28 ก.พ. 2022 เวลา 02:59 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หุ้นน่าซื้อวันนี้ 28 ก.พ. 65 โบรกมองตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้รวมถึงตลาดหุ้นไทยพักตัวรอดูพัฒนาการสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน หลังจาก DJ Futures ปรับตัวลงกว่า 400 จุด ประเมินกรอบ 1,665 -1,685 จุด เน้น Selective Buy - มีปัจจัยบวกเฉพาะ
บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การโจมตีในยูเครน ยังคงดำเนินต่อไป ด้านการตอบโต้ของชาติตะวันตก ยังคงเน้นไปที่การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการเงินเป็นหลัก เช่น การตัดธนาคารของรัสเซียบางแห่ง ออกจากระบบ SWIFT ซึ่งเป็นระบบการทำธุรกรรมการเงินและการชำระเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก
ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันการเงินกว่า 11,000 แห่ง ที่อยู่ในเครือข่ายนี้, หลายประเทศในยุโรป แบนสายการบินของรัสเซีย เป็นต้นอย่างไรก็ดี เริ่มมีความหวังอยู่บ้าง เมื่อมีข่าวว่า ตัวแทนของทั้งยูเครนและรัสเซีย ตกลงที่จะเจรจากันบริเวณชายแดนเบลารุส
ทั้งนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเป็นวันที่ 2 ปิดบวกเฉลี่ยราว 1-2% และดัชนี VIX Index ย่อตัวลงมาปิดที่ 27.59 กลับลงมาต่ำกว่าระดับ 30 อีกครั้ง
แต่เช้านี้ ความผันผวนของตลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง สะท้อนจาก DJ Futures ปรับตัวลงกว่า 400 จุด ขณะที่ ทองคำและราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวสูงขึ้น ด้วยความไม่แน่นอนของสถานการณ์และความผันผวนของการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่าง ๆ
ทั้งนี้คาดว่าภาวะตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ น่าจะมีโอกาสพักตัวลงมา เพื่อรอดูพัฒนาการของสถานการณ์ เราประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX บริเวณ 1,665/1,670-1,685 จุด ในเชิงกลยุทธ์ เน้นเก็งกำไรหุ้นที่รายงานผลประกอบการ 4Q64 ดีกว่าคาด
หุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ 4 ตัว นำโดย AJ รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 196 ลบ. เติบโต +25% YoY และพลิกกลับจากขาดทุน QoQ ขณะที่กำไรปกติ 4Q64 อยู่ที่ 146 ลบ. เติบโต +148% YoY และ +40% QoQ ออกมาดีกว่าคาด จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ +53% YoY และ +18% QoQ เป็น 2.68 พันลบ. สะท้อนถึง Demand ที่แข็งแกร่ง
ผลจากกำไร 4Q64 ที่ดีกว่าคาด ส่งผลให้เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 ขึ้นจากเดิม 4% เป็น 658 ลบ. เติบโต +9% YoY และปี 2566 คาดกำไรเติบโต +19% YoY เป็น 785 ลบ. ราคาหุ้นซื้อขายที่ PBV ระดับ 1.7 เท่าต่ำกว่าผู้ผลิตฟิล์มในภูมิภาคที่ 3-5 เท่า
หุ้นเด่นถัดมาคือ BAM รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 ที่ 986 ลบ. เติบโต +39% YoY และ +71% QoQ ดีกว่าที่เราและตลาดคาดมาก จากแรงหนุนของกำไรขาย NPA ที่เร่งตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยรับ และกำไรจากการให้สินเชื่อลูกหนี้เติบโตได้ดี QoQ
เราคาดกำไรปี 2565 ที่ 2.9 พันลบ. +15% YoY จากภาพรวมของเศรษฐกิจไทยปี 2565 ที่กลับมาเติบโต และมี Upside จากการร่วมจัดตั้ง JVAMC กับสถาบันการเงินเพื่อให้บริการบริหารหนี้เสียร่วมกัน ประกาศเงินปันผลหุ้นละ 0.55 บาท ขึ้น XD 29 เม.ย. ให้ Dividend Yield 2.6%
หุ้นเด่นอีกตัวคือ PTTEP หุ้นกลุ่มพลังงานมีปัจจัยหนุน หลังราคาน้ำมันดิบ NYMEX, BRENT เช้านี้ปรับตัวขึ้นราว 5% จากสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน หลังชาติพันธมิตรประกาศตัดรัสเซียออกจากระบบการเงิน SWIFT ส่งผลให้เกิดความกังวลต่อ Supply พลังงานเนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของโลก
แนวต้านทางเทคนิค 135.00 บาท และ 138.00 บาท อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ในยูเครนมีทิศทางดีขึ้น อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง ดังนั้น ด้วยข่าวสารที่ผันผวนรายวัน เราจึงแนะนำเก็งกำไรสำหรับคนรับความเสี่ยงได้สูง
หุ้นเด่นสุดท้าย M ภาพทางเทคนิค แนวต้าน 55.00 บาท แนวรับ 53.25 บาท และ Stop loss หากต่ำกว่า 52.00 บาทปี 2565 คาดเข้าสู่การฟื้นตัวของผลประกอบการ +1,175% YoY เป็น 1.67 พันลบ. จากการฟื้นตัวของภาคบริโภคในประเทศ และฐานะการเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash
บล.เอเซีย พลัส ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index วันนี้ 1,655 – 1,690 จุด
โดย หุ้นเด่นวันนี้ 3 ตัว แนะนำ DTAC (FV@63.40) ได้ประโยชน์จากการควบรวมมากสุดในกลุ่มภาพรวมอุตสาหกรรมที่จะมีผู้ประกอบการเหลือ 2 รายที่
มีศักยภาพใกล้เคียงกัน และคาด นำมาสู่ การแข่งขันที่ในรูปแบบการนำเสนอความแตกต่างบริการภายใต้แนวโน้มดังกล่าว คาดว่าจะมีโอกาสที่จะช่วยเปิด Upside ของประมาณการ DTAC+TRUE ในระยะยาว ทั้งจากรายได้และต้นทุน
โดยในส่วนรายได้ จากการศึกษาฝ่ายวิจัย พบว่าทุกๆ5% ของ ARPU Vอง TRUE+DTAC ที่เพิ่มขึ้น คาดหนุนกำไรราว 367% จากคาดการณ์กำไร TRUE + DTAC ปี2565 ที่ 1.26 พันล้านบาท ด้านกำไรปี 2565 จากกำลังซื้อโดยรวมที่ดีขึ้น รวมทั้งการกลับมาเปิดประเทศ จึงคงคาดกำไรปี 2565 ฟื้นตัวได้ 7.1% มูลค่ากิจการใหม่จะสูงราว 3.57-3.99 แสนล้านบาท หากแบ่งเป็นมูลค่าDTAC จะอยู่ในช่วง 63.4-70.9 บาท
หุ้นเด่นตัวต่อมา TOP (FV@63.00)
ปิดท้ายที่ M (FV@63.00) กำไร Q4 ดีกว่าคาด พร้อมเติบโตในปีนี้กำไร 4Q64 ดีกว่าฝ่ายวิจัยและตลาดคาดเท่ากับ 399 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนงวดก่อน (+14% YoY) หนุนด้วยการ Recovery ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ส่งผลบวกต่อเนื่องถึง Gross Margin จากสัดส่วนการรับประทานอาหารภายในร้านที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น ด้านต้นทุนวัตถุดิบอย่างเป็ดและหมู แม้สูงขึ้นจากปีก่อน
แต่เป็ดได้มีการทำสัญญาล่วงหน้า 1 ปี รวมถึงการปรับราคาขายขึ้นราว 3% ตั้งแต่ ม.ค. 65 เป็นปัจจัยหนุนต่อ GrossMargin ปี 2565คงแนะนำ ซื้อ เพราะแนวโน้มการเติบโตของกำไรภาคบริการปี 2565 - 66 เด่นกว่ากำไรตลาด และประเมินมีพัฒนาการ Q0Q รายไตรมาสขณะที่ราคาหุ้น Laggard หุ้นกลุ่ม Reopening อย่างโรงแรม
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า วันนี้คาด SET ผันผวน ในกรอบแนวรับ 1,665 จุด และแนวต้าน
1,690 จุด เน้นหุ้นแนวโน้มกำไรเด่น
โดย หุ้นเด่นวันนี้ แนะนำ CPALL คาดแนวโน้มกำไร 1Q64 ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย SSSGร้านเซเว่นฯตั้งแต่ต้นปนี้ยังเป็นบวกประมาณ 10%ตามราคาสินค้าและยอดขายที่พื้นตัวผสานกับยอดขายของแม็คโครและโลตัสมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นขึ้นเช่นกันจากการเปิดเมือง อีกทั้งรายได้ค่เช่าก็มีทิศทางที่ดีขึ้นเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 70 บาท
หุ้นเด่นอีกตัวคือ QH (Upgrade)ปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ปี 65-66ขึ้น 10% จากภาพรวมแนวโน้มธุรกิจที่ดีในปีนี้ โดยปรับเพิ่มกำไรปีนี้ขึ้น5% และปี 66 ขึ้น 71 ส่งผลให้กำไรปี65-66 จะเติบโตสูงราว 28%, 13%ตามลำดับ และปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่2.7 จาก 2.56 ผสานคาดปันผลปีนี้ที่คาดสูงราว 5.4% เพิ่มความน่าสนใจเป้าหมายเชิงกลยุทร์ 2.7 บาท
บล.ไทยพาณิชย์ คาด SET ปรับลง โดยมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ยังตึงเครียด และเต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารเรื่องรัสเซียสั่งเตรียมพร้อมสำหรับนิวเคลียร์ หรือสองฝ่ายหาทางออกด้วยการเจรจา ส่วนชาติพันธมิตรคว่ำบาตรรุนแรงขึ้น ทำให้ดัชนีผันผวน ด้านแนวรับอยู่ที่ 1,658-1,668 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,688-1,700 จุด
ภายใต้ความเสี่ยงด้านความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เพิ่มขึ้นและยากจะคาดการณ์ Downside อีกทั้งจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้นยังสร้างความกังวลต่อมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนสำหรับผู้ที่ได้รับความเสี่ยงได้สูงจึงแนะนำหาจังหวะลงทุนในช่วงที่ความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น แต่ผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำอาจชะลอลงทุนจนกว่าจะมีสัญญาณคลี่คลายในระยะแรกในการเจรจาหยุดยิงเพื่อลดความเสี่ยง
Core Portfolio : คงน้ำหนักพอร์ตไว้ที่ 50% โดย Let Profit Run สำหรับหุ้นที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตดี มีผลกระทบจำกัดจากปัจจัยภายนอกอย่าง KBANK, AMATA, LH ,GULF, ADVANC ,ONEE
Weekly Portfolio : เก็งกำไรน้ำหนักไม่เกิน 25% ดังนี้ 1.นักลงทุนรับความเสี่ยงได้สูงและมองสถานการณ์ในยูเครนจะยืดเยื้อ แนะนำเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นน้ำมันอย่าง PTTEP และ BCP หรือ หาจังหวะซื้อหุ้นหลังตลาดปรับลงแรงมาบริเวณ 1,650 จุด ในหุ้นที่คาดจะเด้งแรงหากสถานการณ์คลี่คลายอย่าง KBANK, MINT, IVL, CRC, GPSC และ 2. นักลงทุนที่กังวลต่อประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน อาจจะพิจารณาหุ้นที่มีลักษณะเชิงรับอย่าง BDMS, BJC, ADVANC
หุ้นเด่นวันนี้แนะนำ LH (ราคาเป้าหมาย 10.50 บ.) หลัง 4Q64 กำไรสูงกว่าเราคาด 8% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งและ SG&A ที่ลดลง ส่วนปี 65 คาดกำไรเติบโต 14%YoY และมี upside จากการขายสินทรัพย์ใน 2Q65 และ OSP (ราคาเป้าหมาย 37.00 บ.) ปี 65 คาดกำไรโต 14.8%YoY จากการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์หลัก M150 ขวดละ 12 บาท และตั้งเป้าลดต้นทุนค่าใช้จ่าย
บล.กสิกรไทย มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,660-1,690 จุด โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ OSP ราคาปัจจุบันที่ 35.75 บาท ราคาเป้าหมายที่ 39 บาท ตัวต่อมาคือ BGRIM ราคาปัจจุบัน 34.25 บาท ราคาเป้าหมาย 37.50 บาท และ WICE ราคาปัจจุบันที่ 19.20 บาท เป้าหมาย 21 บาท
อัตราแลกเปลี่ยนและราคาทองคำ
ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 65
เงินบาทวันนี้ ! อ่อนค่า จับตาท่าทีเฟดขึ้นดอกเบี้ยหลังเกิดสงคราม
ราคาทองคำวันนี้ พุ่ง 400 บาท รูปพรรณขาย 30,050 บาท
ติดตามข่าวหุ้น-การลงทุนทางไลน์
โฆษณา