6 มี.ค. 2022 เวลา 12:27 • ประวัติศาสตร์
มุมมืด กรุงศรีอยุธยา ประวัติศาสตร์นอกตำรา ตอนที่ 2
“ซ่องเสรี” “ส่วย” “การขายลูกขายเมีย”
1
ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดหน้าพระธาตุ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา
...
ด้วยความเคารพต่อดวงวิญญาณบรรพบุรุษไทยแต่โบราณ บทความนี้เพียงต้องการเขียนขึ้นเพื่อสื่อในเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่มีผู้บันทึกไว้ ไม่ได้มีเจตนาทำให้เสื่อมเสียแต่อย่างใด
3
  • อาชีพโสเภณี ปรากฏในหลักฐานตั้งแต่สมัยอยุธยา
  • “พระไอยการลักษณะผัวเมีย” ตราขึ้นใน พ.ศ.1904 สมัยพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา มีกล่าวถึงคำว่า “หญิงนครโสเภณี” ซึ่งแสดงว่ามีการค้าประเวณีเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงสถาปนากรุงศรีอยุธยาหรืออาจก่อนหน้านั้นแล้ว
1
  • “โสเภณี” มีที่มาจากอินเดีย เป็นคำเรียกผู้หญิงที่ทำอาชีพค้าประเวณี ส่วน “คณิกา” เป็นคำเรียกที่มาจากจีน ดังที่เราจะได้ยินคำนี้ตามหนังจีนต่างๆว่าไปเที่ยวหอคณิกา
1
  • “โรงรับชำเราบุรุษ” เป็นชื่อที่ใช้เรียกสถานที่ที่มีการค้าประเวณีในสมัยอยุธยา หรือเข้าใจง่ายๆก็คือ “ซ่อง” ที่เรียกกันในสมัยนี้นั้นเอง
1
...
ในโรงรับชำเราบุรุษ จะมีผู้หญิงอยู่ 2 ประเภท คือ
  • หญิงที่ขายตัว หรือที่เรียกว่า “การชำเราบุรุษ”
  • หญิงที่ไม่ขายตัว แค่แสดงร้องรำให้ความบันเทิง หรือจะให้เรียกแบบปัจจุบันก็คือ “เด็กเอน” “PR” “โคโยตี้”
  • “ซ่อง” หรือ “โรงรับชำเราบุรุษ” ในสมัยอยุธยา แหล่งหลักอยู่ตรงไหน
...
  • “คำให้การชาวกรุงเก่า” และ “คำให้การขุนหลวงหาวัด” ซึ่งพระเจ้าอังวะได้ให้พระเจ้าอุทุมพรและข้าราชการผู้ใหญ่ของไทยที่ถูกจับเป็นเชลยไปเมื่อคราวเสียกรุงใน พ.ศ.2310 ได้ลำดับเรื่องราวของกรุงศรีอยุธยา จดบันทึกไว้ว่า
“…มีตลาดบนบกนอกกำแพงพระนครตามชานพระนครบ้าง ตามฝั่งฟากกรุงบ้าง ติดแต่ในรอบบริเวณขนอนใหญ่ทั้ง 4 ทิศ รอบกรุงเข้ามาจนฟากฝั่งแม่น้ำตามกรุง แลชานกำแพงกรุงนั้นด้วย รวมเป็น 30 ตลาดคือ…ตลาดบ้านจีนปากคลองขุนละครไชย มีหญิงนครโสเภณีตั้งโรงอยู่ท้ายตลาด 4 โรง รับจ้างทำชำเราแก่บุรุษ ตลาดนี้เป็นตลาดใหญ่ใกล้ทางเรือแลทางบก มีตึกกว้างร้านจีนมาก ขายของจีนมากกว่าของไทย มีศาลเจ้าจีนศาลหนึ่งอยู่ท้ายตลาด”
ที่ตั้งตลาดบ้านจีน ปากคลองขุนละครไชย เครดิตภาพ: Facebook – คนรักประวัติศาสตร์ไทย
...
“คลองขุนละครไชย” ที่ว่าพระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปรต์) อ้างไว้ในเอกสารอธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยา ว่าคือ “คลองตะเคียน” อยู่นอกเกาะเมืองอยุธยาทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ หรือที่ชาวฝรั่งเศสเรียกว่า คลองน้ำยาเป็นที่ตั้งของวัดนักบุญโยเซฟ
ปัจจุบันยังมีชุมชนตั้งถิ่นฐานอยู่ แต่ไม่ใช่ตลาด และไม่ใช่ชุมชนชาวจีน แต่เป็นมุสลิมมีมัสยิดกำลังสร้างอยู่บริเวณปากคลอง
  • ซ่องเสรี และ การส่งส่วย
...
  • บันทึกของ ลา ลูแบร์ มีระบุตอนหนึ่งไว้ว่า
“บรรดาผู้ที่มีบรรดาศักดิ์สูงนั้นหาใช่เจ้าใหญ่นายโตเสมอไปไม่ เช่นเจ้ามนุษย์อัปปรีย์ที่ซื้อผู้หญิง และเด็กสาวมาฝึกให้เป็นหญิงนครโสเภณีคนนั้น ก็ได้รับบรรดาศักดิ์เป็น ออกญา เรียกกันว่าออกญามีน (Oc-ya Meen) เป็นบุคคลที่ได้รับการดูถูกดูแคลนมากที่สุด มีแต่พวกหนุ่มลามกเท่านั้นที่จะไปติดต่อด้วย”
3
...
  • มีอีกตอนหนึ่งที่ ลา ลูแบร์บันทึกไว้ ยิ่งช่วยขยายความเข้าใจเรื่องที่ว่าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น คือ
“ถ้าบุตรีคนใดกระทำชั่ว ขุนนางผู้บิดาก็ขายบุตรีส่งให้แก่ชายผู้หนึ่งซึ่งมีความชอบธรรมที่จะเกณฑ์ให้สตรีที่ตนซื้อมานั้นเป็นหญิงแพศยาหาเงินได้ โดยชายผู้มีชื่อนั้นต้องเสียเงินภาษีถวายพระมหากษัตริย์ กล่าวกันว่า ชายผู้นี้มีหญิงโสเภณีอยู่ในปกครองของตนถึง 600 นาง ล้วนแต่เป็นบุตรีขุนนางที่ขึ้นหน้าขึ้นตาทั้งนั้น อนึ่งบุคคลผู้นี้ยังรับซื้อภรรยาที่สามีขายส่งลงเป็นทาสี ด้วยโทษคบชู้สู่ชายอีกด้วย"
1
...
1
จากบันทึกของ ลา ลูแบร์ กับบันทึกอื่นๆก่อนหน้านี้ที่กล่าวถึงโสเภณี พอสรุปได้ว่า
• สมัยอยุธยา มีซ่องหลักอยู่ 4 โรง มีโสเภณีรวมกัน 600 คน
• ในซ่องมีออกญามีน (เป็นขุนนาง) เป็นคนคุมซ่อง
• ออกญามีนดูเป็นที่น่ารังเกียจของชาวบ้านทั่วไป แต่ความเป็นจริงเองก็เป็นขุนนางที่กษัตริย์พระราชทานยศให้ ทำหน้าที่เก็บส่วยจากผู้หญิงที่ทำงานในซ่อง เพื่อส่งเป็นรายได้เข้าราชสำนัก ไม่ผิดกฎหมาย หรือจะเรียกว่า “ซ่องเสรี”
  • ผู้หญิงที่ทำงานในซ่อง มาจากไหน?
...
1. ระบบการซื้อขายทาส
ภาพเชื้อสายผู้หญิงที่ทำงานในซ่อง เรียงจากซ้ายไปขวา จีน มอญ พม่า ไทย เครดิตภาพ: Youtube Channel: AYOTHAYA GROUP
...
1
แต่ก่อนยังมีระบบซื้อขายทาส ผู้หญิงเหล่านี้ก็มาจากการซื้อขาดเข้ามาทำงาน มีการคัดหน้าตา อาจมีการตกลงกับนายซ่องว่าถ้าเงินได้เท่านี้จะขอไถ่ตัวออกมา แต่ส่วนใหญ่จะยอมทำงานไปเรื่อยๆจนกว่าจะไม่ไหว เพราะออกมาก็เป็นที่รังเกียจของชาวบ้าน และเป็นสภาวะจำยอมในฐานะทาสด้วย
สมัยนั้นการค้าขายทาสเพื่อเข้ามาทำงานในซ่องเป็นแบบเสรี เหมือนสินค้าชนิดหนึ่ง ดังนั้นผู้ชายถ้ามาเที่ยวแล้วเกิดติดใจผู้หญิงคนไหนก็สามารถตกลงราคาซื้อต่อจากนายซ่องได้ นายซ่องก็หวังกินกำไรจากการขายไป
...
1
2. การขายลูกขายเมีย
1
จากบันทึกของ ลา ลูแบร์ ที่ระบุไว้ (อ้างถึงก่อนหน้านี้) หญิงโสเภณีส่วนหนึ่งมาจากขุนนางที่ขายเข้ามาในซ่อง ขอขยายความมีอยู่ 2 แบบ คือ
  • ขุนนางมีเมียเป็นทาส เรียกว่า “เมียกลางทาสี” และเกิดมีลูกขึ้นมาเป็นผู้หญิง (นับเป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง) วันดีคืนดีอยากมีเงินใช้ ก็สามารถขายลูกที่เกิดจากทาสเข้าซ่องได้
4
  • “ทาสในเรือนเบี้ย” คือลูกที่เกิดจากทาส 2 คนที่เป็นสมบัติของเจ้านายขุนนาง ลูกที่เกิดมานั้นนับเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งของขุนนาง สามารถเอาไปขายต่อได้ โดยพ่อแม่ที่เป็นทาสไม่สามารถเรียกร้องได้
1
...
ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา ในกฎหมายลักษณะทาสระบุว่าก็สามารถขายลูกขายเมียได้
  • กรณีเมียเป็นการขายให้ทำงานเป็นทาส เพื่อแลกกับเงินมาใช้ แต่ต้องอยู่ในสภาวะจำยอม
1
  • กรณีลูกสามารถขายเข้าซ่องได้แบบเสรี โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในสภาวะจำยอม
1
จบแล้ว ตอนที่ 2
ติดตามได้ในตอนต่อไป…
...
สามารถอ่านย้อนหลังตอนที่ 1 ได้จากลิ้งค์ด้านล่างครับ
  • แหล่งที่มาอ้างอิง:
กฎหมายตราสามดวง เล่ม ๒ (กรุงเทพฯ: องค์การค้าของคุรุสภา 2515)
คำให้การชาวกรุงเก่า (2546). (นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช)
Facebook: คนรักประวัติศาสตร์ไทย
ประวัติศาสตร์เล่าสนุก กับ อ.ตุ๊กบางปะอิน Youtube Channel: ซ่อง..โสเภณี..สมัยกรุงศรีอยุธยา (ด้านมืด) EP:123 - https://www.youtube.com/watch?v=D9l__WY6_II
เดอ ลา ลูแบร์, จดหมายเหตุลา ลูแบร์ ราชอาณาจักรสยาม, แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร
โฆษณา