26 ก.พ. 2022 เวลา 08:00 • กีฬา
การตัดสินใจครั้งสำคัญของไอซ์เบิร์ก
:
เดนนิส เบิร์ก​แคมป์ ไม่เคยสร้างปัญหา​ให้กับ โยฮัน ครัฟฟ์ เลยสักครั้งสมัยเล่นกับ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ยกเว้นเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้นนั่นก็คือ การที่เขาเป็นแค่นักเตะพาร์ทไทม์ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องเรียนมากกว่าฟุตบอล
เรื่องนี้เกิดขึ้นในเกม คัพ วินเนอร์ส คัพ ระหว่าง อาแจ๊กซ์​ กับ มัลโม่ ตอนปี 1986-87 ครัฟฟ์ ได้ใส่ชื่อของ เบิร์กแคมป์​ ติดทีมไปลุยที่สวีเดนด้วย ทว่า วันนั้นพายุหิมะลงหนักมากจนต้องเลื่อนเกมการแข่งขันออกไป
ซึ่งโปรแกรมใหม่ดันเป็นวันเดียวกับที่ เบิร์กแคมป์​ ติดสอบวิชาชีวะช่วงเช้าพอดิบพอดี!
ครัฟฟ์ แก้ปัญหา​ดังกล่าวด้วยการให้ผู้ปกครองของ เบิร์กแคมป์​ รีบไปรับตัวเขาที่โรงเรียนทันทีที่สอบเสร็จเพื่อมาส่งยังสนามบิน ก่อนจะขึ้นเครื่องไปลงที่โคเปนเฮเกน จากนั้นก็นั่งเรืออีกต่อเพื่อมาส่งที่สนามแข่ง
เบิร์กแคมป์​ ในวันที่ยังไม่กลัวเครื่องบินไปถึงสนามแข่งทันเวลาและถูกส่งลงสนามในช่วง 15 นาทีสุดท้าย แม้ อาแจ๊กซ์​ จะพ่ายเจ้าถิ่นไป 0-1 แต่ ครัฟฟ์ ดูจะพอใจกับฟอร์มการเล่นของ เบิร์กแคมป์ อยู่ไม่ใช่น้อยเลย
เกมนัดตัดสินที่บ้านของ อาแจ๊กซ์ เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน ครัฟฟ์ เลือกทำในสิ่งที่สื่อและแฟนบอลพากันงงงวย เมื่อกุนซือเทวดาเลือกส่งเด็กหนุ่มโนเนมลงเป็น 11 ตัวจริง โดยที่ก่อนเริ่มเกมเขาได้เข้าไปพูดคุยกับ เบิร์กแคมป์ เป็นการส่วนตัวเล็กน้อย
"กองหลัง มัลโม่ ทั้งอืดและช้า นายเจ๋งกว่าเยอะ ลงไปเชือดพวกนั้นให้ฉันและแฟน ๆ ดูหน่อยว่านายมีดีแค่ไหน"
เบิร์กแคมป์ ที่เพิ่งอายุแค่ 17 ปีในตอนนั้น เล่นได้อย่างสะเด็ดสะเด่าสมกับที่ ครัฟฟ์ ไว้วางใจ เขาถูกส่งเล่นในตำแหน่งตัวรุกด้านซ้ายและทำการปั่นป่วนแนวรับคู่แข่งจนพื้นหญ้าฝั่งนั้นหายไปเป็นแถบ
"เอาผมออกจากสนามที ผมรับมือไอ้เด็กนั่นไม่ไหวแล้ว" ทอร์บยอน เพอร์สัน กองหลัง มัลโม่ ถึงกับออกปากพูดกับ รอย ฮอดจ์สัน กุนซือของทีมในห้องแต่งตัว เพราะเขารู้ตัวว่าหยุดเจ้าเด็กหน้าใหม่คนนั้นไม่อยู่จริง ๆ
"ผู้คนต่างสงสัยในสิ่งที่ ครัฟฟ์ ทำ และ เบิร์กแคมป์​ ก็ใช้เวลาไม่ถึง 90 นาทีตอบทุกคำถามเหล่านั้นจนหมดเปลือก มันน่าเหลือเชื่อที่เขาได้รับเสียงปรบมือลั่นสนามจากแฟนบอลทั้งที่เพิ่งลงตัวจริงในเกมใหญ่แบบนี้เป็นครั้งแรก" แฟรงค์ ไรจ์การ์ด คือคนที่ช่วยรำลึกความหลังในวันนั้น
หลังจบเกมดังกล่าว ครัฟฟ์ ได้เปิดอกพูดคุยกับ เบิร์กแคมป์​ ชนิดจริงจังกว่าทุกคราว
"ไอ้หนู แกต้องเลือกแล้วว่ะ ว่าจะมาเป็นนักเตะ อาแจ๊กซ์​ ของฉันหรือจะไปเป็นนักวิทยาศาสตร์"
"ฉันต้องการให้แกเป็นนักเตะฟูลไทม์ ไม่ใช่นักเตะที่มาได้ 2 วันต่ออาทิตย์ แกออกจากโรงเรียนแล้วมาศึกษาต่อด้านกายภาพดีกว่า วงการฟุตบอลดัตช์ต้องการนักเตะแบบแก"
เป็นทางแยกที่ใหญ่เอาเรื่องเหมือนกันนะครับกับเด็กวัยไม่ถึง 20 บนเส้นทางสำคัญที่ต้องเลือก ซึ่งเป็นไปได้ว่าการตัดสินใจนี้มันอาจเปลี่ยนชีวิตของเขาในอนาคตได้เลย
เบิร์กแคมป์ เลือกที่จะปรึกษาปัญหานี้กับครอบครัว แต่แล้วเขากลับถูกโยนคำถามแบบผู้ใหญ่ให้กลับมาขบคิดเอาเองแทน
"ถ้ามี 2 สิ่งให้เลือกระหว่างงานที่ทำเงินให้เราได้เยอะ กับงานที่อาจทำเงินน้อยกว่าแต่เราสนุกกับมันมากกว่า ลูกต้องเลือกเองว่าจะให้น้ำหนักกับอนาคตตัวเองไปที่เรื่องไหนมากกว่ากัน"
ดิ ไอซ์เบิร์ก ​ใช้เวลาตัดสินใจอยู่เป็นสัปดาห์ จุดสำคัญที่ทำให้เขารู้สึกตัดสินใจง่ายขึ้นก็คือเขาเลือกให้น้ำหนักกับความสนุกในการทำงานที่ตัวเองรักมากกว่าเรื่องเงิน
และทันทีที่เขาเลือกทางเดินนี้ เขาก็พบว่ามันเป็นการเลือกทางเดินที่ถูกต้องทีเดียว ในทุก ๆ วันเขารู้สึกสนุกและกระตือรือร้นอยากออกมาสนามซ้อม อยากสวมรองเท้าฟุตบอลลงเตะและอยากเก่งให้มากขึ้นในทุก ๆ วัน
เบิร์กแคมป์ เริ่มต้นเก็บเหรียญ​แชมป์แรกกับ อาแจ๊กซ์ ได้ทันทีในฤดูกาล​แรกบนอาชีพนักฟุตบอลฟูลไทม์ และกลายเป็นสตาร์คนใหม่ที่แฟนบอลชื่นชอบในระยะเวลาแค่ไม่นาน
เบิร์กแคมป์ ประสบความสําเร็จ​กับ อาแจ๊กซ์ อย่างมากหลังจากตัดสินใจเล่นฟุตบอลอาชีพแบบเต็มตัว เขาเล่นให้ทีมนาน 7 ฤดูกาล ลงสนาม 237 นัดยิงได้ 122 ประตู ได้นักเตะยอดเยี่ยมของฮอลแลนด์ 2 สมัยติด ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ อินเตอร์ ในปี 1993 ด้วยค่าตัว 7 ล้านยูโร ซึ่งถือว่าสูงเอาเรื่องในยุคนั้น
จากเด็กสายวิทย์สุดเงียบขรึม สู่ยอดแข้งอัจฉริยะ​ผู้กลายเป็นตำนานของ อาแจ๊กซ์, อาร์เซน่อล​ และทีมชาติฮอลแลนด์บนเส้นทางลูกหนังอาชีพแบบฟูลไทม์
จาก Nobody กลายเป็น Legendary
ทุกอย่่างเกิดขึ้นจากก้าวแรกเสมอ
ก้าวที่เราต้องตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเอง
น่าคิดนะครับ หากวันนั้น เบิร์กแคมป์ ไม่ได้เลือกเดินเส้นทางสายฟุตบอล จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาและวงการลูกหนังโลกบ้าง
เราคงไม่ได้เห็นลูกยิงสุดเหนือชั้นในฟุตบอลโลกปี 1998 บนเกมที่พบกับอาร์เจนติน่า
นิวคาสเซิ่ล คงไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของ เบิร์กแคมป์เทิร์น ประตูที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคนิคขั้นเทพลูกนั้น
พรีเมียร์ลีกคงไม่ได้จารึกประวัติศาสตร์ ว่าครั้งนึงเคยมีประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนที่มาจากนักเตะคนเดียวกัน เหมาติดอันดับท็อปทรีทั้ง 3 ลูกในเดือนเดียวกัน
อาร์เซน่อล อาจไม่ได้ดับเบิ้ล แชมป์ในฤดูกาล 1997-98
เธียร์รี่ อองรี อาจทำประตูได้น้อยกว่านี้ในสีเสื้อปืนใหญ่
และที่สำคัญ...
ผมเชื่อว่าเด็กวัยรุ่นในช่วงปลายยุค 90 จนถึงต้นมิลเลนเนียมอีกหลายคน อาจไม่ได้กลายมาเป็นสาวก อาร์เซน่อล แบบทุกวันนี้ก็เป็นได้
โฆษณา