2 มี.ค. 2022 เวลา 15:07 • สุขภาพ
脉诊màizhěn ม่ายเจิ่น การวิเคราะห์โรคเบื้องต้นด้วยการจับชีพจรหรือเรียกสั่นๆว่า “การแมะ” ด้วยแพทย์แผนจีนนั้นเป็นศาสตร์ที่ใช้ธรรมชาติที่ใช้ในการตรวจวิเคราะห์ร่างกายเพื่อใช้ในการป้องกัน บำบัด รักษา ฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งเกิดจากแนวคิดที่ว่าร่างกายมนุษย์นั้นล้วนสัมพันธ์กับธรรมชาติแวดล้อม หากคนเราใช้ชีวิตอย่างขาดสมดุลจะทำให้ร่างกายเกิดความเจ็บป่วยได้
การตรวจวินิจฉัยโรคของศาสตร์แพทย์แผนจีนมี 4 อย่างคือ 1.การมองดู สังเกตดูจากสีหน้า รูปร่าง และลิ้นของคนไข้ 2.การฟังเสียงและการดม เช่นการดมกลิ่นปากและกลิ่นกาย 3.การถาม คือการสอบถามอาการ ประวัติ และระยะเวลาการเจ็บป่วยของคนไข้ 4.การจับชีพจรหรือการแมะ นั่นเองซึ่งข้อมูลจากการตรวจทั้ง 4 อย่างนี้ แพทย์จะนำไปวินิจฉัยว่าคนไข้ป่วยเป็นอะไร และวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ “การแมะ” หรือว่าการจับชีพจรตามศาสตร์แพทย์แผนจีน ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ของการวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยกันว่ามีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจกันบ้างนะคะ
วิธีการแมะ หมอจะใช้นิ้วมือทั้งสาม (นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง) แตะลงบนชีพจรตรงบริเวณเส้นเลือดแดงใกล้ข้อมือฝั่งนิ้วโป้ง โดยนิ้วกลางจะวางตรงบริเวณที่กระดูกข้อมือนูนขึ้นมา นิ้วชี้วางถัดจากนิ้วกลางไปทางปลายนิ้วผู้ป่วย นิ้วนางวางถัดจากนิ้วกลางไปทางต้นแขน สามนิ้ววางเรียงกัน โดยในขณะแมะทั้งหมอและคนไข้ จะต้องอยู่ในอารมณ์ที่สงบนิ่ง เพื่อความแม่นยำในการวิเคราะห์โรค อย่างที่บอกข้างต้นนะคะการแมะ เป็นเพียง 1 ใน 4 ของวิธีการตรวจวินิจฉัยโรคของแพทย์แผนจีน เพราะฉะนั้น หมอจีนที่ดี ที่ละเอียดรอบคอบจะต้องทำให้ครบทั้ง4อย่าง แล้วจึงวินิจฉัยโรคคนไข้และกำหนดแนวทางการรักษาบำบัดอาการของโรคนั้นๆ ให้คนไข้
โฆษณา