4 มี.ค. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
ถึงเวลาต้องตัดสินใจ
เคยรู้สึกไหมว่าบางครั้งเวลาเรารอคอยหรือเรียกร้องโอกาสอะไรสักอย่างหนึ่ง เหมือนจะได้คำตอบกลับมาเพียงแค่ความเงียบเชียบ แต่พอบทจังหวะที่ใช่มาถึง กลับมีโอกาสที่ 1 2 3 4 ... และมากกว่านั้น พุ่งตรงเข้ามาหา แล้วสุดท้ายความหนักใจจากการไม่ได้รับโอกาส ก็เปลี่ยนมาเป็นความหนักใจที่ต้องเลือกและหันหลังให้บางสิ่งไป
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการมีทางเลือกที่มากกว่า 1 ตัว ส่งผลให้หลายต่อหลายคนเกิดความหนักอกหนักใจ หรือบางทีก็ถึงกับใช้เวลายาวนานกว่าจะเลือกทางที่เหมาะสมมากที่สุด
แต่เบื้องหลังของความหนักใจมันเกิดจากอะไรกันแน่ และอะไรถึงทำให้การตัดสินใจดูยากและใช้เวลายาวนาน
ก่อนอื่นเมื่อเราวิเคราะห์ถึงกลไกการตัดสินใจแบบง่ายๆ สิ่งที่เป็นหลักคิดของคนส่วนใหญ่คือ พวกเขาย่อมต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองเสมอ เพียงแต่ว่าคำว่า “ดีที่สุด” ของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันตามเป้าหมาย แรงจูงใจ สภาพแวดล้อมและบริบทรอบตัว และความคาดหวัง
หลายครั้งเรามักจะตัดสินใจโดยลืมนึกถึง “เป้าหมายสูงสุด” ที่ตั้งไว้ ซึ่งนั่นถือเป็นสาเหตุสำคัญว่าทำไมถึงต้องใช้เวลายาวนานในการคิดพิจารณา และเผลอๆ ใช้เวลามากเท่าไหร่ก็รู้สึกไม่พึงพอใจในคำตอบที่เลือก นอกจากนี้หลายต่อหลายคนไม่ได้มีการตั้งเกณฑ์ที่ชัดเจนว่า ทางเลือกแต่ละตัวเข้าเงื่อนไขใดที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ปลายทางที่หวังได้
ในกรณีที่มีทางเลือกเยอะ วิธีการที่จะทำให้เราเลือกสิ่งที่ใช่ได้ดีที่สุด คือการจำกัดตัวเลือกให้เหลือน้อยที่สุด แล้วพิจารณาเงื่อนไขสำคัญที่สอดรับกับเป้าหมายหรือผลลัพธ์ที่คาดหวังจากตัวเลือกที่เหลือ
ทั้งนี้ในคำว่า “ตัดสินใจ” หากพิจารณาให้ดีจะมีการแฝงคำ 2 คำไว้
1. ตัดสิน – พิจารณาทุกโอกาสหรือทางเลือกอย่างรอบคอบถี่ถ้วน เลือกสิ่งที่ดีที่สุด และเดินหน้าไปกับสิ่งที่เลือก
2. ตัดใจ - ปล่อยวางในสิ่งที่ไม่ได้เลือก และไม่นึกเสียใจหรือเสียดายย้อนหลัง
ดังนั้นเมื่อเกิดการตัดสินใจขึ้น นั่นหมายความว่าจะมีหนทางที่ชัดเจนให้เราต้องโฟกัส และในอีกมุมหนึ่งก็จะต้องมีสิ่งที่ต้องหันหลังและไม่ยึดติดกับมัน โดยแน่นอนว่าการตัดสินใจที่ดีก็ควรที่จะเด็ดขาด
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เพราะว่าบางคนมีกระบวนการตัดสินกับที่ไม่ชัดเจน ทำให้การพิจารณาทางเลือกไม่รอบคอบและถี่ถ้วน จนทำให้สุดท้ายปลายทางไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ก็ต้องวนกลับมาที่ลูปการเลือกใหม่ หรือบางคนก็ตัดใจไม่ได้ เลือกเลี้ยวซ้ายแล้ว แต่ก็ยังหันหลังกลับมามองทางขวาที่ตนเองไม่ได้เลือก ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ “ไปไม่สุด” คือทางซ้ายก็ทำได้ไม่ดี จะให้วกไปทางขวาก็ทำไมได้อีกแล้ว
ทุกการตัดสินใจมีมูลค่าและสิ่งที่ต้องแลก การทำบางสิ่งบางอย่างไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสิ่งที่ยากคือการเลือกทำบางสิ่งบางอย่างที่ใช่และตรงกับเป้าหมาย ฉะนั้นบางทีเราควรหันกลับมาให้ความสำคัญกับขั้นตอนการตัดสินใจให้มากขึ้นกับเรื่องต่างๆ ในชีวิต
การใช้เวลากับการตัดสินใจให้เหมาะสม ก็เปรียบเสมือนการเลือกใส่รองเท้าให้เหมาะกับหนทางที่จะเดิน ซึ่งถ้าเริ่มต้นดี ระหว่างทางก็จะพบเจอแต่เรื่องราวที่น่าตื่นเต้น และปลายทางก็มักจะเป็นไปอย่างที่ใจหวัง ในทางกลับกันถ้าเลือกรองเท้าผิดประเภท ระหว่างทางก็มีแต่เจ็บตัวไม่มากก็น้อย และบางทีเราเองก็อาจจะเดินไปไม่ถึงเส้นชัย หรือต้องออกจากเส้นทางกลางคัน
ทุกโอกาสและทางเลือกมีประโยชน์และข้อจำกัดในรูปแบบที่แตกต่างกัน ไม่มีคำตอบที่ดีที่สุดที่เป็นแพทเทิร์นชัดเจน หน้าที่ของเราก็มีแค่ตัดสินในสิ่งที่เหมาะสม และตัดใจกับสิ่งที่รู้สึกว่าไม่ใช่
อย่ากลัวที่จะตัดสินใจ เพราะสิ่งที่น่ากลัวไม่แพ้กันคือการไม่ตัดสินใจและปล่อยโอกาสลอยผ่านไปต่อหน้าต่อตา
โฆษณา