Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฝึกใจไปกับธรรมะ
•
ติดตาม
5 มี.ค. 2022 เวลา 11:59 • ครอบครัว & เด็ก
ว.วิสัชนา . . .
คนเราเมื่อแรกรักก็มักจะมองข้ามข้อบกพร่องของกันและกันหรือบางครั้งก็บอกตนเองว่าถึงแม้จะมีข้อบกพร่องมากมาย แต่ฉันก็พร้อมจะยอมรับได้
เพราะอะไร ?
ก็เพราะความรักบังตา แต่เมื่ออยู่ร่วมกันมาสักระยะหนึ่ง เราก็จะเริ่มมองเห็นความจริงที่แสดงตัวตนของคนรักชัดขึ้น ๆ เรื่อย ๆ หลายคู่ที่รับได้ก็จะอยู่กันไปอย่างตลอดรอดฝั่ง แต่หลายคู่ที่รับไม่ได้ ในที่สุดก็จะต้องเลิกร้างห่างเหินกันไป
ในที่นี้ผู้เขียนขอแนะนำไว้ว่า วันหนึ่งเมื่อเราอยู่ร่วมกันไปแล้ว มันผ่านช่วงเวลาแห่งความหวานชื่นแล้ว ทุกอย่างจะเริ่มจืดจางห่างเหินก็ขอให้บอกตนเองว่าตอนแรกที่เรารักกันนั้นเราดีต่อกันมาก เธอก็อยู่ในครอบครัวหนึ่ง เขาก็อยู่ในครอบครัวหนึ่ง แต่ถึงกระนั้น ทั้งเราและเธอ ทั้งเราและเขา ต่างก็ให้ผู้ใหญ่ของกันและกันไปสู่ขอเอาทั้งเธอและเขาไปอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับเรา เรานั่นเองเป็นผู้ไปขอเขาและเธอมา เพราะตั้งใจจะอยู่ด้วยกันไปจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร
แต่แล้วพอผ่านช่วงเวลาหวานชื่น ทำไมเราจึงมาเลิกร้างห่างเหินกันไป ถ้ามีความรู้สึกแบบนี้ก็ขอให้นึกถึงความดีเก่า ๆ ของกันและกัน ขอให้บอกตนเองเสมอว่าตอนนั้นเรารักเขามาก เราไปขอเขามานะ เขาไม่อยากมา เราก็สู้อุตส่าห์ให้ผู้ใหญ่ไปขอมา พอนึกอย่างนี้แล้ว เราก็จะเกิดความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน พอเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันแล้ว ต่อมาถ้าความรู้สึกในทางเลิกร้างห่างหายมันยังมีอยู่ก็ขอให้เราบอกตัวเองต่อไปอีกว่าจริงอยู่ชีวิตคู่ในเชิงกามารมณ์มันอาจไม่หวานชื่นแล้ว แต่อย่ากระนั้นเลย เราอาจไม่ได้รักกันในฐานะของคู่รักอีกต่อไปก็ขอให้เรายกระดับความรักของเราให้สูงขึ้นมาเป็น "กัลยาณมิตร" ของกันและกัน
กั ล ย า ณ มิ ต ร ก็หมายความว่าขอให้เราเป็นเพื่อนในทางจิตวิญญาณของกันและกัน ในตอนแรกแต่งงานนั้น เราอาจจะเป็นเพื่อนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนกัน มีปฏิสัมพันธ์ในเชิงกามารมณ์กันมาก แต่หลังจากนั้นปฏิสัมพันธ์ในเชิงกามารมณ์เริ่มลดน้อยถอยลงตามวันเวลาที่ผันผ่านไปก็ขอให้เราบอกตัวเองว่า เอาเถอะ เราน่าจะมาอยู่ด้วยกันในฐานะที่เป็นเพื่อนของกันและกัน ซึ่งการอยู่ร่วมกันแบบนี้ก็เรียกว่าเป็นการสมรสในอีกรูปแบบหนึ่งได้เช่นกัน แต่เป็น "การสมรสทางจิตวิญญาณ" ช่วงแรกที่เรารักกัน และทำการสมรสกันนั้น เขาเรียกกันว่า "การสมรสทางกายภาพ" พอเราผ่านช่วงเวลาหวานชื่นไปแล้ว ความรู้สึกรักใคร่ใหลหลงซึ่งกันและกันมันเลิกร้างห่างหายกันไปแล้วก็ขอให้เราเรียกการสมรสในช่วงหลังนี้ว่าเป็นการสมรสทางจิตวิญญาณ
เพราะอะไร ?
เพราะตั้งใจว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า อาจไม่มีเพศสัมพันธ์กันเลยด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะว่ารัก เคารพ นับถือ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน สิ่งนี้นี่เองที่เรียกว่า
" ก า ร ส ม ร ส ท า ง จิ ต วิ ญ ญ า ณ "
ฉะนั้น คู่สมรสทั้งหลายที่อยู่ร่วมกันมาจนคิดว่าชีวิตคู่ราบรื่นแล้ว ไม่มีสีสันแล้ว ไม่สนุกแล้ว ไม่ท้าทายแล้วก็ขอให้บอกกับตนเองไว้เสมอว่า เอาเถอะ เราน่าจะยกระดับความรักของเราขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง จากการสมรสทางกายภาพ เป็น "การสมรสทางใจ"
ซึ่งถ้าทำได้อย่างนี้ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่ครองเรือนนั้นยังคงครองรักกันต่อไปได้อย่างยั่งยืน และความรักนั้นก็จะเป็นความรักที่มีพัฒนาการ กล่าวคือ ไม่ใช่แค่รักในกามารมณ์ของกันและกันเพียงเท่านั้น แต่เป็นความรักในคุณงามความดีของกันและกันอีกด้วย
• • • • •
ว.วชิรเมธี
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ที่มา : หนังสือ "มหัศจรรย์แห่งรัก" | Love Analysis
บันทึก
2
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Love Analysis มหัศจรรย์แห่งรัก | ว.วชิรเมธี 🌹
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย