3 มี.ค. 2022 เวลา 11:50 • ธุรกิจ
รู้จัก Lockheed Martin บริษัทค้าอาวุธ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หากเราพูดถึง “สงคราม” ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่มีใคร อยากให้เกิด
แต่ความไม่สงบบนโลกนั้น กลับสร้างประโยชน์ให้กับกลุ่มธุรกิจหนึ่งอย่างมหาศาล
ถึงจะไม่ต้องบอก แต่ทุกคนก็คงเดาได้ นั่นคือ “ธุรกิจที่เกี่ยวกับอาวุธสงคราม”
2
แล้วถ้าถามว่าประเทศผู้ส่งออกอาวุธสงคราม มากสุดในโลกคือใคร
คำตอบก็คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ครองส่วนแบ่งในธุรกิจนี้มากถึง 54%
แต่หากเรามาดูรายบริษัทนั้น ก็จะเจอชื่อของบริษัทอเมริกัน “Lockheed Martin”
ปีที่ผ่านมาสร้างรายได้จากธุรกิจอาวุธสงคราม 2 ล้านล้านบาท
ปัจจุบันมีมูลค่าบริษัท 4 ล้านล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นบริษัทค้าอาวุธสงคราม ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อุตสาหกรรมอาวุธสงครามบนโลกของเรา ใหญ่ขนาดไหน
แล้ว Lockheed Martin เป็นเจ้าของธุรกิจค้าอาวุธสงคราม อะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เป็นเวลากว่า 77 ปีแล้ว นับตั้งแต่การสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2
ประเทศมหาอำนาจในยุโรปอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี
ได้สูญเสียความเป็นมหาอำนาจให้กับสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย
แม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้จะผ่านมาเกิน 1 ชั่วอายุคนแล้ว
แต่ในความเป็นจริงโลกของเราก็แทบไม่เคยว่างเว้นจากความรุนแรงเลยแม้แต่ช่วงเดียว
สงครามยูเครนที่เราเห็นในปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่
เพราะตลอด 77 ปีที่ผ่านมานั้น มีสงครามน้อยใหญ่เกิดขึ้นนับร้อยครั้ง
ซึ่งนั่นก็ทำให้อุตสาหกรรมการค้าอาวุธสงครามนั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
หากเรามาดูรายได้รวมของบริษัทค้าอาวุธที่ใหญ่ที่สุดในโลก 100 บริษัทนั้น
2
ปี 2018 มีรายได้รวม 12.7 ล้านล้านบาท
ปี 2019 มีรายได้รวม 16.9 ล้านล้านบาท
ปี 2020 มีรายได้รวม 17.3 ล้านล้านบาท
3
คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 17.7% ต่อปี..
1
ทีนี้ เราลองมาดูบริษัทที่มียอดขายอาวุธสูงที่สุดในโลกกันบ้าง นั่นก็คือ “Lockheed Martin Corporation”
จริง ๆ แล้ว บริษัทนี้คือผู้ผลิตเครื่องบินขับไล่ ที่ว่ากันว่าดีที่สุดในโลกในปัจจุบัน
อย่าง F-35 รวมถึงระบบการต่อสู้แบบบูรณาการบนเรือรบอย่าง “Aegis” ที่นิยมใช้กันมากในกลุ่มชาติพันธมิตรสหรัฐฯ และ NATO
2
รวมถึงระบบต่อต้านขีปนาวุธ “THAAD” ที่สร้างชื่อจากการใช้งานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในสงครามเยเมนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และระบบนี้ยังเป็นประเด็นร้อน เมื่อสหรัฐอเมริกาพยายามให้ประเทศที่มีฐานทัพของตนเองทั่วโลกซื้อและติดตั้งมันเข้าไปด้วย
1
แล้วผลประกอบการของ Lockheed Martin ในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2019 รายได้ 1.9 ล้านล้านบาท กำไร 2.0 แสนล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 2.1 ล้านล้านบาท กำไร 2.3 แสนล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 2.2 ล้านล้านบาท กำไร 2.7 แสนล้านบาท
1
รายได้เติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี
กำไรเติบโตเฉลี่ย 16% ต่อปี
โดยสัดส่วนรายได้ของ Lockheed Martin นั้นมาจาก
- ธุรกิจอากาศยาน 40%
- ธุรกิจระบบอำนวยการรบ 25%
- ธุรกิจขีปนาวุธ 17%
- ธุรกิจอวกาศ 18%
2
เราจะเห็นได้ว่ารายได้หลัก ๆ ของบริษัทนั้นมาจากธุรกิจอากาศยานและระบบอำนวยการรบเป็นหลัก
ที่น่าสนใจก็คือในปีที่ผ่านมา สินค้าหลักของบริษัทอย่างเครื่องบินขับไล่ F-35 มีการส่งมอบทั้งสิ้น
มากถึง 142 ลำ มูลค่าลำละประมาณ 2,660 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17% ของรายได้ทั้งบริษัทเลยทีเดียว
โดยปัจจุบัน Lockheed Martin มีมูลค่าบริษัท 4 ล้านล้านบาท
3
ตัดกลับมาที่ฝั่งลูกค้า ซึ่งก็คือรัฐบาลในประเทศต่าง ๆ
หากย้อนกลับไปในปี 1996 ค่าใช้จ่ายทางการทหารรวมกันทั้งโลกคิดเป็นประมาณ 32 ล้านล้านบาท
แต่ในปี 2021 ที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายตรงนี้เพิ่มเป็น 64 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวใน 25 ปี
โดยประเทศ 10 อันดับแรกนั้น ประกอบไปด้วย
สหรัฐอเมริกา 25.2 ล้านล้านบาท
จีน 8.2 ล้านล้านบาท
อินเดีย 2.4 ล้านล้านบาท
รัสเซีย 2 ล้านล้านบาท
อังกฤษ 1.9 ล้านล้านบาท
ซาอุดีอาระเบีย 1.8 ล้านล้านบาท
เยอรมนี 1.7 ล้านล้านบาท
ฝรั่งเศส 1.7 ล้านล้านบาท
ญี่ปุ่น 1.6 ล้านล้านบาท
เกาหลีใต้ 1.5 ล้านล้านบาท
3
ที่น่าสนใจก็คือ ประเทศอันดับที่ 2 ถึง 10 ซึ่งต่างก็เป็นมหาอำนาจในโลกนั้น มีค่าใช้จ่ายทางการทหารรวมกันอยู่ที่ 22.8 ล้านล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวเสียอีก
แล้วถ้าถามว่าค่าใช้จ่ายทางการทหารของสหรัฐอเมริกา นำไปใช้จ่ายเกี่ยวกับอะไร ?
คำตอบก็คือ งบประมาณทางการทหารของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ส่วนใหญ่จะถูกใช้ไปกับฐานทัพต่าง ๆ และปฏิบัติการทางการทหารทั่วโลกนั่นเอง
1
ก็เป็นที่น่าจับตาว่า
ในภาวะที่สถานการณ์การเมืองโลกกลับมาเกิดวิกฤติอีกครั้ง อย่างเช่นในตอนนี้
รัฐบาลหลายประเทศก็มีแนวโน้มจะกลับมาเพิ่มงบประมาณในการป้องกันประเทศเพื่อให้มีความมั่นคง
บริษัทที่ค้าอาวุธสงครามอย่าง Lockheed Martin นั้นก็น่าจะกลายเป็นธุรกิจเนื้อหอม และมีการเติบโตอย่างไม่ต้องสงสัย
ซึ่งโดยปกติแล้ว
เรามักจะตื่นเต้นกับการเห็นบริษัทใดบริษัทหนึ่งเติบโตขึ้น
แต่มันคงไม่ใช่กับบริษัทผู้ผลิตอาวุธสงคราม ที่ยิ่งเติบโตมากเท่าไร ก็ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งสร้างความหายนะให้กับโลก มากเท่านั้น..
โฆษณา