6 มี.ค. 2022 เวลา 08:13 • ปรัชญา
ง่ายๆเลยครับเดินตามไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา 3 องค์ประกอบใหญ่ซึ่งก็คือมรรค8 เป็นองค์ประกอบย่อยและเดินตามแนวทางอริยะสัจ4 ควบคู่กันไป รู้ทุกข์ ละสมุทัย นิโรธทําให้แจ้ง และมรรคให้เจริญมากๆ เห็นไหมครับว่าธรรมะของพระพุทธเจ้ายึดโยงเป็นเรื่องเดียวกันหมด ถ้าเข้าใจเรื่องหนึ่ง ก็จะเข้าใจอีกเรื่องไม่ยาก ก่อนอื่นคุณศึกษาเรื่องปริยัติมากๆ ( ตามพระไตรปิฎกในเรื่องพระสูตรหรือความรู้ทางธรรม ) โดยไม่ต้องไปวัดก็ได้ ศึกษาจาก BD นี่แหละ เพิ่อให้เกิดปัญญาจากความรู้สะสมในสัญญาเยอะๆประกอบกับความรู้จากความคิดวิเคราะห์ จาก จินตนาการว่าน่าจะใช่หรือไม่ใช่ ? ซึ่งเหล่านี้เป็นปัญญาทางโลกมันจะยังมีข้อสงสัยเต็มไปหมดก็ไม่เป็นไร ส่วนพระวินัยก็แล้วแต่ว่าคุณเคร่งหรือไม่เคร่ง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของสงฆ์ไม่ใช่ฆราวาส ส่วนพระอภิธรรมจะขอไม่กล่าวถึงเพราะจะยาก ซับซ้อนเข้าใจยาก แต่ถ้าอยากจะลองศึกษาดูก็ไม่เสียหายอะไร
ขั้นตอนต่อไปคุณก็ลงมือปฎิบัติตามขั้นตอนภาวนาด้วยการเจริญสติ เพื่อให้สติตั้งมั่นเป็นสมาธิ จนเกิดเป็นปัญญาทางธรรมในที่สุด ปัญญาทางธรรมจะเป็นตัวชี้นําและทําให้ปัญญาทางโลกแจ่มแจ้งชัดเจนโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆ เมื่อคุณปฎิบัติครบองค์สมาธิ เกิดปัญญา แล้วศีลจะตามมาเอง
หรือจะเดินตามศีล สมาธิ แล้วค่อยปัญญา ก็ไม่ผิดแต่ประการใดแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ส่วนวิธีการเดินสมาธิ หรือการเจริญสติเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนของปัญญา จะขอแนะนําหลักสติปัฏฐาน4 ที่เพื่อนๆแนะนํากันมา ซึ่งพระพุทธเจ้าสรรเสริญว่าเป็นหนทางอันประเสริฐ หนทางที่ดีที่สุดแต่ตอนปฏิบัติมีขั้นตอนอีกมาก ที่จะหลงเข้าไปในสมถะ หรือเกิดวิปัสนูหรือเกิด อภิญญาได้ฌานต่างๆ ตามขั้นตอนของ วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกกัคคตา ซึ่งเป็นการเดินจิตแบบหลงทางทั้งสิ้น เป็นไปเพิ่อความสงบชั่วคราว และจะติดในความสงบนั้นๆ ขั้นตอนที่ถูกควรจะเดินไปทางวิปัสสนาโดยมีสมถะร่วมเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกัน จึงจะเป็นหนทางหลุดพ้นอย่างแท้จริง
( สมถะ-->ฌาณ ( อภิญญา, ความสงบ))
( วิปัสสนา---->ญาณ, ปัญญา, รู้แจ้ง, หลุดพ้น )
หมายเหตุ: ผมชอบศึกษาค้นคว้าทฤษฎีแต่ปฎิบัติห่วยแตกมาก ถึงได้รู้ว่ามีปัญญาทางโลกมากๆแต่ขาดสมาธิ ก็ไม่ทําให้หลุดพ้นแต่อย่างใด เพราะกิเลส นิวรณ์ รุมล้อมเต็มไปหมดสละไม่หลุดซักที ที่เขียนอธิบายยาวมากเพื่อกระตุ้นตัวเองให้ปฏิบัติเยอะๆ จริงๆซะที อย่ามัวแต่หลงปริยัติจนหนังสือธรรมกองท่วมหัวอยู่แล้ว และการปฏิบัติธรรมก็ไม่ได้จะต้องไปอยู่วัดหรือนั่งสมาธิเพียงอย่างเดียว อ่าน BD ก็ปฏิบัติธรรมได้ อย่างเข่นกระทู้ที่ผ่านมาแถวล่างๆ คุณเห็น โทสะ โมหะ เกิดขึ้นหรือไม่ในระหว่างการสนทนา แล้วมันยังคงอยู่หรือว่าดับไปแล้วในความคิดของคุณ ถ้าคุณยังปรุงแต่งต่อ ช่วยกัน ด่า กระทืบให้จม ความโกรธก็ยังอยู่และสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในดวงจิต ่เรื่องปฏิบัติธรรจึงเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลที่แต่ละคนจะรู้ได้ด้วยตนเอง มิสามารถบังคับให้เชื่อได้
โฆษณา