ดันคอนเทนต์ในโลกออนไลน์ ให้ไปต่ออย่างไรในปี 2022
ในยุคนี้ ดูเหมือนว่าใครๆ ก็เป็น Content Creator ได้ ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนบทความ หรือเจ้าของช่องวิดีโอ ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้เพียงปลายนิ้ว ทำให้คอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียมีมากมายมหาศาล
แต่ใช่ว่าทุกคอนเทนต์จะถูกส่งตรงถึงผู้อ่านทุกคน เพราะโลกออนไลน์มี “AI” และอัลกอริทึม ที่คอยคัดสรรคอนเทนต์ให้ตรงตามความต้องการของผู้อ่านผู้ชม ดังนั้น สิ่งที่เราต้องเอาชนะ จึงไม่ใช่แค่ทำคอนเทนต์ให้ถูกใจคนอ่าน แต่รวมไปถึงหัวใจของ AI ด้วย
วันนี้เราเลยสรุปเทรนด์และคำแนะนำที่น่าจะเป็นประโยชน์ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ลองมาดูกันว่า จะทำอย่างไรให้คอนเทนต์เข้าถึงคนได้มากขึ้นในปี 2022 นี้!
1. สร้างเนื้อหาอย่างมือโปร
นับจากนี้ Google จะให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่เจาะลึกในหัวข้อนั้นๆ มากกว่าจะยึดแค่ ‘Backlinks’ หรือการให้เว็บไซต์อื่นๆ ลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์ของเรา ทำให้ Search Engine มองว่า เว็บไซต์เรามีความน่าเชื่อถือ
หากเว็บไซต์มีหัวข้อเกี่ยวข้องกับหมวดสุขภาพ การเงินและสภาพจิตใจ Google จะให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ด้วยหลัก “EAT” ซึ่งย่อมาจาก
Expertise (เป็นผู้เชี่ยวชาญ)
Authoritativeness (มีหลักฐานสนับสนุน)
และ Trustworthiness (มีความน่าเชื่อถือ)
ดังนั้นแบรนด์ควรทำให้ข้อมูลในเนื้อหานั้นๆ เจาะลึก แสดงมุมมองสำคัญและน่าเชื่อถือผ่านการปรึกษาและขอข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (Subject Matter Experts) ในหัวข้อนั้นๆ เพื่อให้ผู้อ่านมองว่าข้อมูลเราโดดเด่นและควรค่าแก่การเสียเวลาเข้าไปอ่าน
นอกจากนี้แบรนด์ควรสร้าง ‘Pillar Content’ ซึ่งหมายถึงภาพรวมของหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง มากกว่าจะเขียนตามอำเภอใจ เช่น หากเราทำเว็บไซต์ด้านไลฟ์สไตล์ การสร้าง Pillar แบ่งตามหมวดคอนเทนต์อย่างอาหาร หรือเสื้อผ้า ไม่ก็การพักผ่อน จะช่วยให้ Search Engine มองว่าเว็บไซต์เรามีการจัดเรียงที่ดีและดูน่าเชื่อถือในหัวข้อนั้นๆ
2. สร้างคอนเทนต์ให้ย่อยง่ายและสนุกเข้าไว้
รู้หรือไม่ว่า ‘เรามีเวลาเพียง 8 วินาทีเท่านั้นที่จะสามารถดึงความสนใจจากผู้อ่านได้’ ดังนั้น การเพิ่มความหลากหลาย อ่านง่าย และให้พวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับคอนเทนต์เรา จึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เช่น ปรับบทความยาวๆ ให้เป็นวิดีโอสั้นๆ หรือทำภาพ Infographic ไม่ก็สร้างควิซสั้นๆ แทน วิธีนี้จะช่วยลดความน่าเบื่อลงได้ และหากใช้วิธีนี้บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ผู้อ่านอาจจะกดถูกใจแล้วแชร์ต่อ ซึ่งเป็นการเพิ่ม Engagement และทำให้คนรู้จักเรามากขึ้นอีกด้วย
3. เน้นสร้างงานวิจัยและผลการศึกษามากขึ้น
แบรนด์จะผลิตคอนเทนต์ให้โดดเด่นท่ามกลางกระแสคอนเทนต์จากแบรนด์อื่นๆ ได้อย่างไร ในวันที่ใครๆ ต่างก็พูดถึง ‘แนวคิดผู้นำ’ และใช้ ‘อินฟลูเอนเซอร์’ มาแนะนำสินค้าจนเกลื่อนตลาดไปหมด?
สิ่งที่แบรนด์ควรทำคือจะต้องเริ่มสร้างงานวิจัยหรือผลสำรวจที่เป็นของตัวเอง อาจจะเป็นแบบสอบถามเล็กๆ ก็ได้ เพื่อให้บริษัทเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด เช่น ลูกค้าเราอยู่ในกลุ่มช่วงอายุใด มีแนวโน้มจะเชื่อมั่นด้วยสถิติมากแค่ไหน
4. โฟกัสที่ ‘เป้าหมาย’ มากกว่าจะหยุดที่ความต้องการของลูกค้า
แน่นอนว่า สินค้าย่อมผลิตมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอยู่แล้ว แต่เราควรต้องเพิ่มมูลค่าและน้ำหนักของสินค้าในใจให้ลูกค้าอยากซื้อได้มากขึ้น นั่นคือการตอบโจทย์ความรู้สึกของการเป็นเจ้าของ หรือทำให้ลูกค้าได้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งในปี 2022 หลายๆ ธุรกิจจะเริ่มดึงดูดลูกค้าด้วยการบอกว่า ‘สินค้าสามารถพาลูกค้าไปสู่เป้าหมายของพวกเขาได้อย่างไร’ เช่น เหตุผลที่ลูกค้าต้องซื้อกระทะ Non-stick นี้ ไม่ใช่แค่ล้างทำความสะอาดง่าย แต่เป็นการลดการใช้น้ำมันที่ช่วยทำให้สุขภาพของลูกค้าดีขึ้น
5. ผลิตคอนเทนต์อย่างน้อยวันละ 1 ชิ้น
การสร้างคอนเทนต์ขึ้นมาสักชิ้นไม่ใช่เรื่องง่าย สถิติจาก Ewing Marion Kauffman Foundation ในปี 2020 เผยว่า มากกว่า 1 ใน 3 ของ Content Creator ยอมรับว่า การทำคอนเทนต์เป็นงานที่ท้าทายไม่น้อยเลย เพราะเราต้องตามทันกระแสโลกและข้อมูลต่างๆ ที่ท่วมหัวเรา จนแทบจะทำให้เรารู้สึกหมดไฟกับการทำงาน
และวิธีป้องกันอาการหมดไฟนี้คือ เขียนงานวันละชิ้นก็พอ อาจจะเป็นบทความสั้นๆ 200-500 คำหรือทำภาพ Graphic สักรูปแทน วิธีนี้จะช่วยรักษาความ Productive ไปพร้อมกับสุขภาพใจเรา
ส่วนในทางธุรกิจ การรักษาความสม่ำเสมอนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก บริษัทที่อัปเดตคอนเทนต์เป็นประจำ มีโอกาสขายของได้มากกว่าบริษัทที่ไม่ได้อัปเดตคอนเทนต์ถึง 67% (อ้างอิงจาก Tribal Impact ปี 2018) เพราะลูกค้าจะมองว่า บริษัทที่อัปเดตข้อมูลเรื่อยๆ ตามทันความเปลี่ยนแปลงและใส่ใจข้อมูลใหม่ๆ มีความน่าเชื่อถือ พวกเขาจึงเชื่อใจและยอมซื้อสินค้าต่อไป
6. ลองทำคอนเทนต์แบบวิดีโอดู
ในขณะนี้แอปพลิเคชันที่ทุกมือถือแทบจะมีก็คือ TikTok หากเรายังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำคอนเทนต์ประเภทไหนดี ‘การทำวิดีโอ’ ก็เป็นคอนเทนต์ที่ดีและน่าดึงดูดไม่แพ้การเขียนบล็อกหรือบทความเลย แต่เราจำเป็นต้องเพิ่มคุณภาพให้วิดีโอด้วยการใส่ใจกับการเล่าเรื่อง รวมถึงภาพคมชัดและคุณภาพเสียงประกอบที่ดี จะช่วยให้ลูกค้าหันมาสนใจเรามากขึ้น
7. ปรับคอนเทนต์ด้วยหลัก ‘Content Atomization’
Content Atomization หมายถึง ‘การนำข้อมูลเชิงลึกและมีปริมาณมหาศาลในหัวข้อนั้นมาแยกย่อยออกเป็นชิ้นส่วนข้อมูลเล็กๆ’ หรือ ‘เป็นการเปลี่ยนรูปแบบและจุดประสงค์ในการสร้างคอนเทนต์ แล้วนำเสนอในทิศทางหรือมุมมองใหม่ๆ’ เช่น ก่อนหน้านี้เราสร้างคอนเทนต์ผ่าน eBook หรือหนังสือ แต่ตอนนี้เราเปลี่ยนไปทำเนื้อหาเป็นบทเรียนย่อยๆ ในบล็อก แล้วส่งผ่านคอร์สอีเมลแทน
การสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบนี้ จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้ผู้อ่านหรือกลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าเนื้อหานี้มีคุณค่า สนุกและน่าดึงดูด เพราะการโฟกัสเนื้อหาที่ถูกแบ่งเป็นส่วนย่อยๆ จะทำให้พวกเขารู้สึกว่า ข้อมูลดูไม่เยอะมากเกินไป หากพวกเขาสนใจ ก็สามารถค้นหาและเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ
อีกหนึ่งสิ่งที่เราต้องใส่ใจเวลาทำคอนเทนต์คือ ‘ความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalization)’ หากเราสามารถนำเสนอข้อมูลที่ตรงกับสิ่งที่คนอยากรู้ จะเป็นการตลาดที่ดีเพราะแบรนด์สามารถสื่อสารโดยตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ใช่การตลาดทั่วไปที่ไม่สามารถสร้างลูกค้าได้เลย
นอกจากเนื้อหาคอนเทนต์แล้ว ประสบการณ์จากการใช้งานเว็บไซต์เองก็สำคัญเช่นกัน
ดังนั้นการออกแบบเว็บไซต์แบบยึดตามประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience : UX) เวลาที่ใช้ในการโหลดเว็บไซต์ ตำแหน่งรูปภาพในเนื้อหา ความเร็วของเว็บไซต์เวลาเข้าผ่านมือถือและวิธีนำเสนอข้อมูลให้ผู้อ่าน จึงกลายเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสนใจอย่างมาก
ถ้าคุณมีเว็บไซต์อยู่ ก็ลองใช้ฟังก์ชัน ‘Core Web Vitals’ ดู โดย Google ช่วยตรวจสอบความเร็วและปัจจัยอื่นๆ ของเว็บไซต์เรา เพื่อตรวจดูบริเวณที่เราต้องปรับปรุงเพิ่มก็ได้
ยิ่งเรารู้ทันความเปลี่ยนแปลงของการตลาดมากขึ้นแค่ไหน การรักษากลุ่มเป้าหมายเดิมและดึงดูดคนใหม่ๆ ให้ติดตามคอนเทนต์เราก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น ข้อมูลที่มีวันนี้อาจไม่เพียงพอกับการทำการตลาดในวันข้างหน้า ดังนั้น เราต้องคอยตรวจสอบตลาดและพัฒนาคอนเทนต์ให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม แต่ยังคงสามารถยึดเอกลักษณ์ของตัวเองและสร้างความโดดเด่นในสายตาลูกค้าอยู่เสมอ
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#marketing
- 124
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
