25 ก.พ. 2022 เวลา 03:50 • ธุรกิจ
รู้จัก ชายผู้ก่อตั้ง Netmarble บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้
2
หากพูดถึงบริษัทเกมสัญชาติเกาหลีใต้
หนึ่งในชื่อที่หลายคนอาจพอคุ้นเคยกัน คงจะเป็น “Netmarble”
ที่ผ่านมา Netmarble เป็นผู้พัฒนาและจำหน่ายเกมมือถือยอดนิยมมากมาย ยกตัวอย่างเช่น
LINE Let’s Get Rich หรือเกมเศรษฐี, MARVEL Future Fight, Seven Knights และ Lineage 2: Revolution
1
ปัจจุบัน บริษัทแห่งนี้ มีมูลค่าธุรกิจสูงกว่า 2 แสนล้านบาท นับเป็นผู้เล่นรายใหญ่ของอุตสาหกรรมเกมในประเทศเกาหลีใต้ ร่วมกับอีกสองค่าย คือ Nexon และ NCSOFT
แต่รู้ไหมว่า ผู้ที่ก่อตั้งอาณาจักร Netmarble ขึ้นมานั้น กลับเป็นเพียงชายธรรมดาคนหนึ่ง
ที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย และเรียนไม่จบชั้นมัธยมปลายด้วยซ้ำ
คนที่เราพูดถึงอยู่นี้ เป็นใครมาจากไหน
แล้วเขาทำอย่างไรถึงสร้าง Netmarble ให้ยิ่งใหญ่ได้ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ชายที่ก่อตั้งบริษัท Netmarble ชื่อว่า คุณ “บังจุนฮยอก” ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 53 ปี
ส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะเห็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีในเกาหลีใต้ เป็นคนที่เรียนจบด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง หรือไม่ก็มาจากบริษัทในเครือแชโบล
แต่สำหรับคุณบังจุนฮยอกนั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
เพราะครอบครัวมีฐานะไม่ได้ร่ำรวย และตัวเขาเองก็เรียนไม่จบชั้นมัธยมปลาย จึงเลือกออกมาทำงานสายอาชีพโดยได้ให้เหตุผลว่า ต้องการออกมาศึกษาเรื่องที่สนใจในเชิงลึก มากกว่าเรียนในระบบการศึกษาทั่วไป จนเขาทำงานเก็บประสบการณ์และเก็บเงินได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
เดิมที เขามีความชื่นชอบในภาพยนตร์
เลยเกิดไอเดียทำธุรกิจแพลตฟอร์มบริการวิดีโอสตรีมมิง แต่เนื่องจากเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในสมัยนั้น ยังไม่รวดเร็วและเสถียรมากนัก จึงทำให้ธุรกิจประสบความล้มเหลว
แต่หลังจากนั้น รัฐบาลเกาหลีใต้ ก็ได้มีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม
จนทำให้เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอันดับต้น ๆ ของโลก
ซึ่งเป็นโอกาสให้คุณบังจุนฮยอก เริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์อีกครั้ง
โดยคราวนี้เขาเล็งเป้าหมายไปที่ “ธุรกิจเกม”
1
ในปี 2000 คุณบังจุนฮยอก จึงก่อตั้งบริษัท Netmarble ขึ้น เพื่อพัฒนาและจำหน่ายเกมออนไลน์ โดยระดมเงินทุนได้ราว 3 ล้านบาท และมีพนักงานทั้งหมด 8 คน
ต่อมาในช่วงปี 2003 บริษัทจำเป็นต้องหาเงินทุนมาขยายกิจการเพิ่ม
จึงไปเจรจากับผู้ลงทุนอย่าง Planus Entertainment บริษัทที่ทำธุรกิจสื่อบันเทิง
โดยมีข้อตกลงว่า หากเพิ่มทุนแล้ว Netmarble ทำกำไรได้น้อยกว่า 140 ล้านบาท
คุณบังจุนฮยอก จะต้องขายหุ้นบางส่วนให้กับ Planus Entertainment
1
จากสัญญาดังกล่าว กลายเป็นแรงผลักดันให้ Netmarble ต้องเร่งสร้างการเติบโต
โดยนอกจากเป็นผู้พัฒนาเกมเองแล้ว บริษัทได้ใช้โมเดลธุรกิจแบบผู้แทนจำหน่าย
ซื้อลิขสิทธิ์เกมของค่ายอื่นมาทำตลาด ซึ่งทำให้ Netmarble มีเกมที่หลากหลาย
รวมทั้งยังถือเป็นค่ายเกมเกาหลีใต้ค่ายแรก ๆ ที่พัฒนาเกมในลักษณะที่เปิดให้เล่นฟรี
แต่สามารถเติมเงินซื้อไอเทมต่าง ๆ ได้ ซึ่งส่งผลให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่กิจการอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายพอจบปี ปรากฏว่า Netmarble ทำกำไรได้สูงถึง 450 ล้านบาท
และกลับกลายเป็นฝ่ายที่ไปเสนอซื้อกิจการของ Planus Entertainment แทน..
2
ต่อมา การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Netmarble ก็ไปเข้าตาบริษัทในกลุ่มแชโบลอย่าง CJ Group ซึ่งได้เข้ามาซื้อหุ้นและควบรวม Netmarble ไปอยู่ภายใต้เครือ
โดยคุณบังจุนฮยอกมองว่า การร่วมมือกับผู้เล่นรายใหญ่ น่าจะช่วยให้บริษัทขยายกิจการได้ง่ายยิ่งขึ้น
แต่ทว่าในปี 2006 คุณบังจุนฮยอก ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง CEO ของ Netmarble เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ โดยยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่เหมือนเดิม
เวลาผ่านไป 5 ปี เขาฟื้นฟูอาการจนดีขึ้น และวางแผนเปิดบริษัทเกมแห่งใหม่
แต่ CJ Group ได้ทาบทามให้เขากลับมาเป็น CEO ของ Netmarble อีกครั้งหนึ่ง เพราะธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงขาลง และผู้บริหารกลุ่มใหม่ ไม่สามารถพัฒนาเกมได้ทันตามเทรนด์ตลาด
มาถึงคราวนี้ คุณบังจุนฮยอก เห็นว่าพฤติกรรมผู้บริโภคหันไปใช้งานสมาร์ตโฟนกันมากขึ้น
จึงได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ มามุ่งเน้นพัฒนาเกมที่เล่นบนมือถือเป็นหลัก
1
โดยมีเกมที่โด่งดัง เช่น Everybody’s Marble หรือที่คนไทยคุ้นเคยในชื่อ LINE Let’s Get Rich (เกมเศรษฐี) รวมไปถึง Lineage 2: Revolution ที่ซื้อลิขสิทธิ์จากค่าย NCSoft มาพัฒนาต่อยอดลงบนมือถือ
1
นอกจากนั้น Netmarble ยังมีการเจาะตลาดในต่างประเทศ โดยเจรจาร่วมมือทางธุรกิจกับ Marvel เพื่อพัฒนาเกมซูเปอร์ฮีโรที่คนรู้จักทั่วโลกอย่าง MARVEL Future Fight และ Marvel Contest of Champions
รวมถึงเป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent ที่เข้ามาถือหุ้นของ Netmarble ในสัดส่วน 17% ซึ่งน่าจะช่วยให้บริษัทเข้าถึงฐานลูกค้าชาวจีน และในภูมิภาคอื่น ๆ ภายใต้เครือข่ายของ Tencent ได้
จากทั้งหมดส่งผลให้การกลับมาฟื้นฟู Netmarble ของคุณบังจุนฮยอก ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จนสื่อของเกาหลีใต้ มักนำไปเปรียบเทียบกับเส้นทางของ “สตีฟ จอบส์” ที่เคยออกจาก Apple บริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้น ก่อนกลับมาบริหารงานจนเติบโตดีกว่าเดิม
1
แล้วปัจจุบัน ผลการดำเนินงานของ Netmarble เป็นอย่างไร ?
ปี 2018 รายได้ 54,000 ล้านบาท กำไร 5,100 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 58,000 ล้านบาท กำไร 4,200 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 67,000 ล้านบาท กำไร 8,400 ล้านบาท
1
โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากภูมิภาคต่าง ๆ แบ่งออกเป็น
- ทวีปอเมริกาเหนือ 43%
- ประเทศเกาหลีใต้ 22%
- ทวีปยุโรป 11%
- ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 10%
- ประเทศญี่ปุ่น 9%
- ประเทศอื่น ๆ 5%
2
ทั้งนี้ Netmarble ได้จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในเกาหลีใต้ เมื่อปี 2017 โดยล่าสุด บริษัทมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 220,000 ล้านบาท
นับเป็นบริษัทเกมที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศเกาหลีใต้ เป็นรองจาก Nexon ที่มีมูลค่าประมาณ 610,000 ล้านบาท และ NCSOFT ที่มีมูลค่าประมาณ 270,000 ล้านบาท
ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ คุณบังจุนฮยอก ในฐานะผู้ที่ปลุกปั้น Netmarble และถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 24% ถูกประเมินว่ามีทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท จากคนที่เรียนไม่จบชั้นมัธยมปลาย กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 18 ของเกาหลีใต้..
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ..
เชื่อว่าทุกวันนี้ หลายคนคงรู้จักกลุ่มศิลปินชายของเกาหลีใต้ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอย่าง “BTS”
รู้ไหมว่า คุณ “บังชีฮยอก” เจ้าของบริษัท Hybe Corporation ค่ายเพลงต้นสังกัดของวง BTS นั้นเป็นญาติของคุณบังจุนฮยอก นั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่เราได้เห็น Netmarble มีการร่วมทำธุรกิจกับ Hybe Corporation พัฒนาเกมมือถือ ชื่อว่า BTS WORLD ให้ผู้เล่นรับบทบาทเป็นผู้จัดการวง BTS ซึ่งน่าจะช่วยให้ Netmarble เข้าถึงฐานแฟนคลับของ BTS ที่มีอยู่จำนวนมากในหลาย ๆ ประเทศได้
1
และที่สำคัญคือ Netmarble ได้มีการลงทุนซื้อหุ้นของ Hybe Corporation ในสัดส่วน 19.9% ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 รองจาก คุณบังชีฮยอก
ซึ่งความสำเร็จที่ผ่านมาของวง BTS ได้ทำให้ Hybe Corporation จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ ในปี 2020 และส่งผลให้หุ้นที่ Netmarble ถืออยู่ มีมูลค่าสูงถึงราว 60,000 ล้านบาท เลยทีเดียว..
โฆษณา