24 ก.พ. 2022 เวลา 05:27 • กีฬา
เมื่อ ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นแชมป์ลีกจริงจัง
:
ตอนที่ฟุตบอลพรีเมียร์​ลีกผ่านไป 15 นัด แมนเชสเตอร์​ ซิตี้ ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง โดยมี ลิเวอร์พูล​ กับ เชลซี ตามมาติด ๆ ด้วยช่องว่างเพียงอันดับละคะแนน
พอเข้าช่วงปลายปี 2021 เรือใบสีฟ้าฉีกหนีผู้ตามไปไกลเป็น 6 กับ 8 คะแนนตามลำดับ ก่อนที่ช่องว่างจะขยายกว้างไปเรื่อย ๆ เพราะทีมของ เป๊ป ไม่ออกอาการแผ่วใด ๆ ให้เห็นเลย พวกเขาเก็บชัยชนะในลีกได้แบบไม่ระบมหัวเกือกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วไล่มาจนถึงกุมภาพันธ์​ปีนี้ บางช่วงเวลาแต้มห่างจนหลายคนถอดใจยกแชมป์ให้ แมนฯ ซิตี้ ไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่ฟุตบอลลีกเปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอนครับ
ลิเวอร์พูล หลังจากพ่ายให้ เลสเตอร์ ตอนปลายเดือนธันวาคมเป็นต้นมา ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ติดเครื่องคว้าชัยในพรีเมียร์​ลีกไปถึง 6 จาก 7 นัด โดยหลุดเสมอกับ เชลซี แค่เกมเดียวเท่านั้น
ความพยายามของหงส์แดงกำลังสัมฤทธิ์ผล เพราะหลังจากเล่นเกมตกค้างที่เหลือจนหมด ตอนนี้พวกเขาบีบช่องว่างจากจ่าฝูงลงมาเหลือแค่ 3 คะแนนเรียบร้อย​แล้ว หลังจากเกมเมื่อคืนเปิดรังแอนฟิลด์ถล่ม ลีดส์ ไปครึ่งโหล แถมลูกได้เสียยังมากกว่า แมนฯ ซิตี้ ถึง 4 ลูกอีกด้วย
ถ้ายังจำกันได้ เดอะ ค็อป หลายคนแอบกังวลในช่วงที่ โม ซาล่าห์, ซาดิโอ มาเน่ และ นาบี เกอิต้า ต้องปลีกตัวไปเล่นฟุตบอลแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ตอนเดือนมกราคม การขาด 2 ตัวรุกที่เป็นหัวใจหลักของทีมไปย่อมส่งผลต่อเกมบุกอย่างแน่นอน
ทว่า คล็อปป์ กลับพยุงทีมเอาไว้ได้เป็นอย่างดีในช่วงเวลาดังกล่่าว นักเตะที่เหลือดาหน้ากันขึ้นมารับบทฮีโร่ช่วยเก็บแต้มสำคัญไว้ได้อย่างเนียนกริบ ไม่ว่าจะเป็น ดิโอโก้ โชต้า ดาวซัลโวอันดับสองของทีม, ฟาบินโญ่ กองกลางแฝดคนละฝาของหมอปลา, อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ที่แฟน ๆ ร้องยี้ก็ยิงได้ 2 นัดติดในลีกเกมชนะ เบรนท์ฟอร์ด กับ คริสตัล พาเลซ ไหนจะการคัมแบ็คของ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ และยังมีดาวเตะตัวใหม่อย่าง หลุยส์ ดิอาซ เพิ่มเติมเข้ามาอีก ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของภารกิจไล่ล่าคะแนนช่วงเดือนมกราคมที่ไม่ให้ช่องว่างของคะแนนห่างมากไปกว่าเดิม
ตอนนี้ทีมของ คล็อปป์ ค่อนข้างลงตัว มาเน่ และ ซาล่าห์ จูงมือกันยิง 8 ประตูจาก 5 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ​หลังกลับมาจากรับใช้ชาติ อีกทั้งยอดรวมทั้งซีซั่นของคู่นี้ก็ทะลุไปถึงหลัก 30 เรียบร้อยเเล้ว​ด้วย
กุญแจสำคัญของ ลิเวอร์พูล​ ในการไล่ล่าจ่าฝูง แมนฯ ซิตี้ ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ผมยกให้กับสิ่งที่เรียกว่า "ระบบ" ครับ
แน่นอนว่านักเตะอย่าง อลีสซง, ฟาน ไดค์, มาติป, เทรนต์, ติอาโก้ หรือ ฟาบินโญ่ พวกนี้ก็สำคัญ แต่สิ่งที่เป็นหัวใจของทุกอย่างคือระบบการเล่นซึ่งนักเตะทุกคนซึมซับ เข้าใจอย่างลึกซึ้ง จนไม่ว่าส่งใครลงสนามก็ยังเป็นทรงบอลที่สามารถพาทีมเก็บชัยชนะไว้ได้เสมอ
ในวันที่คนนึงเล่นไม่ออก คนที่ลงไปแทนสามารถเปลี่ยนเกมได้
ในวันที่เกมเจอความอึดอัด ก็มีแพลนสำรองอย่างเซตพีซไว้เผด็จศึก
ทุกอย่างเกิดขึ้นจากสิ่งที่เป็น "ระบบ" ซึ่งใช้เวลาปลูกฝัง ผ่องถ่าย และสร้างมันขึ้นมาด้วยปรัชญาของคนเป็นกุนซือรวมถึงทีมงานทั้งหมด
ฟุตบอลสมัยก่อนอาจต้องการเดอะแบกเก่ง ๆ สักคนหรือสองคนในการพาทีมคว้าแชมป์ แต่กับฟุตบอลสมัยนี้ แค่เดอะแบกคนเดียวไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว ต้องมีระบบที่ดีนำหน้าไว้ด้วยถึงจะประสบ​ความ​สําเร็จได้
2 ทีมนำของ​พรีเมียร์ลีกล้วนเป็นทีมที่เซตการเล่นจากระบบมาก่อนผู้เล่นทั้งสิ้น
2 ทีมนำของกัลโช่ เซเรีย อา อย่าง มิลาน กับ อินเตอร์ ก็เป็นทีมที่มีระบบการเล่นชัดเจน
เทรนด์ฟุตบอลยุคนี้พัฒนา​ไปข้างหน้าตลอด การสร้างทีมให้เป็นรูปเป็นร่างอย่างเป็นระบบ มีขั้นตอน คือสิ่งสำคัญสำหรับการเก็บเกี่ยวความสำเร็จระยะยาว
ลิเวอร์พูล เกาะกลุ่มลุ้นแชมป์มาใกล้ขนาดนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคดี แต่มันเกิดจากระบบที่ คล็อปป์ สร้างมานานหลายปี
พรีเมียร์​ลีกปีนี้ยังสนุกและยังได้ลุ้นยาว ๆ ไปจนถึงโค้งสุดท้ายอย่างแน่นอน
โฆษณา