Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลูกชิ้นหนีเรียน
•
ติดตาม
6 พ.ค. 2022 เวลา 08:38 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าเมื่อมี ง า น ศ พ
สามารถตามไปอ่านบทความได้ตามที่แนบในรูปได้ครับ ^^
สวัสดีครับ วันนี้ผมได้นำคำกล่าวที่พูดถึงกันในวงการวิทยาศาสตร์มาแต่งเป็นเรื่องสั้นเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน และเป็นการยกตัวอย่างจากกรณีที่ผมได้ศึกษาแนวคิดของคำกล่าวอ้างด้านบนนี้มาระยะหนึ่ง
เพื่อน ๆ ทราบกันอยู่แล้วว่า การจะสร้างตึกสูง ๆ ที่ดีกว่าตึกสมัยก่อนได้นั้น จำเป็นต้องทุบตึกเก่าทิ้งก่อนถึงจะสร้างตึกใหม่ที่ดีกว่าได้ และนัานหมายถึงข้อผิดพลาดจากตึกเก่าที่ถูกแก้ไขด้วยตึกใหม่
แต่เอ๊ะ !? แล้วเกี่ยวอะไรกับงานศพ ?
ถ้าอยากรู้ หนีเรียนมาฟังนิทานกันเร็ววว
เตือนแล้วน้าาา
*คำเตือน - ตัวละครและเนื้อเรื่องทั้งหมดถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เนื้อหาที่ถูกเขียนขึ้นก็เป็นเพียงความคิด ความอ่าน ความคิดเห็นของผู้เองทั้งหมด หากผิดพลาดประการใดขอน้อบผิดด้วยความด้อยปัญญาของผู้เขียนมา ณ ที่นี้
ในป่าแห่งหนึ่ง มีเส้นทางลูกรังจากการเดินเกวียนของพ่อค้ารุ่นเก๋าอย่างลุงลูกชิ้นเนื้อ เขาเป็นพ่อค้ารุ่นใหญ่ที่เหล่าพ่อค้าหน้าใหม่ต่างนับหน้าถือตา แทบทุกอยากร่วมเดินทางและเป็นหุ้นส่วนกับพ่อค้ารุ่นเก๋าคนนี้
ลุงลูกชิ้นเนื้อเป็นผู้บุกเบิกเหยียบย้ำผืนป่าด้วยตัวเองวันแล้ววันเล่าจนสร้างเส้นทางค้าขายได้ทั่วดินแดนอันกว้างใหญ่ มีเรื่องเล่ามากมายของเหล่านักพจญภัยและพ่อค้าห่าเร่ที่มีโอกาสได้ร่วมเดินทางกับเขาอยู่มากมาย
หากจะเรียกลุงลูกชิ้นเนื้อว่า "ผู้เชี่ยวชาญ" ก็คงไม่มีใครกล้าแย้ง
วันนี้ผมในฐานะลูกชิ้นธรมดา ๆ ก็ได้ถือโอกาสโดดเรียนเพื่อมาพูดคุยกับลุงลูกชิ้นที่กำลังเดินทางไปเมืองหลวงแต่ต้องแวะพักที่นี่ 2-3 คืน เผื่อว่าจะได้รับอะไรดี ๆ และกลายเป็นสุดยอดพ่อค้าแบบเขาให้ได้
ทันทีที่ลุงลูกชิ้นลากเกวียนขนาดใหญ่ พร้อมด้วยลูกจ้างและทหารรับจ้างที่ติดตามมาขนาดใหญ่มาถึงเมือง เหล่าผู้คนที่อยากทำการค้าก็กรูกันเข้าไป ต่างก็อยากได้สินค้าจากเมืองอื่นและยังอยากขอให้เขานำสินค้าของตนเข้าไปขายกับเมืองหลวงด้วย
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงก่อนเหตุการณ์ชุลมุนจากการค้าขายจะสงบ ผมที่ยืนดูอยู่อย่างไม่ลดละสายตาตั้งแต่ที่ลุงลูกชิ้นเนื้อย่างกายเข้าเขตประตูเมือง ผมได้เห็นสิ่งที่เรียกว่าระเบียบวิธีการ ภาษาที่เขาใช้ เป็นสิ่งที่น่าประทับใจจนไม่อาจละสายตาจากไปได้
ผมยกแผนที่ทางการค้าอันสลับซับซ้อนขึ้นมา
ชายสูงวัยที่ดูแข็งแรงคนนี้ สร้างเส้นทางการค้าทั่วทั้งทวีปนี้ได้อย่างไร มีเหตุผลอะไรที่เขาสามารถเดินทางโดยไร้แผนที่ได้อย่างไร แม่ผมจะรู้ว่าคนวาดแผนที่ผืนใหญ่ในมือของผมนั้นจะเป็นชายที่อยู่ตรงหน้าผมก็ตาม
“หากเจ้าจะปล้นข้า เจ้าคงต้องวางแผนที่แล้วถือดาบนะ”
เสียงคนสูงอายุที่มีน้ำเสียงอ่อนหวานคุ้นหูลอดผ่านแผนที่ผืนใหญ่ตรงหน้าของผม ผมค่อย ๆ เอาแผนที่ลงและพบเจอกับคุณลุงลูกชิ้นเนื้อสุดยอดพ่อค้าแห่งทวีปนี้
“สะ สะ สะ หวัด ดี ครับ” ผมที่เป็นเพียงลูกชิ้นธรรมดาตัวเล็กกำลังสั่นกลัวลูกชิ้นเนื้อขนาดใหญ่ที่ยืนอยู่ตรวหน้า
“สวัสดี” เขาโค้งเล็กน้อยตอบรับคำทักทายของผม “เหตุผลอะไรเจ้าถึงถือแผนที่ผืนใหญ่เทอะทะหลังจากที่ยืนจ้องข้าทำงานตั้ง…เอ่อ…” เขาหัวไปหาลุกจ้างที่ดูเหมือนจะเป็นคนสนิท
เขาคนนั้นชูนิ้วทั้ง 5 ออกมาให้ลุงลูกชิ้นเนื้อ
“ห้า ชั่วโมงโดยไม่หนีไปไหน” เขาหันกลับมาพูด
“คือ คือ คือ คือ ผมได้ยินว่าคุณลุงเป็นสุดยอดพ่อค้า แล้วผมก็อยากเป้นสุดยอดพ่อค้าแบบคุณลุง” ผมพูดด้วยความตื่นเต้น
“หากเจ้าตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ค่อย ๆ เดินตามเส้นทางและฝึกฝน นั่นก็ไม่ยาก ทางท่าข้าเดินนั้น มันผ่านการเดินทาง การเหยียบย่ำของผู้คนที่ออกตามหาความฝันตามรอยข้าจนไม่มีหญ้าขึ้นสักต้นแล้ว หนทางนั้นชัดเจน” ลุงลูกชิ้นเนื้อหยิบเข็มทิศอันหนึ่งออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้กับผม “เจ้ามีอะไรจะขายหรือยังพ่อค้าตัวน้อย”
แผนที่การค้าเป็นแผนที่ที่แพร่หลายเฉพาะกลุ่มคนรวยและพ่อค้าเท่านั้น เนื่องจากแผนที่ที่ทำมีราคาสูงและเป็นการป้องกันโจรที่อาจจะดักปล้นพวกเขาในสักวันหนึ่ง
เส้นทางค้าขายนี้เกิดจากลุงลูกชิ้นเนื้อสมัยอายุ 25 ได้บังเอิญลูกนักเลงเจ้าถิ่นในเมืองตัวเองไล่กระทืบเนื่องจากไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครอง ทำให้ต้องหนีเข้าป่าแล้วเกิดพลัดหลงไปเจอเมืองที่อยู่ไม่ไกล และนั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้มนุษย์รู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในเมืองเดียว
หลังจากนั้นเขาก็ออกสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ และเดินเหยียบย่ำพื้นที่ต่าง ๆ ลองผิดลองถูกอยู่หลากหลายเส้นทางจนบริเวณที่ก้าวเดินไร้ซึ่งดอกหญ้ากลายเป็นถนนหนทาง
ลุงลูกชิ้นเนื้อได้เดินทางไปหลากหลายเมืองด้วยตัวคนเดียวนับ 10 ปีก่อนจะเริ่มต้นชีวิตการค้าขายจากการที่เดินทางไปเมืองต่าง ๆ แล้วมีคนรวยหรือกษัตริย์เมืองนั้น ๆ อยากได้ของมีค่าที่ติดตัวเขามาจากเมืองอื่น
ลุงลูกชิ้นเนื้อได้ตั้งกลุ่มคณะพ่อค้าหลังจากการค้าขายดีขึ้นจนใหญ่ขึ้น ผู้คนเริ่มตั้งคณะเองและมีคนของคณะเขาไปเป็นผู้นำทางก่อนจะเริ่มมีการทำแผนที่ 100 ฉบับ และแจกจ่ายให้กับเหล่าคนรวยและพ่อค้า แม้จะมีเรื่องแปลกก็คือ “หากไร้คนนำทางจากคณะลุงลูกชิ้นเนื้อแม้มีแผนที่ในมือก็หลงกันทุกคน” ทำให้ไม่มีใครกล้าออกเดินทางเองแม้นมีแผนที่ในมือ
ลูกชิ้นธรรมดาอย่างผมเป็นเด็กฐานะยากจนที่เฝ้ามองเส้นทางค้าขายตั้งแต่จำความได้ร่วม 10 ปีแล้ว มีเหล่านักเดินทางเข้าและออกเดือนละครั้งคราว หากผมเข้าไปคงไม่รอดกลับมาแน่ แถมแผนที่เลียนแบบเริ่มระบาด ทำให้เกิดการสุมโจรป่าขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา
ผมได้แผนที่นี้มาจากคนส่งสารของลุงลูกชิ้นเนื้อ ปกติธรรมเนียมนิยมของพ่อค้าที่จะค้าขายใหญ่จะส่งคนส่งสารมาแจ้งข่าวก่อน 3 เดือนและส่งซ้ำอีกในอีก 1 เดือนและ 1 สัปดาห์ เพื่อให้เตรียมเงินหรือสินค้ามาแลกเปลี่ยนหรือทำสัญญาฝากขายในเมืองถัด ๆ ไป
ผมเห็นแผนที่ตกอยู่ จึงเก็บมาเพราะคนส่งสารไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ผมจึงถือวิสาสะเก็บไว้และพยายามจินตนาการว่าตัวเองกำลังเดินทางไปค้าขาย แต่ก็ได้แต่ฝันจนกระทั่งผมได้พบเจอกับพ่อค้าแห่งทวีป ผู้บุกเบิกการค้าขาย
ผมแอบลักลอบออกจากเมืองและเดินทางเพื่อศึกษาเส้นทาง แอบติดตามคนส่งสารและพ่อค้าที่มาที่เมืองนับครั้งไม่ถ้วน บางครั้งก็แอบเนียนเอาของไปขายพร้อมพ่อค้าคนอื่นจนปัจจุบันผมเริ่มตั้งคณะเดินทางเป็นของตัวเอง และเริ่มเดินทางเองโดยไม่ง้อคนจากคณะลุงลูกชิ้นเนื้อที่ราคาจ้างแดงแสนแพง แถมพวกเขาเหล่านั้นก็แก่ชรามากแล้ว
ทันทีที่ผมปฏิเสธคนของคณะ กระแสต่อต้านของผมก็ปะทุขึ้นทันที คณะเดินทางของผมแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ทำให้เส้นทางอาชีพพ่อค้าของผมแทบจะจบสิ้น
ผมไม่สามารถถอยหลังกลับได้ เพราะผมโดดเรียนมาศึกษาเส้นทางการค้าจนผลการเรียนแย่เกินกว่าจะไปทำอาชีพอื่นได้ ผมจำเป็นต้องลุยเดี่ยว
ผมเริ่มเดินทางคนเดียวบนเส้นทางแห่งชีวิต ผมไม่ถูกโจรป่าฆ่าตายก็ถูกสัตว์ร้ายกิน ไม่ถูกสัตว์ร้ายกินก็หลงทางและอดตาย แต่ถ้าผมบังเอิญไม่หลงและผ่านพ้นไปได้ ผมก็จะกลายเป็นคนรวยได้แทบจะทันที
“เสี่ยงมาก ได้มาก” ผมพร่ำบอกตัวเองทุกครั้งที่ก้าวขาอย่างช้า ๆ ในป่าทึบแห่งนี้ แม้จะเป็นเวลาเที่ยง แสงสว่างก็แทบจะไม่มี คบเพลิงที่เคยแสบตาในตอนอยู่ในหมู่บ้าน ตอนนี้กลับดูเป็นเหมือนแสงจากก้นหิ่งห้อยตัวน้อย ๆ “แทบไม่เห็นหนทางเลย”
“ตุบตับ ตุบตับ ตุบตับ…” เสียงหัวใจเต้นแรงแทบจะระเบิดออกมา มันจุกและแน่นหน้าอกไปด้วยความตื่นกลัว ความตระหนก และแทบจะหยุดเต้นในเวลาเดียวกัน !?
“ไม่น่าเลยเรา ไม่น่าเลย ขอโทษนะครับพ่อแม่ ผมคงต้องตายที่นี่แล้วแหละ” ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ เสือดำตัวใหญ่ปรากฎตัวอยู่ตรงหน้า มันจ้องผมไม่กระพริบตา
ใจและร่างกายสั่นเทาด้วยความกลัวก่อนจะสติแตกแล้วหันหลังวิ่งไม่คิดชีวิต
“อ้าาาาากกกกกก ช่วยยด้วยยยยย แม่จ๋าาาา” และนั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของผมในค่ำคืนนั้น
แกรก ๆ ผมแหวกแนวหญ้าสูงเพื่อพยุงตัวลุกขึ้นหลังจากได้ยินเสียงดนตรีจากเทศกาลแว่วมาไม่ใกล้ไม่ไกล ผมค่อย ๆมทรบตัวและจับร่างกายที่ปวดระบมจากการวิ่งหนีเสือดำเมื่อคืน
ผมไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรร้ายแรง นอกจากรอยช้ำตามร่างกาย
“แล้วเสือดำละ ?” ผมเริ่มสงสัยว่าเหตุใดผมถึงรอดจากเสือที่วิ่งเร็วกว่าคนหลายสิบเท่าก่อนจะหันไปพบกับศพเสือดำที่มีรอยกระสุนปืน 3 นัด
ผมเริ่มคลำร่างกายที่เจ็บปวดและพบว่ามันเป็นรอยช้ำจากการกระแทกปืนไรเฟิลขึๅ้นสนิมขนาดใหญ่ที่เขานอนทับตลอดทั้งคืน “น่าจะมีคนทำตกไว้ ขอบคุณพระเจ้า” ผมก้มลงกราบปืนก่อนมองขึ้นฟ้า
หลังจากได้สติก็เดินด้วยร่างไร้วิญญาณตามเสียงดนตรีที่ดังแว่วมาจนกระทั่งผมมาถึง และหลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้นอกจากภาพทหารถือปืนจ่อมาที่เขาแล้วภาพก็ตัดไป
เพี้ยะ !!! “เอ็งเป็นใครวะ มาทำอะไรที่นี่ แล้วมีปืนของเราได้ยังไง บลา ๆๆๆ”
ผมตื่นมองหน้าชายรูปร่างสูงใหญ่ไว้หนวดแต่ชุดทหารที่ผมเห็นก่อนหน้านี้กำลังตีหน้าผมและยิงคำถามไม่หยุด
“ผมเป็นพ่อค้าครับ โอ้ย” ผมโดนตบ
“โกหก”
“ผมเป็นพ่อค้าจริง ๆ โอ้ย” โดนตบอีก
“พ่อค้าที่ไหนไม่มีสินค้า เงินติดตัวก็ไม่มี โกหกให้มันฉลาดหน่อย” เขายกปืนจ่อที่หน้าอกของผม “มีเลือดติดที่ตัวเอ็งด้วย พ่อค้าที่ไหนมีเลือดติด แถมมีบาดแผลจากการต่อสู้”
“ผมโดนเสือดำไล่เลยทิ้งรถไว้ที่ถนนแล้วบังเอิญเจอปืนตกอยู่ เลยหยิบมายิงเสือดำที่กำลังขย่ำผม” ผมตอบ “ไดโปรด ให้ผมพาไปก็ได้ ผมจำทางได้”
“พาข้าไปดูศพเสือดำ และไปหาสินค้า ถ้าตุกติก” เขาเอานิ้วชี้ทำท่าปาดคอ “ตุยเย้แน่นอล”
ผมพยักหน้าช้า ๆ แล้วก็ถูกคลุมหัวเดินจนออกไปเขตนอกเมือง
ผมใช้เวลา 3 วันหลังจากเจรจาสำเร็จกับเจ้าเมืองและองครักษ์หน้าหนวดในการพักฟื้นและสำรวจเมืองพร้อมดูแผนที่กับคำอธิบาย
สินค้าและอาหารรวมถึงวัฒนธรรมของเมืองนี้ ไม่มีอะไรตรงกับเมืองใดเมืองหนึ่งใน 755 เมืองจาก 12 ประเทศในแผนที่ลุงลูกชิ้นเนื้อราวกับว่าเขากลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่ง หรือไม่เมืองนี้ก็เป็นเมืองใหม่ที่เขาคนนั้นยังไม่เคยค้นพบ
หลังจากนั้นเขาถูกจับไปสอบสวนซ้ำอีกครั้งถึงที่ไปที่มาว่าเขามาจากเมืองอะไร เพราะเครื่องแต่งกายของเขาไม่เหมือนเมืองที่พวกเขารู้จัก
การสอบสวนเป็นไปอยู่นาน และข้อมูลของเขาก็ไม่มีสครเคยรับรู้ สินค้าที่เขามีก็ไม่มีใครเคยเห็นราวกับเขาอยู่ต่างโลกจริง ๆ จนกระทั่งเขาและเจ้าเมืองเอาแผนที่มาเทียบกัน
เขาพบว่าเป็นไปได้มากที่แถบมือตรงมุมขวาล่างแผนที่จะเป็นที่อยู่ของเมืองนี้ และแน่นอนว่าแผนที่ของคนที่นี่ก็แสดงเมืองค้าขายใกล้เคียงและทางไกลถึง 30 เมือง แถมแผนที่ของพวกเขายังมีสัดส่วนที่ดูง่าย แบ่งเป็นพื้นที่แต่ละพื้นที่และเข้าใจง่ายสุด ๆ
“ข้ารู้ว่ามีเมืองอื่นอยู่อีก แต่ในป่าทึบตรงที่เจ้ามานั้นมันโคตรจะไกลจากที่นี่และเราหม่เคยไปสำรวจเพราะแถบนั้นสัตว์ร้ายเยอะ” เขาลูกเครา “ข้าจึงไม่เชื่อตอนแรกว่าเจ้าจะหลงทางจากตรงนั้นจริง ๆ” เขายื่นมือขวามา “ข้าลูกชิ้นหนวด เจ้าละ”
“ลูกชิ้นธรรมดาครับ” ผมยื่นมือไปจับกับทหารร่างกำยำหนวดเฟิร์ม ๆ
“ทีนี้เจ้าก็กลับได้แล้ว เมืองเราไม่สงสัยในตัวเจ้าแล้ว” เขายิ้ม
“ถ้าท่านไม่ว่าอะไร เอ่อคือ…ผมอยากจะศึกษาเมืองของท่านและเมืองต่าง ๆ ในแถบนี้ตามแผนที่ เผื่อจะ…ค้าขายหรือเรียนรู้เส้นทาง พอจะรับรองว่าผมปลอดภัยได้ไหม” ผมทำตาแป๋ว
“ตามสบาย แต่ขอให้รู้ไว้ ข้ายิงเอ็งโดยไร้เยื้อใยแน่ ถ้าทำอะไรแผลง ๆ” เขาชี้ปืนที่วางอยู่มุมห้อง “โชคดี ‘ลูกชิ้นธรรมดา’”
“ขอบคุณมากครับ ‘ลู ก ชิ้ น ห น ว ด’”
หลังจากนั้น 3 ปีผมก็ได้ออกจากเมืองนั้นและอำลาเมืองกว่า 30 เมืองที่ผมได้ไปศึกษาทั้งการทำแผนที่ การสำรวจ การค้าขาย การทำสินค้าเองจนแตกฉาน และกำลังเดินทางเพื่อไปแก้ไขแผนที่ของลุงลูกชิ้นเนื้อ รวมถึงบุกเบิกเส้นทางใหม่ ๆ เพื่อการค้าขาย
ผมศึกษาเส้นทางทุกเส้นทางใหม่หมด และเริ่มบุกเบิกเส้นทางที่ดีกว่า เริ่มเขียนแผนที่และออกเดินทางค้าขายด้วยเส้นทางใหม่ด้วยลำแข้งตัวเอง
หลายเส้นทางจากที่ต้องเดินทาง 5 วัน ลดเหลือเพียง 3 วันจากเส้นทางใหม่ บางเส้นไปเจอแหล่งน้ำ หรือเจอเส้นทางที่ขรุขระน้อยกว่า คดเคี้ยวน้อยกว่า และสว่างมากกว่า
แต่ทว่าผมกลับได้รับกระแสต่อต้านรุนแรงและถูกแบนจากสมาคมพ่อค้าทำให้ค้าขายไม่ได้ถึง 678 เมืองจาก 755 เมืองในข้อครหา “นอกรีตนอกรอย”
มิหนำซ้ำผมยังได้รับจดหมายกรนด่าจากลุงลูกชิ้นเนื้อด้วย
ปัจจุบันลุงลูกชิ้นเนื้ออายุ 94 ปีแล้ว เส้นทางที่ได้รับการยอมรับและใช้งานมามากกว่า 50 ปี มีคนเปลี่ยนฐานะทางบ้านจากยากจนเป็นร่ำรวยไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคน แนวคิดของลูกชิ้นธรรมดาจึงไม่มีใครยอมรับแม้จะมีคนเห็นด้วยและร่วมเดินทางไปกับผมอยู่บ้าง แต่พวกเราล้วนอายุแค่ 20 ถึง 30 ปี
ผมถูกคนจากคณะอื่นที่บังเอิญเจอกันดักทำร้าย ทำลายข้าวของจนบางทีกำไรหายหมด และหลายคนก็ล้มเลิก ลาออกจากคณะของผมจากการถูกแบนและกลั่นแกล้งเป็นเวลากว่า 8 ปี
ความวุ่นวายครั้งใหญ่ก็ได้เกิดขึ้น ซึ่งที่จริงเกิดมาสักระยะแล้ว แต่เป็นเหมือนปัญหานั้นจะถูกเก็บอยู่ในใต้พรม เนื่องจากคนนำทางจากคณะลูกชิ้นเนื้อที่มีความสามารถนำทางโดยไม่ต้องมองแผนที่มีเพียง 7 คนเท่านั้นจากทั้งคณะ 250 คน แต่หลายคนสามารถดูแผนที่และนำทางได้เร็วช้าแตกต่างกันตามแต่ราคาที่ตกลงกัน
แต่ทว่าคนเหล่านั้นเริ่มเสียชีวิตหรือล้มป่วยติดเตียงที่บ้างจนทางคณะเหลือเพียง 20 คนนิด ๆ ที่เหลือยังเป็นคนใหม่ตั้งแต่อายุ 40-60 ปี ทำให้การค้าขายของสุดยอดตำนานลูกชิ้นเนื้อตกไปมาก และพลอยทำให้คณะอื่นยอดตกจนขาดทุนระนาว
มีคนหายสาบสูญในป่ามากขึ้นจากความพยายามจะออกไปค้าขายทำให้ผู้คนเริ่มกลัวการออกไปค้าขาย ในระยะแรกก็ทำให้คณะลุงลูกชิ้นเนื้อมีรายได้มากขึ้นหลายเท่าตัวเพราะไม่มีใครกล้าเดินทางเอง ขึ้นฝากสินค้ามากขึ้น และมีคนกินส่วนแบ่งเพียงหยิบมือ
หลังจากปัญหาที่ซุกใจ้พรมมานานมันก็เริ่มกัดกินพรมจนขาดจนมองเห็นปัญหาได้โดยง่าย และพรมผืนสุดท้ายที่ยังปิดอยู่ก็ได้จบลงด้วยการจากไปของคุณลุงลูกชิ้นเนื้อในวัย 102 ปี
การจากไปของคุณลุงลูกชิ้นเนื้อไม่มีข่าวแพร่ออกมายังเมืองหรือประเทศอื่นในทวีปนี้เลย เนื่องจากเขาได้ตายไปพร้อมกับเส้นทางการค้าสุดอันตรายของเขา
การจากไปของเขาเสมือนการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยทางการค้าไปโดยสิ้นเชิง เพราะไม่มีแม้แต่ผู้คนที่จะยอมเดินทาง หลายคนก็ผันตัวอยู่ที่เมืองนั้นตลอดกาล ราวกับโลกแห่งการค้าได้ตายลงไปจริง ๆ ทิ้งไว้เพียงตำนาน…
ศักราชใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น เมื่อลูกชิ้นธรรมดาเดินทางกลับเมืองบ้านเกิดด้วยทรัพย์สินจำนวนมหาศาล แต่ไม่ได้นำสินค้ามาเพราะถูกแบนข้อหาเป็นปรปักษ์กับลุงลูกชิ้นเนื้อ
เมื่อเขาเข้ามาที่เมืองแก่งนี้จึงทราบว่าลุงลูกชิ้นเนื้อได้จากไปอย่างไม่สงบที่นี่ แถมยังฝากข้อความกลด่าของเขาไว้ให้ผมอีกมากมายถึงการทำลายเส้นทางของเขาและบุกเบิกเส้นทางใหม่รวมถึงที่ผมมโนถึงเมืองกลางป่าทึบที่ทุกคนเชื่อว่ามันเป็นที่สิ้นสุดของขอบโลก หรือการที่ผมข้ามทะเลไปเจอเมืองในอีกฝากฝั่งตอนบนที่เป็นจุดสิ้นสุดของขอบโลกเช่นกัน เพราะลุงลูกชิ้นเนื้อได้พยายามเดินทางไปแล้วในครั้งอดีตถึง 7 วันก็ไม่มีวี่แววจะเจอฝั่ง
ที่จริง การเดินทางข้ามทะเลจะเจอลูกชิ้นยักษ์นั้นจำเป็นต้องเดินทางนับเดือนและต้องเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าโลกไม่แบน ซึ่งผมก็ทำความเข้าใจอยู่นานว่าทำไมโลกถึงกลมตลอด 3 ปีที่หลงไปในป่าทึบนั้น
ตอนนั้นผมเถียงและต่อต้านแนวคิดโลกกลมจากคนในแถบนั้นมากจนเขาพาผมออกไปล่องเรือไปอีกฟากแล้วพบกับชนเผ่าลูกชิ้นปลา เมืองที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งผมหลงรักเมืองนี้จนเผลอจะอยู่ที่นี่เกิน 3 สัปดาห์ด้วยซ้ำไป
ผมได้นำสินค้าที่เก็บเป็นที่ระลึกจากเมืองต่าง ๆ มาเก็บไว้ที่บ้านและหอบทรัพย์สินมากมายมากองไว้ที่บ้านก่อนจะไปเคารพศพลุงลูกชิ้นเนื้อผู้เป็นแรงผลักดันให้ผมได้มีทุกวันนี้แม้เขาจะทำให้ผมต้องลำบากจากการค้าขายตลอด 8 ปีก็ตาม
“ชายผู้ผลักดันให้ผมอยากจะก้าวข้ามขีดจำกัด” นั่นเป็นข้อความที่ติดบนดอกไม้ที่ผมวางบนกล่องโรงศพ
“ทำไมการตายของผู้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ถึงไม่แพร่ไปยังเมืองอื่น” ผมถามคนในท้องถิ่น
“ไม่มีใครกล้าเดินทางอีกแล้ว เส้นทางของเขาตายไปพร้อมกับเขาแล้ว” คนนั้นพูดทั้งน้ำตาก่อนจะชี้ไปยังกองขยะขนาดใหญ่ที่มีม้วนแผนที่ เศษรถม้า เศษเกวียน รวมถึงคันเกวียนดี ๆ จอดทิ้งจนฝุ่นเกาะอยู่เต็มไปหมด
“แล้วการแบนผมจากการค้าขายละ” ผมถามเขาอีกคำถาม
“ไม่มีสมาคมแล้ว ไม่มีการแบนใด ๆ กับเจ้าอีกแล้วละ” คนนั้นพูดพร้อมกับส่ายหน้า “แล้วเส้นทางใหม่ของเขามันจะดีสักแค่ไหนกันเชียวถึงกล้าต่อกรกับคนที่มีประสบการณ์มากกว่า 50 ปีอย่างเขาคนนั้น”
ผมหัวเราะ “ ผมไม่ได้ต่อกรกับเขา ผมแค่อยากพัฒนาเส้นทาง ผมลำบากเพราะเส้นทางของเขามาก่อน และทำให้ผมกลับบ้านไม่ได้ถึง 3 ปีจากการหลงป่า” ผมหยิบตราเมืองที่ผมไปเจอหลังจากหลงป่าขึ้นมา “มีเมืองในป่าทึบจริง ๆ นะ และนี่ก็คือตราแผ่นดิน ส่วนนี่แผนที่”
ผมเริ่มต้นการทำแผนที่ครั้งใหม่ เริ่มแจกจ่ายและนำผู้คนกลับสู่เส้นทางเดินป่าเพื่อค้าขายท่ามกลางกระแสต่อต้านของอดีตสมาคม และพ่อค้ารุ่นก่อน
ทหารลูกชิ้นหนวดเคยบอกผมไว้ในสมัยที่ผมเรียนการทำแผนที่จากเขานั่นคือ “หลายคนกลายเป็นผู้คนที่ต่อต้านผู้อื่น เพียงเพราะตัวเองละทิ้งความฝัน แต่คนนั้นกลับทำฝันตัวเองให้กลายเป็นจริง” ซึ่งในครั้งนั้นผมโดนด่าเพราะว่า “ผมไม่อยากเดินทางอีกแล้ว” และเขาก็ช่วยผมไว้ได้ทันเวลาก่อนที่ผมจะกลายเป็นคนที่ไล่ด่าพ่อค้าแม่ค้าที่ออกเดินทาง
เสียงกลด่าและสาปแช่งผมเงียบหายไปหลังจากวันนั้น 10 ปี ไม่ใช่เพราะว่าผมพิสูจน์ตัวเองได้แล้วหรอก แต่เป็นเพราะความตายที่คืบคลานกัดกินเราในทุกขณะจิต ทำให้ผู้ยึดติดนั้นเริ่มทะยอยล้มหายตายจากไป
ผมไม่รู้ว่าหากมีการสร้างเส้นทางใหม่ในสักวันข้างหน้า ผมจะกลายเป็นคนงี่เง่าแบบลุงลูกชิ้นเนื้อไหม หรือผมจะเปิดใจยอมรับและทิ้งประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญของตัวเองเพื่อเรียนรู้เส้นทางใหม่
แต่ถ้าผมเลือกได้ ผมขอเลือกอย่างหลังไม่งั้นผมคงเชื่อว่าโลกแบนและไม่เจอเมืองที่ร่ำรวยมหาศาลอย่างเมืองลูกชิ้นยักษ์จากการข้ามฝั่งของทะเล…
หลายเส้นทางของลุงลูกชิ้นเนื้อผมก็มิได้เปลี่ยนแปลง เส้นทางเดินที่เขาทำไว้ดีแล้ว และเส้นทางชัดเจนไม่มีแม้นดอกหญ้าให้คนหลงทาง เส้นทางที่ผมสร้างยังห่างไกลจากคำว่าเชี่ยวชาญ นี่คือสมบัติที่มีค่าที่สุดที่เขาจะหลงเหลือไว้ในวันสิ้นลม...
อาจารย์คนหนึ่งบอกผมว่า “วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าเมื่อมีงานศพ” นั้น ถ้าฟังเพียงผิวเผินเหมือนจะเป็นคำพูดที่ผังดูไม่ดี แต่หากแกะแก่นแท้ของมัน จะพบว่ามันเป็นสัจจะธรรมบางอย่าง เหมือนกับการตายแล้วเกิดใหม่
แอดเคยอ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง เป็นหนังสือแนวปรัชญาที่เปลี่ยนระบบความคิดแอดไปตลอดกาล นั่นคือแนวคิดที่พูดถึงว่า “ทำไมต้องมีการตายแล้วเกิดใหม่” ซึ่งคำตอบที่ผู้เขียนคนนั้นให้ไว้ก็คือ “เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่ดีกว่า”
มนุษย์เราเรียนรู้ธรรมชาติมาช้านาน คนรุ่นบรรพบุรุษพบเจออะไรก็ส่งต่อเพื่อให้คนรุ่นใหม่รอดชีวิตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ จนเกิดโลกในยุคปัจจุบัน
Artificial Intelligence หรือ AI ก็เหมือนกัน พวกมันถูกกำหนดการเรียกรู้ไว้ว่าหากทำถูกจะได้แต้ม หากทำผิดจะลบแต้ม และลบทิ้งเมื่อพบว่า “ทำผิดมากเกินไป” ก่อนจะสร้างตัวใหม่ที่ไม่ทำผิดแบบเดิมจากการจดจำ ทำให้ AI ฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ
ในสังคมวิทยาศาสตร์ อาจารย์ผมบอกว่า “คนมีอายุจะเชี่ยวชาญและลึกในศาสตร์นั้นมาก ๆ มากจนยากจะเปลี่ยนความคิดตัวเองแม้ว่าจะไม่พบอะไรใหม่ ๆ ในกรอบความคิดนั้น แต่คนอายุน้อย ยังต้องเรียนอย่างหลากหลายทั้งวิชาที่ชอบและไม่ชอบ แถมยังไม่เชี่ยวชาญอะไรเลย กลับมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า แต่ก็อาจจะทำอะไรไม่ได้ เพราะ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ หรือ ‘คนมีประสบการณ์’ ไม่ยอมรับ และเมื่อเวลาเปลี่ยนผ่านหลังจากคนที่มีกรอบความคิดเสียชีวิตลง แนวคิดใหม่ ๆ ที่ ‘ผู้ไม่เชี่ยวชาญ’ จะลองเดินดูก็ไม่ถูกปิดกั้นและแพร่หลายได้”
ผมชื่นชอบการอ่านชีวประวัติ และหนึ่งในชีวประวัติที่ทำให้ผมร้องไห้นั่นคือ “กาลิเลโอ กาลิเลอี” นักวิทยาศาสตร์ผู้ถูกกักบริเวณและข้อครหาจากผู้ที่เกลียดชัง เขาต่อสู้กับทฤษฎีปโตเลมีที่ได้รับการยอมรับมาเนิ่นนานเพื่อบอกให้โลกนี้รู้ว่า “โลกเราไม่ได้แบน แต่เป็นทรงกลม”
และคำกล่าวนึงที่น่าสะเทือนขวัญมากของเขาก็คือ “จงอวดโง่ แล้วจะปลอดภัย”
ชอบกันมุ้ยครับ วันนี้แอดแต่งเรื่องสั้นมาเลยนะ ไม่รู้ว่าสนุกรึเปล่า แต่ส่วนตัวแอด แอดชอบนะ เพราะปกติแอดก็ชอบอ่านอะไรยาว ๆ ฮ่า ๆ
เนื้อเรื่องสนุกหรือไม่สนุกยังไงก็บอกได้นะครับ ยังไงผมก็ไม่ปรับแก้อยู่แล้ว 😗
ล้อเล่นครับ สามารถท้วงติงได้เสมอครับ แล้วเดี๋ยวผมจะปรับแก้ตามที่ไหว ตอนนี้แอดก็เหมือนลูกชิ้นธรรมดาในเรื่อง ที่แม้มีคนปูทางเดินไว้จนหญ้าไม่ขึ้นสักต้น แต่แอดก็จำเป็นต้องคลำทางเองด้วยเพื่อสร้างสไตล์งานของตัวเองที่ไม่ซ้ำใคร
วันนี้แอดเอาเรื่องดี ๆ จากวงการวิทยาศาสตร์มาฝาก แล้วลูกเพจมีเรื่องราวดี ๆ อะไรมาแชร์แอดได้เสมอนะค้าบ
อ่อ ถ้าอยากให้เรื่องสั้นฉบับลูกชิ้นมาบ่อย ๆ ฝากคอมเมนท์ด้วยนะครับ
ละก็ฝากติดตามด้วยนะครับ วันนี้ไปละ บะบุยยยย
วิทยาศาสตร์
นิยาย
เรื่องสั้น
บันทึก
2
1
6
2
1
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย