จากตอนที่แล้วได้พูดถึงสายเลือดยูเครนที่อยู่ใกล้ตัวเราอย่างคาดไม่ถึงไปคนหนึ่งนะคะ และอีกคนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลย โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกรรมกับต่างประเทศบ่อย ต้องเคยใช้บริการแอปพลิเคชันของพ่อหนุ่มคนนี้แน่นอน นั่นก็คือ Max Levichin แห่ง PayPal ค่ะ
Max Levchin
ยูเครนเมื่อสามสิบกว่าปีก่อนสำหรับหนุ่ม Jan Koum อาจเป็นสถานที่ที่เลวร้าย แต่จากความทรงจำของ Max Levchin ซึ่งมีอายุ 10 ขวบในตอนนั้นเล่าว่า ยูเครนค่อนข้างจะห่างไกลจากศูนย์กลา ดังนั้น ชาวยูเครนส่วนใหญ่เลยไม่ได้รับรู้ถึงความตึงเครียดของสงครามเย็นเท่าไรนัก (อันนี้อาจเป็นเพราะ Max และ Jan อยู่ในสังคมที่ต่างกัน หรือครอบครัวของทั้งสองมีวิธีป้องกันไม่ให้เด็กๆสัมผัสกับบรรยากาศตึงเครียดที่ต่างกัน ดังนั้น แม้จะอยู่ในประเทศเดียวกัน แต่ทั้งสองก็มีประสบการณ์ที่ต่างกันนะคะ)
เด็กชาย Max มีชีวิตวัยเด็กที่สนุกสนานและมีความสุขท่ามกลางครอบครัวนักวิทยาศาสตร์ที่มีสมาชิกจำนวนหกคนอาศัยอยู่ในอพาท์เมนต์เดียวกัน ย่าของ Max มีดีกรีปริญญาเอกสองใบจากดาราศาสตร์ฟิสิกส์ หญิงผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้บริหารหอดูดาว Kyiv อยู่หลายปี และทำให้ Max มีวัยเด็กที่ตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นด้วยการมีของเล่นขนาดใหญ่ที่เรียกว่ากล้องดูดาวที่คุณย่าดูแล
บ้านของเด็กชาย Max ตั้งอยู่ใน Kyiv ห่างจากเชอร์โนบิลล์ถึง 90 ไมล์ แน่นอนว่าไม่มีแรงสะเทือนจากการระเบิดใดๆมาถึงบ้านของเด็กน้อยได้ แต่แม่ของเขาซึ่งเป็นนักฟิสิกส์ชั้นนำของประเทศและทำงานที่ National Institute of Food Hygiene มีหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยของสิ่งบริโภครวมทั้งต้องตรวจสอบระดับกัมตราภาพรังสีในอาหารด้วย เธอรับรู้ได้ทันทีว่ากัมมันตรังสีจะสามารถลอยมาตามลมและทำลายสุขภาพของทุกคนในครอบครัว นอกจากนี้ ครอบครัว Levchin ตระหนักเรื่องสำคัญกว่านั้นว่ารัฐบาลต้องปกปิดเหตุการณ์นี้แน่ พวกเขาจึงรีบแพ็กข้าวของทั้งหมด ส่งน้องชายและ Max ไปอาศัยอยู่กับคุณยายใน Crimea ซึ่งห่างออกไปถึงหนึ่งร้อยกิโลเมตร อยู่ทางใต้สุดของยูเครน (ตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียแล้วค่ะ)
ที่นั่นห่างไกลความเจริญและเงียบเหงาเป็นอย่างมาก Max แทบจะไม่ตั้งใจเรียนและไม่กระเตือรือร้นต่อโรงเรียนเลย แต่เขาก็สามารถทำคะแนนได้ระดับท๊อปคลาส นั่นก็เพราะหลักสูตรของโรงเรียนล้าหลังจากโรงเรียนชั้นนำที่เขาเคยเรียนเกือบสองปี
แต่ไม่นาน Max ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงเรียนที่น่าเบื่อแห่งนั้นอีกต่อไป
ครอบครัว Levchin
ด้วยความที่แม่ของ Max มีหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยทางอาหาร ณ เวลานั้นจึงกลายเป็นหน้าที่ที่สำคัญยิ่งสำหรับประเทศขึ้นมา วันหนึ่ง รัฐบาลโซเวียตมอบหมายภารกิจให้คุณแม่เรียนรู้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพราะการคีย์ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์น่าจะไวกว่าเขียนบันทึกในกระดาษ และยังให้เธอเรียนรู้การสร้างโปรแกรมเพื่อพัฒนาระบบตรวจสอบอาหารต่อไป คุณแม่เลยสั่ง Max ให้ช่วยเรียนรู้วิธีการเขียนโปรแกรมไปพร้อมๆกับเธอโดยใช้เวลาหลัง Max เลิกเรียน จะด้วยความอัจรียะหรือการเรียนรู้ในวัยที่เหมาะสมก็ตาม แต่ภายในสามเดือน Max ได้แสดงศักยภาพในเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่นี้ได้รวดเร็วกว่าแม่ของเขาเสียอีก Max เสพย์ติดการเขียนโค้ดมาก แม้ช่วงเวลาที่เขาไม่ได้ไปห้องแลปกับแม่ เด็กชายวัย 12 ขวบใช้เวลาว่างนั่งลงบนโต๊ะและใช้กระดาษกับดินสอเขียนโค้ดแทนการเล่นเกม
นี่คือจุดเริ่มต้นของการเกี่ยวข้องกับซอฟล์เวย์คอมพิวเตอร์ของ Max
การปรับตัวเข้ากับประเทศใหม่และสิ่งแวดล้อมใหม่สำหรับ Max แล้วถือว่าเป็นความยากลำบาก แต่ในที่สุด Max ก็ปรับตัวได้ดี และมุ่งมั่นกับการเขียนโค้ดมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่เขาเข้ามหาวิทยาลัย University of Illinois Max เลือกเข้าคณะ Computer science และมุ่งมั่นกับการเขียนโค้ดมากยิ่งขึ้น โดยคราวนี้เขามีคอมพิวเตอร์เป็นของตัวเองและมีแลปมหาวิทยาลัยที่มีอุปกรณ์เพียบพร้อมกว่าสมัยที่เขาอยู่ยูเครน
แม้จะปล่อย PayPal ให้หลุดมือไปแล้ว แต่ Max ได้พัฒนาบริษัทเทคโนโลยีอีกหลายบริษัท เช่น Slide (ขายให้ Google ปี 2004 มูลค่า 182 ล้านเหรียญ), HVF และ Affirm นอกจากนี้ยังลงทุนใน Evernote และ Yelp รวมถึงนั่งเป็นบอร์ดบริหารของ Yahoo ทำให้ Max กลายเป็นหนึ่งใน PayPal Marfia ซึ่งเป็นชื่อเล่นเรียกกลุ่มพนักงานและผู้บริหาร PayPal ผู้เข้าไปมีส่วนก่อตั้งหรือพัฒนาบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เช่น Tesla, Inc. , LinkedIn, SpaceX, YouTube etc.
กลุ่ม PayPal Mafia
ประสบการณ์เติบโตในยูเครนและภายในครอบครัวนักวิทยาศาสตร์ยูเครนส่งผลต่อ Max ไม่มากก็น้อย Max กล่าวว่า คุณย่าของเขาเป็นผู้หญิงที่มีความมุ่งมั่นและเด็ดขาดมาก ถ้าตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง สิ่งนั้นต้องเกิดขึ้น เธอจะทำทุกสิ่งเพื่อเป้าหมายที่เธอตั้งมั่นไว้ Max กล่าวว่า เมื่อมีปัญหาหลายครั้งเขามักจะจำลองว่าถ้าเป็นย่าในเหตุการณ์นี้ ย่าจะตัดสินใจยังไง นอกจากนี้ Max ยังให้เครดิตความสามารถในการอดทนต่อความเครียดให้แก่ครอบครัวของเขา Max กล่าวว่าในฐานะที่ธุรกิจของเขาเติบโตจาก start-up การอดทนอดกลั้นต่อความเครียดสะสมเป็นสิ่งที่เขาต้องเผชิญ ความอดทนและการทำงานด้วยเซ้นท์ของนักธุรกิจเป็นสิ่งเขาได้รับจากครอบครัว
Max Levchin
ปัจจุบัน Max เป็นกำลังของ FWD.us ซึ่งเป็นกลุ่มสนับสนุนผู้อพยพที่มีทักษะสูง ช่วยเหลือทางด้านการศึกษา และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์สาธารณะในวงกว้าง Max ยังใช้ประสบการณ์การเป็นผู้อพยพของตนเองถ่ายทอดออกมาเพื่อให้ผู้อื่นเข้าในภารกิจของกลุ่มด้วย และด้วยสายเลือดยูเครน Max ทวิตข้อความสนับสนุนชาวยูเครนในการอพยพข้ามพรมแดนโปแลนด์ในวันที่ 25 ที่ผ่านมาด้วย
จะเห็นได้ว่ายูเครนในประสบการณ์ของ Jan และ Max มีความแตกต่างกันอย่างมาก แต่ทั้งสองก็ใช้ประสบการณ์และอิทธิพลจากครอบครัวมาเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ลองคิดเล่นๆดูสิคะ ถ้าประเทศยูเครน (หรือประเทศอื่นๆ) ไม่ตกอยู่ในภาวะสงคราม มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ โลกของเราจะสร้างนักคิดนักพัฒนามากมายขนาดไหน