Danny the Champion of the World || Done
Author || Roald Dahl
Publish || 1975
ถ้าพูดถึงวรรณกรรมเยาวชน โรอัล ดาห์ล คือหนึ่งในรายชื่อแรกๆ ที่ผู้คนจะนึกถึงและยกย่องอย่างแน่นอน ตัวเราเองโชคดีที่เติบโตมากับหนังสือของโรอัล ซึ่งก็มีส่วนมากมายอย่างไม่น่าเชื่อในการหล่อหลอมให้เราเป็นเราอย่างทุกวันนี้
ถึงแม้ว่าเรื่องที่ดังที่สุดของโรอัลน่าจะเป็นโรงงานชอคโกแลตของชาลี แต่ แดนนี่ [ ภาษาไทยใช้ชื่อว่า เด็กยอดเก่ง ] คือเรื่องที่น่าจะมอบความสุขให้กับเราอย่างมากมายในวัยเด็ก ทำให้เราตัดสินใจหยิบเล่มนี้มาอ่านก่อนเป็นเล่มแรกหลังจากสอยบ๊อกเซตมา
ถึงแม้เนื้อเรื่องจะเรียบง่ายเหมาะกับเด็ก แต่เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้งด้วยสายตาที่ซับซ้อนขึ้นตามช่วงวัย ก็ค้นพบแง่มุมซีเรียสที่ถูกใส่เอาไว้ด้วย
.
.
[ จากตรงนี้จะมีสปอยล์แล้ว ]
.
.
เริ่มตั้งแต่การสร้างให้แดนนี่เป็นเด็กที่เต็มไปด้วยพลังงานสว่างสดใส ฉลาด กล้าหาญ เก่งเกินเด็กไปซะหมด [ ซึ่งเราคิดว่าตัวเองก็ติดนิสัยกล้าหาญมาจากการอ่านอะไรพวกนี้ - แล้วตัวเอกวรรณกรรมเด็กก็คือ ต้องอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ไปแล้ว 90% ]
หนังสือบอกว่าแดนนี่เป็นเด็กดีก็เพราะอยู่กับคุณพ่อที่แสนดีแสนน่ารัก ถึงแม้จะต้องกำพร้าแม่ตั้งแต่เกิด แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ถึงแม้พวกเค้าจะเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาที่ไม่มีเงินทองและสมบัติมากมาย ไม่ได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่พวกเค้าก็มีความสุข
แล้วหนังสือก็ตัดเข้าทวิสต์เลยว่าคุณพ่อมีความลับดำมืดที่ซ่อนไว้ นั่นคือการชอบแอบเข้าป่าไปดักไก่ฟ้าของพวกเศรษฐี ถึงแม้ว่าพ่อจะอ้างว่าสมัยก่อนชาวบ้านทุกคนอยู่อย่างยากลำบากนะ พวกเราไม่มีอาหารกิน แต่เศรษฐีมีไก่ฟ้าตั้งหลายร้อยตัว ชาวบ้านขอแบ่งซักตัวสองตัวเพื่อเลี้ยงครอบครัวไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนี่ - แต่แดนนี่ก็เถียงพ่อว่าตอนนี้พวกเราไม่ลำบากซักหน่อย แบบนั้นมันขโมยนะ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แดนนี่ก็ไม่ได้ห้ามพ่อ แล้วพอพ่อพลาดท่าตกลงไปในหลุมลึกที่เศรษฐีขุดเอาไว้ดักพวกหัวขโมย แดนนี่ก็โชว์เทพไปช่วยพ่อกลับมาได้สำเร็จ - คุณพ่อแสนดีรู้สึกผิดและขอโทษแดนนี่แหล่ะ แต่คุณพ่อแค้นกว่าเดิม อยากเอาคืนเศรษฐีให้เจ็บปวดที่สุด ซึ่งก็เป็นแดนนี่อีกนั่นหล่ะที่คิดแผนการสุดวิเศษขึ้นมาได้
หนังสือเพิ่มความชอบธรรมให้ทีมพระเอกด้วยการสร้างให้เศรษฐีเป็นตัวละครที่ดำๆไปเลย ไม่เทาอ่อนเทาเข้มอะไรทั้งนั้น และนอกจากนิสัยเลวร้ายแล้ว ก็จะต้องให้หน้าตาน่าเกลียดและดูโง่ๆหน่อย จะได้ไม่มีคนชอบ [ อย่าลืมว่าหนังสือเขียนตั้งแต่ปี 1975 ]
แต่ถึงอย่างนั้น หนังสือก็ทวิสต์รอบสอง ด้วยการเปิดเผยว่าแดนนี่เองก็เป็นเด็กแสบไม่เบา เพราะถูกจับได้ว่าแอบบอกคำตอบให้เพื่อนสนิทที่ทำข้อสอบไม่ได้ ก็เลยโดนคุณครูใจร้ายตีจนมือเป็นแนว [ แน่นอนว่าคาแรคเตอร์ครูต้องดำมืดถึงขีดสุด - ซึ่งเอาจริงๆจำไม่ได้แฮะว่าตอนเด็กๆ อ่านพาร์ทนี้แล้วรู้สึกยังไง แต่พอได้อ่านตอนโตแล้วก็รู้สึกว่า ก็แกขี้โกงจริงๆไงแดนนี่ 555+ ]
แผนการดักไก่ฟ้าระดับกินเนสเวิร์ลเรคคอร์ดเป็นไปได้ด้วยดี แดนนี่กับพ่อดักไก่ออกมาได้ 120 ตัว เรียกว่าแทบจะหมดป่า เอาให้เศรษฐีต้องอับอายขายขี้หน้า เพราะวันรุ่งขึ้นคือเทศกาลยิงไก่ฟ้าประจำปีที่เหล่าอีลีทจะมาชุมนุมกันที่ป่าของเค้า - และหนังสือก็เปิดตัวละครอีกมากมายหลายตัวเพื่อทำให้ "การดักไก่ฟ้า" กลายเป็น “เรื่องสามัญ” มากขึ้น เพราะทุกคนในเมืองก็เคยทำกันทั้งนั้น และหลายคนก็เข้ามาช่วยเหลือให้ปฏิบัติการลุล่วงไปด้วยดี
หนังสือจบลงตรงที่เศรษฐีก็เสียทั้งหน้าและเสียทั้งไก่ ส่วนชาวเมืองก็ไม่ได้กินไก่ร้อยกว่าตัวนั้นเพราะสรุปว่าพวกมันส่วนใหญ่บินหนีไปหมด [ ได้ซีนใจบุญปลดปล่อยสัตว์คืนสู่ธรรมชาติไปอีก ] พ่อกับแดนนี่ก็กลับมามีชีวิตปกติสุขตามเดิม ใช้ชีวิตแบบมีความสุขในบ้านเล็กๆที่อบอุ่น
.
.
.
ซึ่ง.. ตอนเด็กมันก็เป็นหนังสือแนวฮีโร่ทั่วไปแหล่ะ
แต่ถ้าโตขึ้นอีกหน่อยอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นฮีโร่แบบดาดๆเลี่ยนๆตามอุดมคติจนเกินไปหน่อย
ส่วนตอนนี้ ก็รู้สึกว่านี่มันตีแผ่ความเลวร้ายของทุนนิยมและระบอบศักดินาไง ซึ่งการปลูกฝังให้เด็กๆเกลียดพวกศักดินาและกล้าหาญที่จะลุกขึ้นต่อสู้กับพลังอำนาจพวกนั้นคือสิ่งที่ดีหรือไม่ดีกันแน่นะ? - แต่ถ้าพิจารณาภายใต้บริบทของอังกฤษในช่วงปี 1975 แล้ว ก็คิดว่าเป็นค่านิยมที่ถูกต้องนะ
ข้อดีอีกอย่างที่ได้รับแบบเหนือความคาดหมายคือ คำศัพท์ใหม่เยอะมาก!! และเป็นคำง่ายๆในชีวิตประจำวัน แค่มาในรูปคำที่ต่างออกไป (synnonyme) - ไม่แน่ใจว่าเพราะมันเก่าแล้ว หรือเพราะเป็น British English แต่รู้สึกได้เลยว่าถ้าเด็กๆได้อ่านหนังสือพวกนี้จะได้เรียนรู้ศัพท์เยอะมากๆ [ ผู้ใหญ่ก็ด้วยจ๊ะ ]
สุดท้ายเลยจริงๆ ก็ยังรู้สึกว่า ดีแล้วแหล่ะ โชคดีแล้ว ที่เราเติบโตมาพร้อมกับความกล้าหาญแบบแดนนี่ 55+
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
