6 มี.ค. 2022 เวลา 01:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Batman : 8.5/10
นี่คือหนัง Batman ที่เต็มไปด้วยการเล่าเรื่องแบบหนังสืบสวนสอบสวนเเบบเต็มสูบ ซึ่งวันนี้แอดจะมารีวิวตามความรู้สึกจริงของตัวเองที่เป็นคนที่ชอบตัว Batmanเป็นอย่างมากๆ และเป็นภาพจำของอัศวินรัตติกาลในฉบับของแอดเองทั้งสิ้น ถ้าใครที่อ่านแล้วรู้สึกไม่เห็นด้วยก็ขออภัยด้วยครับ ถ้าพร้อมแล้วเริ่มอ่านกันเลยครับ
ความรู้สึกจากหนัง - อย่างแรกที่อยากพูดถึงสำหรับความรู้สึกแรกที่ดูหนังเรื่องนี้คือ หนังนั้นมีกลิ่นอายของหนังนักสืบ กับหนังอาชญากรรมแบบมากๆ แอดไม่รู้สึกถึงความเป็นหนังฮีโร่เลยแม้แต่น้อย ซึ่งนี่ไม่ใช่ข้อเสียของหนังนะครับเพราะแอดเองก็ชอบการเล่าเรื่องแบบนี้ แต่มันติดตรงที่ตัวแอดเองที่จำภาพ Batman ที่ต้องต่อสู้ตู้มต้ามๆ โชว์ความน่ากลัวของตัวเอง โชว์ความฉลาดที่แบบว่า นี่แหละแบทแมนบุคคลที่ทุกคนต้องตกใจ ซึ่งในฉบับนี่ก็ให้อภัยได้ เพราะมันมีครับฉากแอคชั่นหน่ะ แต่แค่มันไม่ใช่หนังที่นำเสนอฉากนั้นเป็นหลักหน่ะครับ
เหนือสิ่งอื่นใดเขาพึ่งเป็นแบทแมนได้ 2 ปี การทำอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลแบบ แบทแมนที่เรารู้จักมันเดินเข้าประตูแบบนั้นเลยหรอวะ แบทแมนที่แอดรู้จักคือ โผล่มาจากความมืดแล้วก็ชะวึบชะวับ อะไรประมาณนี้ฮะ แต่ถ้าถามว่ามีไหมในเรื่องนี้ ก็ต้องตอบว่ามันมีครับ แต่แค่ตัวแอดไม่ชินเองเฉยๆๆ 55555 แต่ต้องชื่นชมความดีงามของฉบับนี้คือ มันทำให้แอดร่วมรู้สึกตื่นเต้นไปกับตัวหนังว่ามันต้องการจะเล่าอะไร หนังมันจะจบยังไง แล้วมันจะเล่นมุกอะไรต่อ เพราะด้วยความที่รู้ๆกันดีนะว่าถ้าเป็นหนังฮีโร่จริงๆ คือเราแทบจะรู้ตอนจบเลยว่า ถ้า Batman เจอศัตรูจะต้องสู้แล้วชนะ จบแบบHappy Ending พร้อมกับเสิร์ฟฉากเอาใจเรา แต่ฉบับนี้ไม่ใช่แบบนั้นฮะ มันมีอะไรให้เราตามเยอะ ปัญหาหลายๆด้าน มุมมองต่างๆที่มีให้เรามองมากขึ้น ซึ่งจะไม่ขอบอกว่าคืออะไร แต่อยากให้ทุกคนได้ไปดูกันเอง
ด้านบท - เกือบ 3 ชั่วโมงในหนังอยากบอกว่าไม่รู้สึกง่วงเลยฮะ ถือว่าบทวางมาได้ดีมากๆทั้งช่วง 3 องค์ของหนัง ถึงแม่ว่าองค์แรกของหนังจะนำเสนอแบทแมนกับตัวละครภายในเรื่องที่ค่อนข้างเยอะ พร้อมกับปริศนาหลายๆอย่างที่คนอาจงงว่า ไอ้นั่นใคร ไอ้นั่นมาทำไร หรืออะไรพวกนี้ฮะ รวมถึงบทพูดที่ถ้าไม่ตั้งใจฟังก็อาจจะทำให้ตามหนังไม่ทันเลยก็ได้ แต่พอมาถึงช่วงองค์ 2 ของหนัง หนังเริ่มทำให้เรามานั่งหลังไม่ชิดเบาะแล้วฮะ ยิ่งพอเข้าองค์ 3 ท้ายเรื่องนะครับ บอกเลยว่าสนุกสุดๆ มีความแบบเห้ย เล่นมุกนี้เลยหรอ โคตรเจ๋ง ยอมใจคนเขียนบทกับกำกับเลย คือแบบว่าหนังมันจะจบแต่มันไม่จบเว้ย ตรงจุดนี้มันคือดีมากๆ ถือว่าชอบด้านบทที่ไม่ใช่หนังฮีโร่มาก(แต่ถ้าเตรียมใจไปดูหนังฮีโร่อาจผิดหวัง5555)
ด้านภาพเสียง - งานภาพคือยอมใจ Art Director มากครับ ใช้ฉากได้สุดยอดจริง แบบสุดจริงๆหลายฉากมากที่วาง Composition ที่ดีมาก ใช้เทคนิคมุมกล้องต่างๆ ให้เหมือนกับเราอยู่ในเหตุการณ์แล้วมองมาเลยครับ และที่ชอบต่อมาคือการใช้เลนส์กล้องฮะ ถ้าทุกคนสังเกตุจะมีบางฉากที่เลนส์กล้องจะดูแบบแปลกๆ ตรงจุดนั้นแหละครับ แอดโคตรชอบ ไหนจะมีการใช้ Anamorphic Lenses อีก มุมมองภาพที่ได้นี่ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย มันทำให้เราเห็นถึงสภาพแวดล้อม เห็นตัวละคร ต่างๆได้อย่างดีเลยครับ อยากจะแบบหยุดหนังแล้วไปเก็บรายละเอียดทั้งหมดเลย ส่วนเสียงนั้นขอพูดแค่ว่าเลือกเสียงมาได้ตรงกับอารมณ์หนังมากครับ แต่แอบตกใจที่บางsound เหมือนหนังสยองขวัญไปหน่อย เหมือนได้ยินsound สำหรับฉาก jumpscare ในหนังผีเลยด้วยซ้ำ5555
การแสดง - เรื่องนี้แทบไม่ต้องพูดถึงเลยครับ ยังไงทุกคนก็แสดงกันดีอยู่แล้วเพราะฝั่งอเมริกาเขาขึ้นชื่อการแคสต์นักแสดงให้ตรง Character ให้มากที่สุด ยกเว้นบางเรื่องนะ แต่เรื่องที่จะพูดถึงคือการแสดงของ Robert หรือคนที่เล่นเป็นแบทแมน คือแบบอยากจะบอกว่าสลัดภาพคุณแวมไพร์ดูดเลือดไปได้เลยฮะ ถือว่าเลือกนักแสดงมาได้ตรงมาก Robert สามารถแสดงบท Bruce Wayne ที่สภาพจิตใจย่ำแย่ ที่เหมือนคนขาดสารอาหารแต่ยังหล่อได้อย่างดี และเป็น batman มือใหม่ที่มีความน่าเกรงขามได้อย่างดี แสดงให้เห็นเลยว่าbatman คนนี้คืออีกหนึ่งคนที่เหมาะครับ เสียดายที่หนังเรื่องนี้คือหนัง Dark โดยสมบูรณ์ แทบไม่ได้รู้สึกถึงมุกจากพี่ค้างคาวคนนี้เหมือนฉบับอื่นๆเลย
CG - อันนี้ไม่รู้คิดไปเองไหมว่าฉากภาพลอยมีน้อยมาก จะมีแค่ซีนเดียวที่เห็นจริงๆนอกนั้นคือแบบมาตราฐานดีมาก หรืออาจเป็นเพราะเรื่องนี้นั้นฉากที่มี CG ไม่ได้มากมายขนาดนั้นและแถมยังอยู่ในโรงใหญ่ที่เราจะเก็บรายละเอียดได้น้อยอยู่แล้วด้วยเพราะต้องโฟกัสกับบทหนังก่อน
#แอดวัน
โฆษณา