5 มี.ค. 2022 เวลา 16:37 • ข่าวรอบโลก
จีนก็ไม่รอด สงครามยูเครน "ดับฝัน Iron Silk Road"
1
ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน อาจทำลายเส้นทางกาค้าของจีนกับยุโรป ผ่านเส้นทาง Iron Silk Road มูลค่ากว่า 75,000 ล้านดอลลาร์
เป็นที่น่าจับตาว่าการบุกยูเครนของรัสเซีย จนส่งผลให้ประชาคมโลกส่งชื่อประณามและใช้มาตรการคว่ำบาตรนั้น อีกด้านหนึ่งสิ่งที่รัสเซียทำอยู่นี้ อาจกำลังทำลายสิ่งที่ยักษ์ใหญ่ของเอเชียอย่าง จีน พยายามสร้างอยู่ก็เป็นได้
ในเวทีสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) จัดการประชุมเร่งด่วน เพื่อหาทางออกวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน จีน เป็นประเทศที่ปฏิเสธที่จะออกเสียงประณามการรุกรานยูเครนของ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
ฟากฝั่งรัฐบาลแห่งกรุงปักกิ่งกำลังทำให้หลายประเทศในสหภาพยุโรปเคลือบแคลงสงสัย ทั้งที่ในความจริงจีนเองกำลังสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุน และผลักดันเทคโนโลยีกับสหภาพยุโรปผ่าน Iron Silk Road หรือ เส้นทางสายไหมนี้
Iron Silk Road สายนี้จะเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่าง จีน กับ สหภาพยุโรป และยูเครนคือจุดยุทธศาสตร์การเชื่อมต่อที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการทางราง ทางถนน รวมถึงท่อส่งพลังงาน ซึ่งทั้งหมดจะเชื่อมผ่านจากจีนมาสู่รัสเซียและยุโรป
ในปี 2560 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินหน้าปรับปรุงท่าเรือ รถไฟใต้ดิน ของประเทศ และในปี 2563 หัวเว่ย เทคโนโลยี ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคม ลงนามบันทึกความเข้าใน (MOU) ในการทำการตลาดและวางจำหน่ายที่กรุงเคียฟ ยูเครน ด้านสินค้าเกษตรขณะเดียวกันจีนยังนำเข้าข้าวโพดจากยูเครนด้วยถึง 30% ในปี 2564 ถือได้ว่า ยูเครน เป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าสนใจของจีน
เมื่อการโจมตียูเครนจากรัสเซียเริ่มต้นขึ้น
กองทัพรัสเซียมุ่งหน้าสู่กรุงเคียฟ ซึ่งการโจมตีดังกล่าวทำให้สหภาพยุโรป จับตาดูท่าทีของ จีน เช่นกัน ซึ่งท่าทีของจีนในเวทีสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) ที่ปฏิเสธที่จะออกเสียงประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย อาจส่งผลทำให้การลงทุนต่างๆของนักธุรกิจจีนในสหภาพยุโรป อาจเป็นไปได้ยากขึ้น
และแน่นอนว่า เส้นทางสายไหม (Iron Silk Road) มูลค่า 75,000 ล้านดอลลาร์ที่กำลังเชื่อมต่อทางการค้ากับสหภาพยุโรป มีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวลง ย่อมส่งผลต่อการลงทุนของจีนในสหภาพยุโรปและมันกำลังเริ่มเกิดขึ้นแล้ว เมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ (M&A) ระหว่างกัน ลดลงเหลือ 6.5 พันล้านยูโร ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี
ผลพวงจากการตัดสินของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ครั้งนี้ อาจส่งผลไปถึง "จีน" ที่จะเดินหน้าต่อบน เส้นทางสายไหม (Iron Silk Road) เส้นนี้ ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ทางการทูต การค้า การลงทุน เว้นแต่จะมีหนทางที่นำไปสู่ “สันติภาพ” ได้ในที่สุด
โฆษณา