25 ก.พ. 2022 เวลา 07:37 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

การวัดระดับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในสังคมของมนุษย์

การวัดระดับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในสังคมของมนุษย์
จากบทความที่แล้วทำให้ทุกท่านได้พอทราบความหมายของคำว่า Technology กับ Engineer กันแล้ว. ในบทความนี้จะเป็นการฉายภาพให้เห็นว่าทำไมมนุษย์ถึงแตกต่างจากสัตว์อื่น ทำไมมนุษย์จึงสามารถสรรค์สร้างเครื่องไม้เครื่องมือที่ซับซ้อนได้ขึ้นเรื่อยๆจากเครื่องมือหินธรรมดาไปสู่สิ่งประดิษฐ์สุดล้ำอย่างสมาร์ทโฟนหรือยานอวกาศได้
นักมานุษวิทยาได้สร้างทฤษฎีที่ใช้วัดระดับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีโดยสามารถแบ่งเป็น 2 ตัวชี้วัดหลักๆ ก็คือ
  • 1.
    การเก็บเกี่ยวและควบคุมพลังงาน (Energy)
  • 2.
    การถ่ายทอดและส่งต่อข้อมูล (Information)
ข้อที่ 1 การเก็บเกี่ยวและควบคุมพลังงานสามารถแบ่งเป็น 5 ขั้น ดังนี้
* คำว่า 'พลังงาน' ในที่นี้หมายถึงสิ่งที่มนุษย์นำมากินเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย และอีกความหมายหนึ่งคือการนำทรัพยากรต่างๆมาดัดแปลงหรือแปรรูปเพื่อช่วยทุ่นแรงให้แก่มนุษย์
  • 1.
    ใช้พลังงานจากกล้ามเนื้อของตนเอง
  • 2.
    ใช้พลังงานจากสัตว์เลี้ยง
  • 3.
    ใช้พลังงานจากพืชที่ปลูก
  • 4.
    ใช้พลังงานจากทรัพยากรธรรมชาติ( เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซ)
  • 5.
    ใช้พลังงานนิวเคลียร์
การเก็บเกี่ยวและควบคุมพลังงาน
ส่วนข้อที่ 2 การถ่ายทอดและส่งต่อข้อมูล แบ่งเป็น 4 ขั้น ดังนี้
  • 1.
    มนุษย์ส่งผ่านข้อมูลผ่านยีน (Gene)
  • 2.
    ผ่านความรู้สึกและประสบการณ์
  • 3.
    ผ่านสัญลักษณ์และตรรกะ
  • 4.
    ผ่านภาษาและระบบการเขียน
การถ่ายทอดและการส่งต่อข้อมูล
จากทั้งหมดที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าการพัฒนาทางเทคโนโลยีของมนุษย์จะคอยสนับสนุน 2 ตัวชี้วัดข้างต้นอยู่ตลอดเช่น การทุ่นแรงของมนุษย์โดยการใช้หอกไว้ล่าสัตว์ป่าแทนที่จะไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนกว่าสัตว์ที่ล่าจะหมดแรง และเมื่อมนุษย์เริ่มคิดได้ว่า "เฮ้อ ล่าสัตว์ทุกวันเริ่มเหนื่อย" จึงเริ่มที่จะเลี้ยงสัตว์ให้เชื่องและเริ่มสร้างรั้วไว้ไม่ให้สัตว์หนีพอสัตว์เริ่มตัวใหญ่ได้ที่ก็นำมากิน เป็นต้น
และเมื่อถึงช่วงปฎิวัติเกษตรกรรมครั้งที่1 มนุษย์เริ่มที่จะอยู่เป็นหลักแหล่งเพื่อเพาะปลูกมากขึ้น ผลที่ตามมาก็คือมนุษย์มีอาหารมากขึ้นทำให้มีอาหารเพียงพอสำหรับคนที่ไม่ได้ผลิตอาหาร คนเหล่านี้จึงมีเวลาว่างพอที่จะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อหาเครื่องทุ่นแรงให้การผลิตอาหารหรือล่าสัตว์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นขวานที่คมขึ้นทนขึ้น ระบบจัดการน้ำเพราะการปลูกพืชจำเป็นต้องใช้น้ำเยอะ
การถ่ายทอดและการส่งต่อข้อมูลก็มีความสำคัญไม่แพ้กันเพราะประสบการณ์ที่เก็บมาไว้กับผู้อาวุโสสามารถถ่ายทอดให้กับคนที่อายุน้อยกว่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไม่ตกหล่นไปกับความจำของสมองมนุษย์เพราะจดบันทึกไว้บนก้อนดินเหนียวหรือผนังถ้ำไว้แล้วนั่นเอง
สรุปก็คือสิ่งสำคัญที่มนุษย์สามารถสร้างเทคโนโลยีได้มากยิ่งขึ้นก็คือการมีแหล่งพลังงานไว้บริโภคมากขึ้นและระบบการบันทึกส่งต่อข้อมูลที่ดียิ่งขึ้นทำให้ความรู้ที่บรรพบุรุษคิดขึ้นมาถูกส่งต่อไปให้รุ่นต่อๆไปได้อย่างไม่เลือนหายไปซึ่งเป็นรากฐานสำคัญต่อการพัฒนาอารยธรรมให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปในอนาคต
สุดท้ายขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตอนจบหากมีข้อแนะนำ สามารถติดต่อหรือ comment ไว้ได้เลยนะครับ
โฆษณา