6 มี.ค. 2022 เวลา 10:04
Metaverse บูมที่ดินทิพย์ PRX ประเดิมขายพื้นที่การค้า 1,440 ไร่
แห่บูมเมตาเวิร์สไทย ปลุกธุรกิจปักหมุดธุรกิจบนโลกเสมือน-เว็บ 3.0 PRX ผุดโปรเจ็กต์สร้างเกาะเสมือนจริง 1,440 ไร่ เปิดซื้อที่ดินการค้า มีทั้งโชว์รูมรถโตโยต้า-มิตซู สนามมวยลุมพินี เริ่มเปิดขายสิ้น มี.ค.ขณะ Brandverse ผนึกพันธมิตร เปิด T-Verseจักรวาลเชื่อมต่อเมตาเวิร์ส
การ์ทเนอร์ อิงค์ คาดการณ์ในปี 2569 ผู้คนราว 25% ทั่วโลกจะใช้เวลาอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมงไปกับการทำงาน ช้อปปิ้ง เรียนรู้ หรือความบันเทิงรูปแบบต่างๆ ในเมตาเวิร์ส (Metaverse) ทำให้ภาคธุรกิจมองหาโอกาสเข้าไปธุรกิจและสร้างรายได้ใหม่ๆบนโลกเสมือน
โดยข้อมูลจาก Emergen Research ระบุว่าปี 2563 มูลค่าอุตสาหกรรม Metaverse ทั่วโลกอยู่ที่ 4 หมื่นกว่าล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.3 ล้านล้านบาท และเพิ่มเป็น 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 26 ล้านล้านบาท ในปี 2571 เติบโตเฉลี่ยต่อปี 43.3% (ปี 2564-2571)
นายเกียรติศักดิ์ กีรติยากรสกุล หนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัทพีอาร์เอ็กซ์ จำกัด หรือ PRX เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทได้พัฒนาโครงการ PRX Metaverse ซึ่งคอนเซ็ปต์หลักคือโลกเสมือนจริงที่สร้างขึ้นบนเกาะที่มีพื้นที่จำกัด
และมีสิ่งแวดล้อมใกล้เคียงกับกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สินทรัพย์ดิจิทัลและที่ดินดิจิทัลที่ซื้อขายบน PRX Metaverse นั้นจะสร้างบนบล็อกเชน ซึ่งตัวที่ดินจะระบุเลขที่โฉนดและส่งมอบที่ดินในรูปแบบ Non Fungible Token (NFT)
โดยสกุลเงินที่ใช้ใน PRX Metaverse คือเหรียญ PRX โดยเหรียญ PRX สร้างบน Binance Smart Chain ทำให้การทำธุรกรรมมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าบล็อกเชนอื่น โดยขณะนี้เหรียญ PRX ได้ลิสต์ และเทรดบนกระดาน BTSE ซึ่งเป็นกระดานอันดับหนึ่งของไต้หวัน บริษัทมีแผนจะนำเหรียญ PRX ขึ้นลิสต์ และเทรดบนกระดานเทรดอื่นๆ รวมทั้งกระดานเทรดในไทยด้วย
นายเกียรติศักดิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า PRX Metaverse เป็นโครงการแรกของไทยที่เปิดให้มีการซื้อขายจริง โดยโครงการของบริษัทได้รับการตรวจสอบจาก CertiK Audits ทีมตรวจสอบความปลอดภัยในระบบ DeFi เข้ามาช่วยในการตรวจสอบ Smart Contract และ DeFi Blockchain บน BSC ให้มีความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยสูง
โดยบริษัทต้องการพัฒนาโครงการ PRX Metaverse ขึ้นมาเพื่อสร้างโอกาสนักลงทุนและภาคธุรกิจไทย ในการซื้อพื้นที่ดินบน Metaverse เพื่อทำการค้า , เก็งกำไร หรือ ปล่อยเช่าที่ดิน บน Metaverse โดยขณะนี้มีการพูดคุยกับสนามมวยลุมพินี เพื่อสร้างสนามมวยขึ้นมาบน PRX Metaverse
นอกจากนี้ยังมีโชว์รูมรถยนต์ โตโยต้า มิตซูบิชิ ที่จะเข้ามาตั้งโชว์รูมรถยนต์ และโรงพยาบาลเจษฎา ที่จะเข้ามาตั้งโรงพยาบาล ให้บริการทางการแพทย์ออนไลน์ ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร ทั้งสถาบันการเงิน บริษัทเอเชียพลัส สบายเทคโนโลยี และเอสซีไอ โดยภายในเดือนมีนาคม จะเริ่มเปิดให้มีการจองซื้อพื้นที่
ปัจจุบัน PRX Metaverse สร้างบนพื้นที่ 1,440 ไร่ 5,730 แปลง โดย 60% เป็นพื้นที่การค้า ซึ่งจะมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ขนาดเล็ก และ 40% เป็นพื้นที่ธรรมชาติ โดยมีทัศนียภาพต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงกับเมืองลอนดอน 144 ตารางเมตร ขนาดกลาง 576 ตารางเมตร และขนาดใหญ่ 2,304 ตารางเมตร ราคาซื้อขาย 360 เหรียญ PRX ต่อตารางเมตร (1 เหรียญ PRX ณ.ปัจจุบัน มีราคาประมาณ 1.2 บาท) ซึ่งหากบริษัทสามารถขายพื้นที่ได้ทั้งหมด จะมีรายได้เกือบ 700 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับราคาเหรียญ PRX)
ด้านนายณัฐเศรษฐ์ ไตรทิพย์เจริญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แบรนด์เวิร์ส จำกัด (Brandverse) กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาคธุรกิจ การศึกษา และภาครัฐ พัฒนา Thailand Metaverse Ecosystem เปิดตัว “T-Verse : Thailand Multiverse Bridge Platform” จักรวาล Metaverse แห่งใหม่ของไทยสร้างโอกาสที่ไร้ขีดจำกัด
เพื่อให้เป็นจักรวาลเชื่อมต่อทุก Metaverse เข้าหากันและเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเทคโนโลยีและแลกเปลี่ยนสินค้าบนโลกเสมือนจริงเพื่อสร้างโมเดลธุรกิจ สร้างอาชีพ และสร้างโอกาส
โดยขณะนี้มีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้ามาร่วมสร้างการเรียนการสอนขึ้นจริงบนจักรวาลเสมือนแห่งนี้ และพาร์ทเนอร์ธุรกิจชั้นนำของไทยมากกว่า 50 องค์กร อาทิ 7-Eleven, เซ็นทรัลพัฒนา, ช่อง3พลัส,แกรมมี่, เคบีทีจี, ธนาคารกรุงศรี อยุธยา,โออาร์, พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, เอสซี แอสเสท, สยามพิวรรธน์, เดอะมอลล์ กรุ๊ป, วัตสัน, ซิปเม็กซ์รวมถึงภาครัฐ
อาทิ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หวังให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตบน T-Verse ได้เสมือนจริงมากที่สุด
ส่วนนายสิริเกียรติ์ บุญวรเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ D.OASIS กล่าวว่า J Ventures, Index Creative Village, Eventpass, Warrix, Prakit Holdings และมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ได้ร่วมกันจัดตั้ง D.OASIS เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญทุกมิติที่เกี่ยวกับ Web3.0 และ Metaverse ให้ทุกองค์กรและทุกหน่วยงาน
ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ได้มารวมตัวและเชื่อมต่อกันในการพัฒนา Web3.0 และ Metaverse ของประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับ Top ของเอเชียโดยปัจจุบันมีพาร์ทเนอร์จากทั้งบริษัท Avalant, BitToon, Bridge Consulting, Daydev, GAMEINDY, Hal Finney, I AM Consulting, Satoshi, SmartContract Blockchain Studio และ Tokenine พร้อมตั้งเป้าปีหน้าจะมีพาร์ทเนอร์มากกว่า 100 ราย
“ในอนาคต Web3.0 จะมีความสำคัญเทียบเท่าหรือมากกว่าการเกิดขึ้นของอินเตอร์เน็ตและโลกของ Web2.0 ที่ผ่านมา โดยจะเปลี่ยนระบบจากการมีตัวกลางในการทำธุรกรรมมาเป็นระบบกระจายศูนย์หรือไร้ตัวกลาง (Decentralized)
และเปลี่ยนการใช้ชีวิตบน Physical World ไปสู่ Virtual World ปัจจุบันเริ่มเห็นภาพมากขึ้นจากการเข้ามาของ Metaverse, NFTsและ DAPPs (Decentralized Applications) ซึ่ง D.OASIS จะเป็นกลไกที่ช่วยให้องค์กรและหน่วยงานต่างๆ ปรับตัวเข้าสู่โลก Web3.0 รวดเร็ว
ขณะที่ นางมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) กล่าวว่า Metaverse จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคตอย่างมาก ด้วยการเชื่อมทุกคนทั่วโลกให้สามารถเข้ามามีส่วนร่วมบนโลกเสมือนจริง
พร้อมต่อยอดและประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงอุตสาหกรรมการเงิน เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ตามจินตนาการอย่างไร้ขีดจำกัด SCB 10X จึงเตรียมจัดงาน “SCB 10X Open House in Metaverse” เพื่อเปิดตัวสำนักงานใหญ่ (Headquarters) บนโลกเสมือนจริงใน The Sandbox
นายกัลป์ กัลย์จาฤก กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กันตนา กรุ๊ป กล่าวว่า ขณะที่บริษัทกันตนา ได้เข้าจับจองเป็นเจ้าของที่ดินใน METAVERSE ที่มีชื่อว่า ‘The Sandbox’ เพื่อที่จะสร้างความบันเทิงแบบใหม่ให้กับผู้ชม
โดยมองว่าการขยายธุรกิจในโลก METAVERSE ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้กันตนาเติบโต เพราะตอนนี้กระแสโลกเสมือนจริง กำลังมาแรงและคาดว่าจะคงอยู่ในระยะยาว ฉะนั้นการเข้าร่วม The Sandbox ก็เป็นการปรับตัว และเป็นการขยายธุรกิจให้มันก้าวทันโลกปัจจุบันมากขึ้น
ฉะนั้นเราจึงอยากให้ทุกคนตั้งตารอดูว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างใน The Sandbox คอนเทนต์รูปแบบใหม่ ๆ ที่กันตนาไม่เคยทำมาก่อน และแทบจะเป็นเรื่องใหม่ในอุตสาหกรรมบันเทิงไทย
โฆษณา