5 มี.ค. 2022 เวลา 09:59 • ข่าวรอบโลก
ผมมองจากสายตาของคนนอกแบบนี้ครับ
1) หาก “กองกำลังของประเทศที่สาม” ทำการบังคับใช้ NFZ นั่นหมายถึงเป็นการ “เผชิญหน้า” ทางทหาร และอาจนำไปสู่ “การลุกลาม” ของ
สงครามได้
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
2) เมื่อมองย้อนมาที่ NFZ หรือ “เขตห้ามบิน” ในบริบททางทหารแล้ว ผมมองว่า
2.1) ฝ่ายที่ประกาศและบังคับใช้ NFZ ต้องมี ระบบเรดาร์ตรวจจับอากาศยานที่ละเมิด NFZ
2.2) ต้องมี Air patrol หรือ เครื่องบินรบลาดตระเวน
2.3) ต้องมีระบบขีปนาวุธ “พื้นสู่อากาศ” (ground to air)
ทั้งสามข้อ คือ การบังคับใช้ NFZ ขั้นพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ เพราะเมื่อเรดาร์ ตรวจจับการลุกล้ำน่านฟ้าได้ ทั้งเครื่องบินรบลาดตระเวน และขีปนาวุธ สามารถทำการ “สกัดกั้น” การรุกรานได้ทันที เหมือนมีรถจอดใน “ที่ห้ามจอด” แล้วมีเจ้าหน้าที่มาล็อกล้อ
ประมาณนั้น
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
3) การช่วยเหลือประชาชนในประเทศนั้น สามารถทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งเครื่องบินรบเข้าไป
หากแต่ส่ง ระบบเรดาร์และ ระบบต่อต้านอากาศยานด้วยขีปนาวุธ เข้าไป ซึ่งมีหลากหลายระบบ
แต่ตัวอย่างที่ผมเห็นในข่าวต่างประเทศบ่อยๆ คือ “iron dome” ของ อิสราเอล ซึ่งสามารถตรวจจับ “อาวุธปล่อย” ของฝ่ายตรงข้ามและทำการสกัดกั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และสามารถใช้ drones ทางทหาร ทำการบินลาดตระเวน และสามารถโจมตี กองกำลังภาคพื้นดินของผู้บุกรุกได้ด้วย
ทั้งหมดทั้งมวลคือ อาวุธที่ใช้ในการ “ป้องกันประเทศ” ที่ทางฝ่ายประเทศที่สามสามารถ “สนับสนุนได้!
โฆษณา