต้องปีนข้ามเขาลูกนี้ไป
เจ้าหมีขันอาสาว่าจะพาเขาปีนข้ามไป มันรู้จักทางที่น่าจะพอขึ้นไปได้
เพราะมันเคยปีนไปเก็บเห็ดแสงจันทร์ที่หน้าผาแห่งหนึ่ง
………ซึ่งก็คือที่นี่
………
……………..
เจ้าชายแหงนคอตั้งบ่าก็ยังไม่เห็นยอดเขา แต่ก็ตัดสินใจ
……สูดลมหายใจลึกๆ แล้วกระชับเป้เข้ากับหลัง
“ เอ้า ไปก็ไป!! ”
แล้วเจ้าหมีก็เริ่มนำทางไป
มันกระโดดสลับกับปีนป่ายจากหินลูกหนึ่งไปยังลูกต่อๆไปอย่างเชี่ยวชาญ
เจ้าชายพยายามทำตามบ้าง แต่ก็ดูงุ่มง่ามซะจนเจ้าหมีต้องโดดกลับมาช่วยดึงขึ้น
หรือดันก้นส่งขึ้นไปอยู่หลายครั้ง
บางทีขึ้นไปได้แล้ว แต่ก็กลับลื่นไถลลงมาอีกก็มี
…กระนั้น เจ้าชายก็ยังไม่บ่นออกมาซักคำ (แม้จะบ่นในใจบ้างนิดหน่อย)
เนื่องเพราะเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของเจ้าหมีที่พยายามพาเขาไป ….ทั้งฉุดทั้งลาก
ซึ่งดูแล้วน่าจะเหนื่อยกว่าเขาพอดู
…………
“เอาล่ะ เจ้าลูกคน ” เจ้าหมีว่า “ในที่สุดเราก็มาถึงปากถ้ำ ที่ฉันเคยขึ้นมาเก็บเห็ดแสงจันทร์ละ ….ทางไปต่อจากนี้ เราคงต้องค่อยๆง มหากันเองแล้วล่ะนะ”
“ขะ….ขอบใจมาก ละ เลยย เจ้าหมี แฮ่ก แฮ่ก” เจ้าชายกล่าว ขณะคลานขึ้นมานอนกองอยู่ที่ริมผานั้น
เจ้าชายกับเจ้าหมีนั่งพักกันซักพัก เจ้าหมีไปแวะเก็บเห็ดในถ้ำมาได้สี่อัน แบ่งกินกับเจ้าชายคนละอัน
ส่วนที่เหลือก็ให้เจ้าชายเก็บใส่เป้ไว้เป็นเสบียงเดินทางต่อ
“ โอ๋ อี้อันอานอ้ากเอยอ๊ะเอี้ยย กร้วมๆ (โห นี่มันหวานมากเลยนะเนี่ย) ” เจ้าชายพูดขณะเคี้ยวเห็ดอยู่เต็มปาก
“ใช่ ฉันมาเก็บไปฝากพ่อแม่บ่อยๆน่ะ มันจะออกดอกทุกๆคืนเดือนเพ็ญ ….ถึงเรียกว่าเห็ดแสงจันทร์ไง” เจ้าหมีว่า พลางมองดูพระอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลงมาจนเป็นแนวเดียวกับระดับสายตา
“….แต่ฉันว่าเราต้องรีบเดินทางต่อกันแล้วล่ะ ไม่งั้นจะค่ำซะก่อน”
เจ้าชายรีบกินเห็ดส่วนที่เหลือจนหมด แล้วก็เดินสำรวจกับลูกหมีไปรอบๆ
….จากจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่นั้น นับว่าสูงพอดูจากพื้นดินเบื้องล่าง
เจ้าชายเห็นแม่น้ำที่ว่ายข้ามมาเมื่อเช้า เป็นเหมือนเส้นสปาเก๊ตตี้สีฟ้ายาวๆ พาดผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจี
ข่าวดีก็คือ …พอมองขึ้นไปด้านบน ก็เหมือนจะเห็นยอดเขาอยู่ไม่ไกล
แต่ข่าวร้ายคือ …ทางลาด 45 องศา ที่ทั้งคู่ปีนป่ายกันมา ขณะนี้ได้กลายเป็น 90 องศาหมดแล้ว!!!
ทั้งสองแยกย้ายกันไปสำรวจบริเวณชะง่อนผาแคบๆฝั่งซ้ายและขวา ที่พอจะเดินเบียดๆไปได้แบบทีละคน
“ เจ้าลูกคน ….มานี่หน่อยสิ ฉันว่าฉันเจอทางไปต่อได้แล้ว ” เสียงตะโกนของเจ้าหมีดังมาจากหน้าผาฝั่งซ้าย
เจ้าชายเลยค่อยๆเดินตามไปดูอย่างระมัดระวัง
……ลูกหมีชี้ให้ดูชะง่อนผาอีกอันที่ห่างออกไปประมาณสามเมตรกว่าๆ แต่ระดับสูงประมาณเอวเจ้าชาย
“ห๊ะ….แล้วเราต้องกระโดดไปเนี่ยนะ” เจ้าชายกล่าว เสียงเหมือนจะสั่นๆนิดหน่อย
ลูกหมีพยักหน้า “อะ ทีนี้นายก็ไปยืนข้างหลังนู่น ……ให้ฉันได้มีระยะวิ่งซักหน่อย ”
เจ้าชายลังเล แต่ก็ทำตามทั้งที่ยังงงๆ
…พอเจ้าชายเดินคล้อยหลังไปได้นิดนึง ลูกหมีก็ออกวิ่งแล้วกระโดดทันที
เจ้าชายได้ยินเสียงวิ่งตุบตับ เลยรีบหันกลับไปมอง
ก็ปรากฏว่า…….ร่างเจ้าหมีไปยืนบนชะง่อนหินอันนั้นเรียบร้อยแล้ว
( ….มันโพสท์ท่าชูสองแขน หลับตาพริ้มอย่างเท่ห์ )
…….
“ โห สุดยอดเลยเจ้าลูกหมี ” เจ้าชายตบมือ แล้วยกนิ้วให้
“เอ้าทีนี้ตานายละ เจ้าลูกคน” เจ้าหมีตะโกนกลับมา “วิ่งมาจากตรงนั้น แล้วกระโดดมาเลย”
…….เจ้าชายหันมองลงไปยังพื้นเบื้องล่างแล้วก็กลืนน้ำลายเอื๊อก
(เสียงนกแถวนั้นร้อง “ แกว้กก… แกว้กก” พอได้บรรยากาศ)
“เลิกกลืนน้ำลายเอื๊อก แล้วก็โดดมาได้ละ…” เจ้าหมีเร่ง เมื่อเห็นท่าทางลังเลผสมกลัวๆ ของเจ้าชาย
……เจ้าชายจึงสูดหายใจเต็มปอด ออกวิ่งพุ่งไปข้างหน้า แล้วย่อขาส่งตัวเองกระโดดออกไปสุดแรง
รู้สึกร่างตัวเองลอยคว้างกลางผ่านอากาศไปอย่างสโลว์โมชั่น ….
รู้สึกได้ถึงอุ้งมือนุ่มๆของเจ้าหมี ที่คว้ามาจับข้อแขนของเขาไว้
เวลากลับมาเดินไวเป็นปกติ เจ้าชายรู้สึกว่านิ้วเท้าขวาได้สัมผัสพื้นดิน ….แต่ว่าลงน้ำหนักได้ไม่เต็มขา
หินหลายก้อนร่วงกราวลงไปสู่หุบเหวเบื้องล่าง แถวๆครึ่งเท้าของเขา
 
นี่ถ้าเจ้าหมีไม่ได้คว้าแขนเขาไว้ล่ะก็……เขาน่าจะตกลงไปแล้วป่านนี้
เจ้าหมีดึงตัวเจ้าชายเข้ามายืนที่ชะง่อนผานั้นโดยเร็ว
“ เกือบไปแล้วไหมล่ะ ” เจ้าหมีว่า “นายน่ะ กระโดดเร็วไปก้าวนึง…..พวกคนเนี่ยน้า ”
“ ขอบใจนายจริงๆนะเจ้าหมีที่ช่วยจับไว้ ”
…………
ตอนนี้ทั้งคู่ก็มายืนบนชะง่อนผาที่ทั้งเล็กและแคบ มองขึ้นไปด้านบน ทางซ้ายถัดไปจากชะง่อนผานิดหน่อย มีต้นไม้ยื่นออกมาจากบนยอดเขา แต่ด้วยระยะจากตรงนี้ คงโดดขึ้นไปไม่ถึงแน่ๆ …ถัดไปอีกพอประมาณก็มีหินยื่นออกมา…. แต่มันก้อนไม่ใหญ่มาก น่าจะพอยืนได้แค่คนเดียวแบบไม่เต็มเท้า
ทั้งสองนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ ใช่แล้ว!!!”
เจ้าชายโพล่งออกมา เหมือนจะคิดอะไรออกแล้ว
แต่ดูเหมือนจะช้าไปเพียงเสี้ยววิ… เจ้าหมีกระโดดไปยังหินก้อนนั้นเรียบร้อยแล้ว
“ ฉันจะบอกว่า ….ฉันมีเจ้านี่ ” เจ้าชายเปิดเป้ แล้วหยิบเอาเชือกตะขอ (ที่เคยใช้ตอนปีนออกมาจากปราสาท) ออกมาชูให้ดู
“อะไรของนายนั่น…..” เจ้าหมีพูดยังไม่ทันจบ ก้อนหินที่มันยืนอยู่ก็พลันหลุดร่วงลงไป
ดีที่เจ้าหมีใช้อุ้งเล็บทั้งสองเกาะเข้ากับหน้าผาไว้ทัน
….ไม่รอช้า เจ้าชายเหวี่ยงเชือกตะขอ แล้วขว้างปลายตะขอของมันไปเกี่ยวกับต้นไม้ที่ยื่นมาจากบนหน้าผา
ดึงปลายเชือกเบาๆพอให้กระชับ ….ก่อนจะโหนเชือกพุ่งไปยังที่เจ้าหมีเกาะอยู่
“จับมือชั้นไว้!!! ” เจ้าชายวาดมือไปข้างหน้า เจ้าหมีก็ยื่นมือมาจับอย่างทันควัน มันโหนมือเจ้าชายแล้วรีบมาคว้าปลายเชือกที่อยู่ช่วงขาเจ้าชาย
ตอนนี้ทั้งคู่ก็ได้ห้อยต่องแต่งอยู่ใต้ต้นไม้นั้นเป็นที่เรียบร้อย …..เพียงแค่ปีนขึ้นไป
……
ครึ่ก…ครืดดดดๆ !!!!!!
…..แต่ดูเหมือนต้นไม้จะรับน้ำหนักไม่ไหวซะแล้ว รากของมันที่เกาะอยู่กับหน้าผา กำลังจะถูกดึงออกมาจากพื้นดินด้วยน้ำหนักตัวของทั้งสอง
ไวเท่าความคิด เจ้าชายปลดเข็มขัดที่มีถุงลูกแก้วสองถุงออกแล้วปล่อยให้มันตกลงไป
ได้ผล….ต้นไม้ดูเหมือนจะหยุดขยับ
“ ทำอะไรของนายน่ะ…. ” เจ้าหมีมองตามเข็มขัดที่ร่วงลงไปอย่างเสียดาย แต่เจ้าชายตัดบท
“ อย่าเพิ่งพูด ปีนตามฉันขึ้นมา”
ทั้งคู่ค่อยๆปีนป่ายเชือกขึ้นไป …ช้าๆ…..ค่อยๆ
เพราะกลัวจะไปดึงให้ต้นไม้หลุดออกมา
…ช้าๆ
…ค่อยๆ
อีกเพียงเมตรนิดๆ ก็จะถึงต้นไม้แล้ว
…ครืดดดดด คราดดดด!!!!!!
เอาอีกแล้ว ……รากต้นไม้กำลังจะค่อยๆหลุดออกมาจากหน้าผา เศษดินร่วงกราวลงไปเบื้องล่าง พร้อมๆกับ
รากที่ค่อยเผยให้เห็นมากขึ้นทุกที
“ เจ้าลูกคน!! ” เจ้าหมีตะโกน “ นายขึ้นไป เดี๋ยวฉันจะปล่อยเชือกเอง ….. ระหว่างร่วงลงไป ฉันจะใช้กรงเล็บเกาะหน้าผา แล้วค่อยปีนลงไป ”
“ มันเสี่ยงเกินไป ” เจ้าชายตอบ “ …ฉันรู้ว่าจะต้องทำยังไง”
กล่าวจบ เจ้าชายก็ขยับแขนเพื่อถอดเป้
“ ดะ เดี๋ยวสิ นั่นมันของสำคัญของนายไม่ใช่เหรอ !! ” เจ้าหมีตะโกนขึ้นไป
….มันเห็นเป้ของเจ้าชายร่วงผ่านหน้ามันลงไป…เป้ที่เขาสะพายติดตัวไว้ตลอด พร้อมกับเสียงดังมาจากด้านบน
“ มันไม่สำคัญเท่านายหรอก…..เพื่อน”
….ต้นไม้เหมือนจะหยุดขยับแล้ว ทั้งสองค่อยๆปีนขึ้นไป พอเจ้าชายคว้าต้นไม้ได้ก็ดึงตัวเองขึ้นไปนั่งข้างบน แล้วยื่นมือดึงเจ้าหมีขึ้นมา แล้วทั้งคู่ก็รีบไต่ไปยังโคนต้นไม้ ที่ยื่นออกมาจากหน้าผา
…..และล้มตัวลงนอนข้างๆกัน ต่างคน(ต่างตัว) ก็ส่งเสียงหอบแข่งกัน
“ เกือบไปแล้วไหมล่ะ ” เจ้าชายพูดพลางหอบไปพลาง “นายน่ะ น้ำหนักเยอะไปกิโลนึง……..พวกหมีเนี่ยน้า ”
…….แล้วทั้งสองก็หัวเราะร่ากันเสียงดัง
ก่อนที่เจ้าชายจะได้ยินเสียงคุ้นหูดังแว่วมา
“ นั่นท่านใช่ไหม เจ้าชาย??”
(อ่านต่อตอนหน้า)
โฆษณา