1 มี.ค. 2022 เวลา 06:31 • กีฬา
น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ ยอดนักกีฬาแบดมินตันหญิงชาวไทย เธอ คือ คนไทยคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวมือหนึ่งของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2559 โดยก่อนหน้านั้นในปี พ.ศ. 2556 เธอคว้าแชมป์โลก และสร้างสถิติการเป็นแชมป์โลกแบดมินตันที่อายุน้อยที่สุด
ซึ่งหากเรามองย้อนกลับไปในอดีตของเธอ ก็จะเห็นได้ถึงความทุ่มเท ทั้งแรงกาย แรงใจ ในทุกการฝึกฝน เธอยังคงเต็มที่กับมันอยู่เสมอ เพราะไม่ว่าจะเป็นการฝึกแบบไหน หากทำให้เธอ มีโอกาสที่คว้าชัยชนะมาได้ ไม่ว่าโอกาสจะน้อยเพียงใด เธอจะไม่รังเลใจที่ได้ทำ โดยเธอยังคงก้าวเดินตามความฝัน ด้วยความเชื่อที่ว่า
"ถ้าเราล้มได้ ก็ต้องลุกได้ แพ้ได้ก็กลับมาชนะได้ ขอแค่ใจไม่ยอมแพ้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ หากเราพยายามอย่างสุดกำลัง"
ติดตามเรื่องราวแห่งความสุขได้ที่
Facebook และ Youtube : The Discoverer
ช่องทรูปลูกปัญญา ทรูวิชั่นส์ 37 และ HD 111
#TheDiscoverer
#TheDiscoverer
#TheDiscovererTH
#ความสุขของผู้ค้นพบ
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ThaiMediaFund
เมย์ รัชนก อินทนนท์
เมย์ เติบโตมากับแบดมินตัน และ ทุ่มเท จนเป็น เมย์ รัชนก
น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ ยอดนักกีฬาแบดมินตันหญิงของชาวไทย เธอ คือ คนไทยคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวมือหนึ่งของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2559 โดยก่อนหน้านั้นในปี พ.ศ. 2556 เธอคว้าแชมป์โลก และสร้างสถิติการเป็นแชมป์โลกแบดมินตันที่อายุน้อยที่สุด และเธอยังประกาศศักดาโดยการเป็นแชมป์ในหลาย ๆ รายการแข่งขัน เธอ คือ ตัวแทนความเก่งในด้านกีฬาของผู้หญิงไทยอย่างแท้จริง เธอเชื่อเสมอว่า ถ้าเราล้มได้ ก็ต้องลุกได้ แพ้ได้ก็กลับมาชนะได้ ขอแค่ใจไม่ยอมแพ้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หากเราพยายามอย่างสุดกำลัง
เมย์ รัชนก เธอเป็นนักแบดมินตันหญิงของไทย ที่มีโอกาสใกล้เคียงเหรียญโอลิมปิกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในลอนดอน 2012 เธอผ่านเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้าย อีกนัดเดียวก็ได้ลุ้นชิงเหรียญ แต่ก็แพ้ไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้นในริโอ 2016 เธออยู่ในฟอร์มที่ดีในแบดมินตันอาชีพ แต่ก็ไปฟอร์มหลุดเช่นกันในรอบ 16 คนสุดท้าย พลาดเหรียญไปอีกครั้ง
เมย์ เธอเก็บบทเรียนทุกอย่าง เอามาสอนใจตัวเอง เพื่อให้การแข่งขันครั้งที่ 3 ของเธอ ไม่พลาดง่าย ๆ แบบเดิมอีก เธอหวังจริง ๆ ว่า เธอจะได้ไปถึงเหรียญโอลิมปิกได้เป็นครั้งแรกในโตเกียว และสำหรับน้องเมย์หากครั้งที่สามยังไม่ดีพอ ก็ไม่เห็นเป็นไร ถ้าจะลองครั้งที่สี่ดูสักตั้ง
#TheDiscoverer
#TheDiscovererTH
#ความสุขของผู้ค้นพบ
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ThaiMediaFund
คุณแม่คำผัน สุวรรณศาลา
เมย์
“แบดมินตันถือว่าเป็น ชีวิตของเมย์เลย ถ้าถามว่าจากจุดแรกก็ไม่ได้ชื่นชอบหรอกค่ะ เพราะว่าพ่อแม่ของเราเองก็ไม่ได้มีพื้นฐานด้านการเล่นกีฬา ท่านเป็นแค่คนงานธรรมดาที่ทำงานหาเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไปวัน ๆ ”
ตอนเมย์อายุเพียง 3 เดือน เธอจำเป็นต้องย้ายเข้ากรุงเทพตามพ่อและแม่ของเธอ เนื่องจากในตอนนั้นพวกท่านต้องเข้ามาทำงานหารายได้ ที่โรงงานทำขนม “บ้านทองหยอด” ซึ่งเจ้าของโรงงานบ้านทองหยอดแห่งนี้ ก็คือ คุณกมลา ทองกร หรือ คุณแม่ปุก ผู้เป็นมารดาบุญธรรมของเธอ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้เธอมากมาย และนี่เป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางสู่ความสำเร็จ ที่ทำให้เมย์ รัชนก อินทนนท์ เติบโตจนกลายเป็นนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวมือหนึ่ง ขวัญใจชาวไทย ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก
คุณแม่คำผัน สุวรรณศาลา
ในช่วงที่เรามาทำงานที่ บ้านทองหยอด เราก็คิดถึงลูกมาก ก็เลยคุยกับ คุณแม่ปุก ว่าเราจะขอไปเอาเมย์มาเลี้ยงที่บ้านทองหยอดได้ไหม แม่ปุกก็บอกว่า ได้สิเอามาได้เลย พอเมย์เริ่มเดินได้ อะไรได้ แม่ปุกเลยให้เมย์มาโยนลูก เก็บลูกให้พวกพี่ ๆ เขา แต่ก็ไม่ได้คิดหรอกนะคะว่า เมย์ในวันนั้นจะมาไกลได้ถึงทุกวันนี้
#TheDiscoverer
#TheDiscovererTH
#ความสุขของผู้ค้นพบ
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ThaiMediaFund
แม่ปุก
เนื่องจากตอนนั้นน้องเมย์อายุได้ 6 ขวบ คุณแม่ปุก เธอกลัวว่าน้องเมย์จะวิ่งเล่นซุกซนภายในโรงงาน จนเกิดอุบัติเหตุได้ เธอจึงได้นำน้องเมย์มาหัดเล่นแบดมินตันตั้งแต่ตอนนั้น และหนึ่งปีต่อมา ตอนที่เมย์อายุ 7 ขวบ ได้ลงแข่งขันเป็นครั้งแรกในรายการ อุดรธานี โอเพ่น ซึ่งเมย์สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศได้เป็นครั้งแรก สิ่งนี้ทำให้คนรอบตัวเมย์ต้องตกใจในความสามารถที่เมย์มีอย่างมาก และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ เมย์ ค้นพบเส้นทางก้าวแรกสู่การเป็นนักกีฬาแบดมินตัน
ใครจะคิดว่า จากจุดเริ่มต้นของคนที่เป็นแม่ ที่อยากสร้างชมรม เพื่อให้ลูกหลานจำนวนไม่ได้มากมายได้มาเล่นกีฬาแบดมินตันเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง จะกลายมาเป็น "แม่" ที่มีลูก ๆ ในการเข้ามาเป็นนักกีฬาในสังกัด จนกลายเป็นโรงเรียนแบดมินตัน ที่สามารถผลิตนักกีฬาฝีมือระดับโลก และระหว่างนั้นเอง โค้ชคนเดิมของ บ้านทองหยอด อย่างอาจารย์พรโรจน์ บัณฑิตพิสุทธิ ต้องไปรับราชการที่ต่างจังหวัด แม่ปุก จึงจำเป็นต้องหาโค้ชแบดมินตันคนใหม่ที่ทำงานให้ชมรมได้เต็มเวลา เธอเองจึงได้ติดต่อสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ให้ช่วยประสานไปยังสมาคมแบดมินตันแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเลิศด้านกีฬาแบดมินตัน เพื่อขอตัวโค้ชชาวจีนมาฝึกสอนในประเทศไทย
แม่ปุก
“คือถ้าทำอะไรก็ต้องเอาให้มันดีไปเลย ในตอนนั้นเราทำจดหมายถึงสมาคมว่าอยากจะได้โค้ชอาชีพ ที่เป็นโค้ชจีน ซึ่งเป็นโค้ชแบดมินตัน เขาก็ส่งประวัติโค้ชเซี่ยมาให้ดู พอดีช่วงนั้นโค้ชเซี่ยเขาอยู่ทีมชาติเหมือนกัน เขาอยู่ในระบบที่สูงอยู่แล้ว ทั้งในระดับชาติ และระดับโลก”
และเมื่อ "แม่ปุก" อ่านประวัติของโค้ชเซี่ยจบ ก็ตกลงทำสัญญาว่าจ้างทันที ส่งตั๋วเครื่องบินไปให้ แล้วทำสัญญากันแบบปีต่อปี ซึ่งจากวันนั้นสู่วันนี้เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษแล้ว ที่โค้ชชาวจีนอย่าง เซี่ย จือ หัว อยู่คู่กับบ้านทองหยอดจนได้รับสัญชาติไทย เมื่อปี พ.ศ. 2556 และมีชื่อไทยว่า "ก่อเกียรติ ชัยประสิทธิโชค"
#TheDiscoverer
#TheDiscovererTH
#ความสุขของผู้ค้นพบ
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ThaiMediaFund
ก่อเกียรติ ชัยประสิทธิโชค (โค้ชเซี่ย)
ก่อเกียรติ ชัยประสิทธิโชค (โค้ชเซี่ย) : ผู้ฝึกสอนแบดมินตันบ้านทองหยอด
“คือในตอนที่เรามาถึงบ้านทองหยอด แรก ๆ เราต้องปลูกฝั่งเยาวชนให้พวกเขามีหวัง เพราะไม่ว่าทำอะไรพวกเขาต้องมีหวังเสมอ เพราะถ้าคนเรามีเป้าหมายร่วมกัน และเราทำกันเป็นทีม มันก็สำเร็จ”
คุณภัททพล เงินศรีสุข (โค้ชเป้) : ผู้ฝึกสอนแบดมินตันบ้านทองหยอด
“เรื่องของโค้ชเซี่ยเนี่ย ต้องเรียกว่า เขาเป็นคนที่สุดยอดอยู่แล้วครับ เขาจะมีวิธีการทำงานในรูปแบบของเขา ซึ่งโค้ชเซี่ยเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เมย์มาไกลถึงทุกวันนี้ และมันก็ไม่ใช่แค่ เมย์ คนเดียวด้วยนะ มันมีอีกหลาย ๆ คน ที่โค้ชเซี่ยสอนมา ไม่ว่าจะเป็นผม สุดเขต หรือนักกีฬาเยาวชน วิว จิว โค้ชเซี่ยก็เป็นผู้สอน เราจะแบ่งบทบาท และหน้าที่กันทำ ผมมั่นใจว่า บ้านทองหยอด เราทำงานเป็นทีม และทำเพื่อประโยชน์ของนักกีฬา ที่เป็นตัวตั้งแต่แรก ไม่ใช่เพื่อองค์กร”
นอกจากโค้ชเซี่ยแล้ว ที่บ้านทองหยอดแห่งนี้ยังมีโค้ชที่มีฝีมือ และประสบการณ์ด้านแบดมินตัน ถึงขั้นเคยไปแข่งโอลิมปิกอย่าง โค้ชเป้ คุณภัททพล เงินศรีสุข หนึ่งในผู้ฝึกสอนแบดมินตันบ้านทองหยอด ที่อดีตเคยเป็นนักแบดมินตันของประเทศไทย ที่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 ประเภทชายคู่ โดยปัจจุบันโค้ชเป้ได้ผันตัวเองมาเป็นผู้ฝึกสอนแบดมินตัน และยังเป็นครูฝึกสอนคู่ใจของน้องเมย์อีกด้วย เพราะลูกศิษย์ที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดในชีวิตของเขา คือ เมย์ รัชนก อินทนนท์ นั่นเอง อีกทั้งคุณแม่ปุกเล่าให้ฟังอีกว่า ในช่วงที่โค้ชเซี่ยมาแรก ๆ นั้น โค้ชเซี่ยจะเป็นผู้สอนโค้ชเป้ในวัย 12 ปี ในการตีแบดมินตัน ซึ่งการฝึกซ้อมแต่ละวันของโค้ชเป้ จะมีเด็กสาวตัวน้อยที่คอยมาแอบดูการฝึกซ้อมเป็นประจำ
เมย์
“เราเองก็เห็นพี่เป้มาตั้งแต่เขายังเล็ก ๆ ส่วนตัวเราก็เล็กกว่าพี่เป้มาก ๆ คือ มันเหมือนกับว่า พี่เป้ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ที่ทำให้เราอยากเป็นแบบเขา”
เมื่อเธอได้เห็นการฝึกซ้อมของ โค้ชเป้ บ่อยครั้งเข้า ก็ทำให้เกิดความชอบ และรักในสิ่งที่ทำมากขึ้นเรื่อย ๆ มันมากขึ้นทุกวัน จนทำให้ตัวของเมย์ได้เรียนรู้ถึงทักษะที่ควรมีในการแข่งขัน โดยเธอจะคอยถามโค้ชเซี่ยอยู่เสมอ พร้อมกับ เดินตามรอย โค้ชเป้ โดยหวังว่าในสักวัน ตัวของเธอจะได้เป็นแนวหน้าของวงการแบดมินตันแบบ 2 ท่านที่เป็นแรงบันดาลใจให้เธอ
โค้ชเซี่ย
“ชีวิตเขามีแต่แบดมินตันไม่มีอย่างอื่น เช้าตื่นมาก็ถือแต่ไม้แบดเดินมาหาโค้ชแล้ว ซ้อมเสร็จก็กินข้าวไปโรงเรียน กลับจากโรงเรียนถือไม้แบดมาหาโค้ชอีกแล้ว เขาอยู่กับโค้ชมากกว่าอยู่กับพ่อแม่เขาอีก”
#TheDiscoverer
#TheDiscovererTH
#ความสุขของผู้ค้นพบ
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ThaiMediaFund
โค้ชเป้
โค้ชเป้
“เมย์คือส่วนหนึ่งในชีวิตผม เรียกว่าครึ่งชีวิตที่ผมอยู่กับเขา และเกือบทั้งชีวิตของเขาที่อยู่กับผม เมื่อก่อนผมดูเมย์ 100% คนเดียว ทั้งวัน ไปไหน ไปหาหมอต้องพาไป ไปซื้อเสื้อก็ต้องพาไป พาไปกินข้าวก็ต้องพาไป คือ เมย์เขาจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากตีแบดอย่างเดียวครับ”
ดู ๆ ไปแล้ว โค้ชทั้ง 2 ท่าน ก็เปรียบเสมือนคนในครอบครัวของเมย์ ที่พร้อมจะมอบสิ่งที่ดีให้กับเธอ โดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นทั้งครูที่คอยให้ความรู้ และเป็นทั้งเพื่อนที่คอยให้กำลังใจ ความจริงใจเหล่านี้ มันทำให้เธอเติบโตมาเป็นคนที่มีคุณภาพ และเต็มไปด้วยความสามารถ จนวันเวลาผ่านไป เธอได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ด้วยการเข้าแข่งขันในรายการแบดมินตันชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. 2550 ซึ่งในตอนนั้นถือว่าเป็นรายการที่ใหญ่มากสำหรับเธอ
#TheDiscoverer
#TheDiscovererTH
#ความสุขของผู้ค้นพบ
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ThaiMediaFund
ายการแบดมินตันชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย
ปี พ.ศ. 2550 ด้วยวัยเพียง 12 ปี เมย์ รัชนก ได้ลงแข่งขัน ในรายการแบดมินตันชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยเป็นครั้งแรก และได้รับเหรียญทองแดง แต่เธอไม่หยุดเพียงแค่นี้ เพราะต่อมาในปี พ.ศ. 2551 เธอได้รับเหรียญเงิน ซึ่งเธอคิดว่าตัวของเธอต้องฝึกให้หนักกว่าเดิม มากกว่าคนอื่น และมีระเบียบมากกว่าคนอื่น
แม่ปุก
“คือคนที่มันจะเป็นแชมป์ มันต้องครบเครื่องทุกอย่างทั้งร่างกาย จิตใจ และความคิด ใจต้องสู้ ระเบียบวินัยต้องมี ก็คือตัวเราจะต้องสอนให้เด็กคิดด้วย เมื่อก่อนเมย์จะซ้อม 7 วัน โดยไม่มีวันหยุดเลย เราจะบอกเมย์อยู่เสมอว่า ถ้าเราซ้อมเท่าคนอื่น แล้วทำทุกอย่างเท่าคนอื่น เราก็ไม่มีทางที่จะเก่งกว่าคนอื่น เราต้องอดทนให้มากกว่าคนอื่น เพื่อให้เราไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งใจ”
และในที่สุด การแข่งขันในรายการแบดมินตันชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยปี พ.ศ. 2552 ก็มาถึง โดยเธอสามารถเอาชนะ สลักจิต พลสนะ อดีตแชมป์ประเทศไทย ในรอบรองชนะเลิศได้ จนเข้ารอบไปเอาชนะ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ในรอบชิงชนะเลิศ และคว้าเหรียญทองเป็นครั้งแรกในชีวิต
เมย์
“หนูได้ฝึกซ้อมอย่างนี้ ถามว่ามีความสุขไหมก็มีความสุข แต่ก็ปนกับความทุกข์ เพราะว่าบางทียิ่งซ้อมเยอะ ๆ ก็จะเครียด มันก็มีค่ะ แต่ว่ามันคือหน้าที่ มันมีความสุขในแบบของมัน คือหน้าที่ของเราอีกมุมนึงเหมือนกัน แต่ว่าเวลาที่เราได้เห็นผลลัพธ์ของมัน มันทำให้เรายิ่งมีความสุขเพิ่มขึ้นไปอีก เรารู้สึกดีใจตรงที่ว่า ถ้าประสบความสำเร็จเราก็หันมามองว่า เออ ในครั้งหนึ่งที่เราคิดว่ามันเบื่อ มันแย่ อย่างน้อยก็ทำให้เราเห็นรอยยิ้มของตัวเองค่ะ”
#TheDiscoverer
#TheDiscovererTH
#ความสุขของผู้ค้นพบ
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ThaiMediaFund
ในระดับเยาวชน เมย์ รัชนก ลงแข่งขัน รายการ บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์จูเนียร์แชมเปียนชิพ
เมื่อวันเวลาผ่านไป เธอได้เข้าสู่เส้นทางในระดับเยาวชน ตอนนั้น น้องเมย์ ได้เข้าแข่งขันในรายการ บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์จูเนียร์แชมเปียนชิพ (เยาวชนชิงชนะเลิศแห่งโลก) เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2551 โดยเธอสามารถเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้าย แต่ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับ หวัง ซื่อเสียน นักแบดมินตันจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงเธอจะแพ้ แต่เธอก็ยังไม่ตัดใจ เพราะเธอเป็นคนที่เรียนรู้จากความพ่ายแพ้เสมอมา เธอไม่ยอมที่จะหยุดทำในสิ่งที่เธอรัก เพราะเมื่อไรที่เธอแพ้ เธอจะกลับมาฝึกให้หนักมากขึ้น เพื่อรอเวลาที่เธอจะกลับไปคว้าชัยชนะมาเป็นของเธอ
เมย์
“เวลาที่เราลงเล่นในสนาม มันอยู่ที่ว่าเราคุมตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน เพราะว่าถ้าเราคุมตัวเองไม่ได้ เราก็จะกลัวนู่น กลัวนี่ในระหว่างแข่ง จนเราอาจจะแพ้ตรงนั้นไป แต่ถ้าเราควบคุมตัวเองได้ การที่เราเล่นได้แต่ละช็อต บวกกับความชื่นชอบในการเล่น มันจะทำให้เรารู้สึกสบายใจ และอาจจะกลายเป็นว่าเราส่งผลไปฝั่งนู้น ทำให้เขาเกร็ง กดดันจนฝ่ายตรงข้ามไม่กล้าเล่น มันก็อาจจะมีส่วนที่ทำให้เราคว้าชัยชนะมาได้”
เธอกลับมาอีกครั้งในการแข่งขันรายการ บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์จูเนียร์แชมเปียนชิพ พ.ศ. 2552 ในวัย 14 ปี และเธอก็ทำมันจนสำเร็จ เธอสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศเหรียญทองด้วยการเอาชนะ พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข รุ่นพี่ทีมชาติไทยในรอบชิงชนะเลิศ โดยเธอถือเป็นนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ รวมถึงเป็นนักแบดมินตันไทยคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ ยังไม่พอแค่นั้น เพราะในปีต่อมา เมย์ รัชนก เธอยังคงทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยการคว้าเหรียญทองประเภทหญิงเดี่ยว รายการแบดมินตันเยาวชนชิงแชมป์โลกประจำปี พ.ศ 2552 ซึ่งก็ได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
โค้ชเซี่ย
“ตอนแรกได้แชมป์ คนอื่นบอกว่า ฟลุค ฟลุค คนต่างชาติเขาชอบพูดอย่างนี้ แต่ถ้าปีที่ 2 ยังได้แชมป์อีก พวกเขาจะไม่พูดอะไร แต่พวกเขาจะยอมรับในตัวเรา และเขาจะบอกว่าเราต้องได้ปีที่ 3 แน่นอน”
และด้วยการฝึกซ้อม พร้อมเทคนิคขั้นสูง ที่เธอสะสมมาตั้งแต่เด็ก ๆ ในระบบการฝึกซ้อมแบบทีมชาติ ตัวของเธอได้สร้างความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้น เนื่องจากในช่วงปี พ.ศ. 2554 เมย์ รัชนก เธอได้เป็นนักแบดมินตันที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ในรายการ บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์จูเนียร์แชมเปียนชิพ ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์เยาวชนชิงชนะเลิศแห่งโลกเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน แถมยังเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์แบดมินตันโลกอีกด้วย
#TheDiscoverer
#TheDiscovererTH
#ความสุขของผู้ค้นพบ
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ThaiMediaFund
โค้ชเซี่ย
“ในตอนที่น้องเมย์ได้แชมป์เขาอายุแค่ 14 ปี เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ทั่วโลกนะที่ตกใจ เราเองก็ตกใจเหมือนกัน เขาอายุ 14 แต่สามารถแชมป์เยาวชนโลกได้ และพอเธออายุ 18 ปี เธอคว้าแชมป์โลกเลย”
ใช่ครับฟังไม่ผิด เมย์ รัชนก อินทนนท์ ในวัย 18 ปี เธอก้าวขึ้นสู่ยอดบัลลังก์และคว้ามงกุฎ ยอดหญิงเดี่ยวแห่งวงการแบดมินตันโลกมาแล้ว เพราะเธอได้เป็นแชมป์โลกแบดมินตัน ในปี พ.ศ. 2556 ที่กวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ทำให้เมย์กลายเป็นนักแบดมินตันไทยคนแรก ที่สามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ และเธอเป็นแชมป์โลกหญิงคนแรกของประเทศไทยอีกด้วย จากการล้ม ลี เสี่ยว เร่ย แชมป์โอลิมปิกปี 2012 จากจีน ที่กำลังท็อปฟอร์มสุด ๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายมาก เพราะในตอนนั้น ตัวของเธอมีอายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีการคว้าแชมป์ในรายการนี้ด้วย
เมย์
“ตอนนั้นที่เป็นเราเป็นแชมป์โลกเรารู้สึกว่าตัวหนูเองไม่ได้คาดหวังในรางวัลตรงนี้ค่ะ และเพราะเราไม่ได้คาดหวัง เราเลยทำในแบบที่เราผ่อนคลาย เพื่อให้เราเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด และสิ่งที่ทำให้เรามาถึงตรงนี้ได้ เมย์ว่ามันมาจากความอดทน ถึงมันจะมีบางที ที่เราฝึกซ้อมแล้วมันเหนื่อย มันล้า มันคิดมาก แต่เราก็ต้องชนะความขี้เกียจตรงนี้ให้ได้”
มาถึงตรงจุดนี้ เราคงไม่ต้องบรรยายถึงความภูมิใจ ที่อยู่ภายในตัวโค้ชทั้ง 2 คน สิ่งต่าง ๆ ที่เมย์ได้พยายามมาตลอด ทำให้เราสัมผัสถึงการยอมรับในความสามารถและจุดยืนของลูกศิษย์อันเป็นที่รัก ซึ่งเรียกได้ว่า เธอมาไกลเกินกว่าที่อาจารณ์ทั้ง 2 คิดเอาไว้มาก โค้ชเซี๊ยะ เน้นผ่อนคลาย ใช้จิตวิทยา ให้นักกีฬาก้าวข้ามขีดกำจัดของตัวเอง ส่วนโค้ชเป้ จะเน้นสอนวิธีการวิ่ง จังหวะการตอบโต้ รวมไปถึงเทคนิคต่าง ๆ นานา แต่โค้ชก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด เพราะสิ่งสำคัญที่สุด ขึ้นอยู่ว่าตัวของเธอจะควบคุม พลังใจ การตั้งสติ และสมาธิ ในการแข่งขันได้มากน้อยแค่ไหน
#TheDiscoverer
#TheDiscovererTH
#ความสุขของผู้ค้นพบ
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ThaiMediaFund
โค้ชเซี่ย
“ตอนนั้น เมย์ อายุ 18 ปี เธอซ้อมมาที่สุดในโลก เชื่อว่าไม่มีใครซ้อมมากเท่า น้องเมย์ แล้วในตอนนั้น ผมก็จะบอกกับเขาว่า เราต้องทำให้เต็มที่ ถ้าไม่อย่างงั้นคง ไม่มีวันนี้”
โค้ชเป้
“เราจะมาสั่งให้เขาเดินตามเรา ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ทำนู่นทำนี่ตามใจเรา มันไม่ได้อีกแล้ว เพราะจุดที่เขายืนอยู่ มันสูงกว่าเรา คือ เมย์โตแล้ว มันไม่ใช่น้องเมย์อีก เพราะฉะนั้นความคิดของเขามัน ไม่เหมือนเด็กแล้ว เขามีสิทธิ์ที่จะเลือกหรือตัดสินใจอะไรเองได้ แล้วที่สำคัญ คือ เขาก็มีความรับผิดชอบในระดับหนึ่ง เพราฉะนั้นการที่ผมดูแลเขาเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ทุกวันนี้ผมเองก็ต้องปรับเปลี่ยนตามเขาไปเรื่อย ๆ เพราะผมกำลังดูแลนักกีฬาที่เป็นแชมป์โลกที่เป็นมือ 1 ของโลก และเป็นท็อปคลาส ซึ่งผมเองก็พูดตรง ๆ นะครับ ผมตีแบดมายังไม่ถึงเขาเลย ผมไม่เข้าใจหรอกว่า จุดที่เขายืนอยู่ตรงนั้นมันคืออะไร ทั้งบรรยากาศ และความรู้สึกจะเป็นยังไง เพราะเมย์เขายืนอยู่ในจุดที่เหนือกว่าผมมาก แต่เราเป็นโค้ชให้กับเขา และเขาก็มีความเคารพให้เรา เกรงใจเรา เชื่อฟัง และศรัทธาเรา นั่นคือข้อดีที่ตัวของเมย์เป็นมาเสมอ”
#TheDiscoverer
#TheDiscovererTH
#ความสุขของผู้ค้นพบ
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ThaiMediaFund
นอกจากความเคารพที่มีให้โค้ชอันเป็นที่รักทั้ง 2 เมย์ รัชนก เวลาที่เธอลงสนามแข่งขัน เธอยังถูกแฟน ๆ ชาวไทยเข้าไปชื่นชมในโลกออนไลน์อยู่บ่อย ๆ ว่าเป็นสุดยอดนักแบดมินตันที่มีมารยาทงดงามที่สุดในโลกอีกด้วย สาเหตุเพราะ ในทุกครั้งที่เธอลงแข่ง เวลาเจอคู่ต่อสู้เธอจะยกมือไหว้แบบคนไทย โดยไม่เว้นแม้กระทั่งการขอเปลี่ยนลูก หรือ คนเช็ดพื้นสนาม น้องเมย์ ก็ยกมือไหว้มาโดยตลอด จึงเป็นที่มาของเสียงชื่นชมจากแฟน ๆ กีฬาชาวไทยที่มีให้กับ เมย์ เสมอมา
เมย์
“แต่ก่อนมาจาก ไหว้ทุกคนในคอร์ท ไหว้หมดเลย ไหว้นักกายภาพ นักอะไรทุกคน เดี๋ยวนี้นักวิทย์ น้อง ๆ นักกีฬายกมือไหว้เราหมดเลย”
สิ่งที่ทำให้เธอพบเจอเป้าหมายในชีวิต ทั้งหมดล้วนผ่านเรื่องราวแนวคิดจากชีวิตที่ค้นพบความสุข ได้ทำในสิ่งที่ตนรัก จนเกิดเป็นความภาคภูมิใจ และมันไม่ใช่ความภูมิใจเพียงแค่ตัวเอง ครอบครัว โค้ช หรือผู้คนในบ้านทองหยอด แต่เธอเป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ เราจะจดจำชื่อ เมย์ รัชนก อินทนนท์ หญิงสาวผู้ใช้ทั้งหยาดเหงื่อ และหยดน้ำตาของตัวเอง เพื่อเดินตามความฝันที่ยิ่งใหญ่ พร้อมกับหัวใจที่เป็นสุข และโลกจะจารึกว่าครั้งหนึ่ง เธอเคยเป็นนักกีฬาแบดมินตันที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ของการคว้าแชมป์โลก ด้วยวัยเพียง 18 ปี 6 เดือน 6 วัน ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างนี้ เกิดจากความรักในแบดมินตัน มันคือสิ่งเดียวที่เธอทำแล้วมีความสุข และเธอจะไม่มีทางหยุดทำมัน แม้เส้นทางจะสูงแค่ไหน เธอจะคว้ามันมาเป็นของเธอให้ได้
เมย์ : ถ้าไม่มีแบดมินตันก็คงไม่มาถึงจุดนี้ แล้วก็ไม่สามารถทำให้ครอบครัวสุขสบายได้ขนาดนี้ค่ะ ก็คิดว่าแบดมินตันถือว่าเป็นชีวิตของเมย์เลยค่ะ จึงอยากขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจเสมอมา
#TheDiscoverer
#TheDiscovererTH
#ความสุขของผู้ค้นพบ
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ThaiMediaFund
ทุกวันนี้เธอยังคงโลดแล่นในวงการลูกขนไก่และมุ่งมั่นที่จะคว้าความสำเร็จในทุกทัวร์นาเม้นต์ พร้อมเป้าหมายที่จะถ่ายทอดความสำเร็จสู่รุ่นน้อง ด้วยอุดมการณ์ที่ยึดมั่นมาโดยตลอดว่า “ระเบียบวินัยและความทุ่มเท” คือเครื่องมือที่จะสร้างขุมพลังอันยิ่งใหญ่ เพื่อคว้าชัยชนะมาไว้ในอ้อมกอด โดยเป้าหมายต่อไปที่เธอจะเดินทางไปคว้าชัยมา คือ “ความฝันสูงสุดก็คือเหรียญโอลิมปิกค่ะ”
ขอบคุณบ้านทองหยอด
ขอบคุณคุณเมย์ รัชนก อินทนนท์
ที่ทำให้คนไทยร้องไห้อย่างมีความสุข......จำไม่ลืม
#TheDiscoverer
#TheDiscovererTH
#ความสุขของผู้ค้นพบ
#กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
#ThaiMediaFund
โฆษณา