23 ก.พ. 2022 เวลา 13:32 • คริปโทเคอร์เรนซี
อยากลงทุนคริปโตฯ สักเหรียญ จะเลือกอะไรดี (4)
ผ่านไปแล้ว 3 เหรียญที่เพจได้นำเสนอข้อมูลไปนะคะ และวันนี้จะเป็นเหรียญสุดท้ายที่เพจมานำเสนอค่ะ นั่นก็คือ >> Ethereum (ETH) ซึ่งเป็นเหรียญที่มีมูลค่าอยู่ในอันดับ 2 รองจาก Bitcoin นั่นเองค่ะ
ท่านใดที่พลาดไปก่อนหน้านี้ก็สามารถย้อนไปดูได้ในซีรีย์ "อยากลงทุน ลงทุนในอะไรดี" ที่ลิ้งใต้บทความได้เลยค่ะ
Ethereum คือ เครือข่าย Blockchain ที่เป็นแพลตฟอร์มให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ หรือ Dapps (Decentralized Application) ซึ่งใช้บนระบบที่เป็น Proof-of-Work
Dapps คือ แอพพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ที่ไม่ถูกควบคุมจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แม้แต่ตัวผู้พัฒนาเอง แต่สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองผ่าน Smart Contract ที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ชื่อ Solidity
Smart Contract หรือ สัญญาอัจฉริยะ เป็นสัญญาที่สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองเมื่อครบเงื่อนไขที่กำหนด เช่น เมื่อ A โอนเงินให้ B ครบตามเงื่อนไข สิทธิ์การเป็นเจ้าของสินค้าจะถูกโอนให้ A โดยอัตโนมัติ เป็นต้น
เมื่อ Smart Contract ถูกปล่อยให้รันบนเครือข่าย Ethereum เครื่องคอมพิวเตอร์นับล้านเครื่องทั่วโลกที่รันบนข้อมูลชุดเดียวกันจะทำให้ Smart Contract สามารถดำเนินการตามหน้าที่ของมัน เครื่องคอมพิวเตอร์นับล้านทั่วโลกนี้ จึงเปรียบเสมือนกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์เครื่องหนึ่ง
การใช้ Dapps สามารถตัดคนกลางออกไปได้ เหมือนกับที่ Bitcoin สามารถตัดคนกลางออกไปจากเรื่องของการโอนเงิน แต่ Ethereum สามารถขยายขอบเขตออกไปได้มากกว่าการรับ-ส่งเงิน
เช่น การระดุมทุน การประมูล บริการทางการเงินที่เรียกว่า DeFi (Decentralized Finance) หรือกระดานแลกเปลี่ยนแบบไม่มีตัวกลาง (Decentralized Exchange) และการฟาร์มผลตอบแทน (Yield Farming) เป็นต้น
Ethereum เป็นรูปแบบ Open-Source
หมายถึง ผู้สร้างได้เปิดเผย Source Code ของตนเพื่อให้ผู้อื่นสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้อย่างอิสระ ทำให้นักพัฒนาหลายคนนำ Source Code ไปพัฒนาและสร้าง Application มากมายขึ้นบนเครือข่าย Ethereum
ทำให้ Ethereum ไม่ถูกจำกัดแค่เรื่องธุรกรรมทางการเงินในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่เท่านั้น แต่สามารถประยุกต์ใช้กับธุรกิจอื่นๆ ในวงกว้างได้อีกมากมาย
ภาพจาก Pinterest
📌 จุดเด่นสำคัญของ Ethereum
>> เป็น Smart Contract คือ เป็นชุดคำสั่งที่ดำเนินการได้เองโดยอัตโนมัติเมื่อครบตามสัญญาหรือข้อตกลงที่ถูกโปรแกรมไว้ในเครือข่ายของ Ethereum ซึ่งเป็นฐานการเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนที่มีความปลอดภัยสูงมาก และยากต่อการเปลี่ยนแปลง ผู้ใช้ทุกคนยังสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้ ทำให้สามารถมั่นใจว่าธุรกรรมนั้นจะมีความโปร่งใสไร้การทุจริต
>> เปิดให้ผู้อื่นสร้าง Ethereum Token ได้ ซึ่งทำให้คนจำนวนไม่น้อยเกิดความสงสัยว่าการที่ Ethereum เปิดให้สร้าง Token ได้นั้นจะเป็นจุดแข็งของ Ethereum ได้อย่างไร
แต่แท้จริงแล้วการที่ Ethereum เปิดให้มีการสร้าง Token บนเครือข่ายของตนเองได้นั้น ก็เพราะ ทุกๆ การทำธุรกรรมของ Token จะต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียม หรือที่เรียกว่าค่าแก๊ส (Gas) เป็นสกุลเงิน Ether (ETH)
นั่นหมายถึงยิ่งมี Token ในเครือข่ายของ Ethereum มากเท่าไหร่ ความต้องการเหรียญ ETH ก็จะมากขึ้นเท่านั้น ทำให้มูลค่าของเหรียญสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ Ethereum อยู่ในอันดับ 2 ของตลาดคริปโตฯ นั่นเอง
>> Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อถือสูง และมีคนใช้มากที่สุดในปัจจุบัน และไม่ว่าจะเป็น Dapps, Smart Contract หรือ Token นั้น ต่างก็ใช้เครือข่ายบล็อกเชนของ Ethereum ในการเก็บข้อมูลทั้งสิ้น
>> Ethereum เป็นเหรียญที่มีจำนวนไม่จำกัด
เนื่องจาก ETH เป็นเหรียญที่ไม่ได้ถูกจำกัดจำนวนไว้อย่างชัดเจน เพราะ ETH นั้นเป็น Supply ที่มีความต้องการใช้ค่อนข้างสูง เนื่องจากบนเครือข่ายของ Ethereum ไม่ว่าจะเป็น “Dapps, Smart Contract หรือ Token ต่างต้องใช้เหรียญ ETH ในการจ่ายค่าธรรมเนียม (Gas fee) เสมอ
Ethereum ได้รับการยกย่องว่าเป็น Blockchain รุ่นที่สอง ที่พัฒนาต่อยอดขึ้นมาจาก Blockchain รุ่นแรกอย่าง Bitcoin
จุดเด่นที่ยกระดับให้ Ethereum เป็น Blockchain รุ่นที่สอง คือความสามารถในการประยุกต์ใช้ Smart contract ที่กว้างขวาง และความสามารถในการประมวลผลโดยรวมที่สูงกว่า Bitcoin
ภาพจาก Pinterest
นอกจากนี้ยังมี Blockchain รุ่นที่สามอีกด้วย โดยสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ขึ้นมา บางคนก็ได้แยกตัวออกไปสร้างเป็นเครือข่ายของตัวเอง เช่น
Gavin Woord แยกตัวออกมาสร้าง Polkadot (DOT)
Charles Hoskinson แยกตัวออกมาสร้าง Cardano (ADA)
Fabian Vogelsteller แยกตัวออกมาสร้าง Lukso (LYXe) เป็นต้น
ซึ่งทั้ง 3 เครือข่ายข้างต้นนี้เป็น Blockchain ที่ใช้ระบบ Proof-of-Stake ต่างกับ Ethereum ที่เป็น Proof-of-Work
โดยที่ระบบ Proof-of-Stake สามารถทำความเร็วในการประมวลผลได้เหนือกว่า Proof-of-Work และยังประหยัดพลังงานลงอย่างมาก
และด้วยความเร็วในการประมวลที่เหนือกว่า Ethereum เครือข่ายเหล่านี้จึงถูกเรียกว่าเป็น Blockchain รุ่นที่สาม
แต่ทั้งนี้ Ethereum เองก็จะมีการอัพเดทครั้งใหญ่เรียกว่า Ethereum 2.0 ที่จะเปลี่ยนเป็น Proof-of-Stake แบบเต็มตัว รวมถึงการแก้ไขระบบต่าง ๆ ให้คนทั่วไปสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น ภายในปี 2022 จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตาการอัพเดทครั้งนี้จะส่งผลกับ Ethereum อย่างไรค่ะ
สำหรับราคา ETH ตอนนี้แกว่งอยู่ในช่วง $2,500 - $3,196 ราคาสูงสุดเคยไปถึง $4,372.72 และราคาต่ำสุดอยู่ที่ $81.79
ก็จบไปแล้วสำหรับการนำเสนอข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญของเหรียญ ETH และเหรียญอื่นๆ ที่นำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็พอจะทำให้ท่านที่ยังไม่เคยรู้ข้อมูลใดๆ เลยเกี่ยวกับเหรียญคริบโตฯ ได้พอรู้จักเหรียญเพิ่มมากขึ้นนะคะ
อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซี จัดเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงถึงสูงมาก แต่ความเสี่ยงก็สูงมากเป็นเงาตามตัวเช่นเดียวกัน
ดังนั้น อย่าลืมสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุน ก็คือต้องรู้จักป้องกันความเสี่ยงด้วยการเพิ่มพูนความรู้ให้มากๆ ก่อนการตัดสินใจใดๆ ลงไป เพื่อลดความผิดพลาดและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นภายหลังค่ะ
โชคดีในการลงทุนทุกท่านค่ะ 😊
Cr.siamblockchain
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้กันเสมอค่ะ
🌷🌷❤❤🙏🙏🙏🙏❤❤🌷🌷

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา