วัฒนธรรมการขลิบ อวัยวะเพศหญิง
กับความพยายามป้องกันภรรยามีชู้ ที่แสนหฤโหด
เรื่องราวการขลิบอวัยวะเพศ ที่ไม่ใช่เพศชาย แต่กลายเป็นเพศหญิง ความเชื่อที่แสนทรมาน เจ็บปวดทั้งระหว่างพิธีกรรม เจ็บปวดทั้งระหว่างมีเพศสัมพันธ์ แต่ทำไมพวกเธอเหล่านั้น จึงยินยอมพร้อมใจแบกรับความเจ็บปวด โพสนี้จะพาไปขุดประเด็นเรื่องนี้กัน
พิธีกรรมสุดตระหนกนี้ แท้จริงแล้วมีความเป็นมาอย่างยาวนาน วัดได้ด้วยหลักฐานจากซากมัมมี่อียิปต์ ซึ่งการขลิบของคนแต่ละพื้นที่นั้น ก็มีจุดประสงค์แตกต่างกันออกไป ทั้งแรื่องของสุขภาพ ความเชื่อ พิธีกรรมทางศาสนา หรือแม้แต่ปิดเส้นทางการไปสู่จุดสุดยอดของหญิงสาว เพื่อป้องกันความสาวในตัวเธอ หรือไม่ก็ป้องกันเธอไปคบหาชายอื่น
ถึงแม้ว่าชาวโลก จะพัฒนาขีดความสามารถของตนเอง ถึงขนาดวางแผนย้ายถิ่นฐานไปอยู่บนดาวอังคารแล้ว แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ยังใช้ความเชื่อเหล่านี้ ดำเนินชีวิตอย่างปกติ ราวกับว่ามันไม่ได้สร้างบาดแผล หรือความเจ็บปวดอะไรเลย
องค์กรอนามัยโลก หรือ WHO เคยประณามประเพณีเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ว่าไม่สนับสนุนให้มีการกระทำในลักษณะนี้ ด้วยเหตุผลทางการแพทย์ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหามากมาย เช่น เสียชีวิตจากการติดเชื้อ อาการปัสสาวะผิดปกติ อาการผิดปกติของประจำเดือน ตลอดจนความเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
ถึงกระนั้น นักมนุษย์วิทยาวัฒนธรรมบางคน ที่เกิดช่วง 80s ก็ให้ความเห็นว่า นี่เป็นประเพณีที่ปฎิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ทั้งยังเป็นพิธีกรรมที่ดีงาม โดยมีผู้คนศรัทธามากมาย อยู่ทั่วทุกสาระทิศ เคยมีการหยิบยกเรื่องนี้ เข้าไปถกเถียงกันในการประชุมระดับโลกของ ยูเอ็น เกี่ยวกับสตรี ที่โคเปนเฮเกนด้วย
ข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลกในปี 2018 ยังระบุว่า มีผู้หญิงทั่วโลกกว่า 200 ล้านคน ที่ต้องทนทรมาน กับพิธีกรรมที่สร้างความเสียหายแก่อวัยวะสืบพันธุ์ สามารถพบเห็นได้จากทั่วทุกมุมโลก ทั้งในแอฟริกา ตะวันออกกลาง หรือแม้แต่เอเชีย
กลุ่มประเทศที่พบได้มากที่สุด คือประเทศแถบตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของแอฟริกา ลากยาวไปจนถึงอียิปต์ ไปเคนยา ทานซาเนีย และดินแดนโมซามบิคบางส่วนด้วย
นิตยสาร Reader’s Digest ฉบับเดือนมีนาคม ค.ศ. 1981 เคยตีพิมพ์เรื่องราวดังกล่าว เล่าถึงพิธี "ครอบ" ของสตรี อันหมายถึง การตัด เฉือน หรือวิธีอื่น ๆ กับอวัยวะเพศในหมู่ผู้หญิง จนก่อให้เกิดความพิกลพิการ โดยมีผู้อาวุโส หรือหญิงชราประจำเผ่า เป็นคนลงมือ แน่นอนว่านี่เป็นประเพณี ที่จำเป็นต้องทำของชนเผ่า
จากบทความที่ถูกตีพิมพ์เรื่อง Circumcision On Trial ยังกล่าวถึงการขลิบอวัยวะเพศหญิงว่า เป็นเครื่องหมายของผู้หญิงโดยแท้จริง เป็นบทพิสูจน์ของความบริสุทธิ์ และเข้าใจว่า นี่คือพิธีกรรมที่จำเป็นและต้องทำ เพื่อความเป็นผู้ใหญ่ และการยอมรับจากสังคม
สำหรับประเทศแกมเบีย การพิธีครอบ หรือการขลิบอวัยวะเพศหญิงนั้น จะใช้วิธีตัด "เม็ดละมุด" หรือเนื้อส่วนที่เป็น "คลิตอริส" ออกทั้งหมด โดยพิธีกรรมนี้ทำกันแบบสด ๆ ไม่พึ่งสารกระตุ้น หรือยาสลบอะไรเลย ผู้เข้าพิธีจะถูกปิดตา พร้อมตรึงร่างกายอย่างแน่นหนา มีดที่ลับจนคมกริบ จะเฉือนส่วนที่ต้องการออก ภายใต้บรรยากาศอึกทึกของเสียงกลอง ที่ร้องรำทำเพลงภายพิธี ก่อนที่แผลที่ถูกชำระล้าง และทายาจากส่วนผสมของสมุนไพร จนหายสนิท
ยังมีพิธีกรรม จากประเทศทางตอนเหนือของแอฟริกา ที่เด็กผู้หญิง วัยกำลังย่างเข้าสู่วัยสาว จะถูกนำมาเข้าพิธี โดยมีบรรดา “Gedda” หรือหญิงชราของชนเผ่า ร่วมกันเป็นผู้ปฎิบัติการ โดยพวกเธอจะใช้มีดโกน หรือของมีคม ตัดอวัยวะสืบพันธุ์ออกจนหมด ทั้งเม็ดละมุด แคมเล็กแคมใหญ่ จากนั้นก็จะทำการเย็บแผลเข้าด้วยกัน ด้วยหนาม เอ็นแมว เหลือไว้เพียงช่องเท่าไม้ขีดไฟ เพื่อทำหน้าที่ทางสรีระ
ขาของเด็กหญิงจะถูกมัดติดกันอย่างนั้น จนกว่าแผลจะแห้งสนิท ซึ่งพิธีกรรมนี้ เป็นเสมือนการใส่กุญแจลับสตรี หรืออีกนัยหนึ่ง เพื่อป้องการผิดประเวณี ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แน่นอนว่าเด็กหญิงรายนี้จะมีความบริสุทธิ์ จนกว่าเธอจะออกเรือน
ยังมีอีกกรณี คือกรณีที่หญิงสาวแต่งงานไปแล้ว แต่สามีต้องเดินทางทางไกล หรือต้องแยกกับภรรยาเป็นเวลานาน ภรรยาจะถูกร้องขอให้เข้าร่วมพิธีกรรมนี้อีกครั้ง เพื่อเป็นเครื่องการันตีว่า เธอจะไม่ไปคบชู้กับชายใด เคยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เพียงแค่การขลิบบางส่วนของอวัยวะเพศหญิงออกไป ก็เพียงพอ ที่เธอจะไม่ไปหาชายอื่นอีกแล้ว นั่นเพราะการขลิบ เสมือนการปิดประตูสู่สรรค์ของพวกเธอ
พิธีนี้ถูกเรียกว่า "พิธีฟาโรนิค" รากศัพท์นั้นมาจากภาษาอียิปต์โบราณ แปลว่าเย็บ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หญิงแต่ละคนจะถูกเย็บด้วยกันสามครั้ง คือครั้งแรกเมื่อเริ่มเป็นสาว ครั้งที่ 2 ตอนแต่งงาน และครั้งที่ 3 ระหว่างการคลอดบุตร
เรื่องเลวร้ายก็คือ เนื้อเยื่อที่ผ่านการเย็บมาแล้ว จะกลายเป็นแผลขนาดใหญ่ ผลพวงจากพิธีกรรม มันเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับพวกเธอ ความเจ็บปวด และความทรมานในยามที่มีเพศสัมพันธ์ หรือแม้แต่ความเจ็บปวดในการคลอดบุตร มันจะเจ็บปวดกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
ถึงแม้จะเป็นความหฤโหด ที่คนธรรมดาอย่างเรายากเกินเข้าใจ แต่การหยุดยั้งประเพณีเหล่านี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นั่นเป็นเพราะพิธีกรรมนี้ ยังคงเชื่อถือกันอย่างเคร่งครัด และถือเป็นเรื่องจำเป็นในสังคม โดยเฉพาะการยอมรับจากคนรอบข้าง เนื่องจากผู้หญิงที่ไม่เข้าร่วมพิธีกรรมนี้ จะถูกประณามว่าไม่สะอาด ถูกเย้ยหยันจากคนผู้อื่น ถูกมองเป็นแกะดำ ใจเหลาะแหละ ไม่มีความอดทน ไม่มีใครอยากครองคู่ด้วย บ้างก็เชื่อว่า เด็กที่เกิดจากหญิง ที่ไม่ผ่านการเย็บ จะนำมาซึ่งเรื่องไม่ดีแก่ชนเผ่า
ในประเทศซูดาน แม้จะมีกฎหมาย และบทลงโทษแก่ผู้ที่ประกอบพิธีกรรมนี้มากว่า 30 ปี แต่ก็ยังมีหญิงสาวจำนวนมาก ดื้อด้านที่จะเข้าร่วมพิธีขลิบอวัยวะเพศ อันที่จริงไม่ใช่เพียงสามัญชนทั่วไป อดีตประธานาธิบดีของเคนยา ก็เคยเขียนไว้เกี่ยวกับการขลิบ ว่าเป็นแนวทางการศึกษาทางศาสนา และทางศีลธรรมที่สมบูรณ์ที่สุด
เมื่อหลายสิบปีก่อน นายโซมาลิ ทูตของยูเอ็น ก็ได้ออกมาให้การสนับสนุนพิธีนี้ว่า เป็นประเพณีที่เด็กหญิงทุกคนในประเทศของเขา จะต้องเข้าร่วมเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามครรลอง รวมทั้งภรรยาและลูกสาว 2 คนของเขาด้วย นี่ยังไม่รวม ผู้เชี่ยวชาญโรคสตรี ชาวซูดานที่น่าเชื่อถือคนหนึ่ง ก็ยังเคยให้การสนับสนุนพิธีฟาโรนิค นี้เหมือนกัน
อย่างไรก็ดี เรื่องของความเชื่อ ยังคงเป็นสิ่งที่ยากจะเข้าใจ คนเรามีความเชื่อที่แตกต่างกัน ว่ากันว่า การเห็นต่างด้านความเชื่อ นำมาซึ่งความแตกหัก และเรื่องนี้ ก็น่าจะเป็นแบบนั้น เราคงไม่อาจสร้างความเชื่อใหม่ หรือแก้ไขสิ่งเก่า ได้ในระยะเวลาอันสั้น
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
