7 มี.ค. 2022 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
ความผิดหวังกับตัวเราเอง
เชื่อว่าความผิดหวังหรือความล้มเหลวเป็นสิ่งที่หลายต่อหลายคนต่างเคยพบเจอ แถมบางคนอาจจะพบเจอมาเป็นพันๆ ครั้ง ก่อนที่จะก้าวผ่านความเจ็บปวดเหล่านั้นเพื่อใช้ชีวิตต่อ บ้างก็อาจจะเจอไม่บ่อยครั้ง แต่ความหนักหนาสาหัสเรียกได้ว่าจุก หรือบ้างก็อาจจะเจอบ่อยจนเสียศูนย์และหันหลังให้กับสิ่งที่เคยทำผิดพลาดและล้มเหลวไปเลย
ไม่มีใครอยากมานั่งจมดิ่งกับความผิดหวังนักหรอก เพราะมันบั่นทอนจิตใจและเสียเวลาที่มีคุณค่าไป ถึงอย่างนั้นบางคนพอเจอเรื่องที่น่าผิดหวังก็อาจจะซึมไปชั่วขณะ แล้วกลับมาปกติสดใสร่าเริงได้เลย แต่บางคนอาจจะรู้สึกทุกข์และหลอนกับความผิดหวัง จนกลัวแม้กระทั่งการลุกขึ้นมาเริ่มต้นใหม่
เราคงไม่สามารถไปตัดสินคนอื่นได้ว่า “โห แค่นี้เอง จะเฟลหรือซึมอะไรนักหนา” เพราะภูมิคุ้นกันและความแข็งแกร่งทางจิตใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน คำว่า “แค่นี้เอง” สำหรับคนๆ หนึ่ง อาจเป็น “ขนาดนั้นเลยหรอ” สำหรับอีกคนได้เช่นกัน
สิ่งที่ง่ายที่สุดเมื่อพบเจอคนที่กำลังผิดหวังหรือเผชิญกับความล้มเหลว คือการพยายามรับฟังและเข้าใจความรู้สึกของเขาแค่นั้น เพราะบางทีการให้คำแนะนำหรือพูดปลุกใจก็แทบไม่ช่วยอะไรเลยในหลายสถานการณ์
แล้วจริงๆ มนุษย์ทุกคนจะผิดหวังกับเรื่องแบบไหนได้บ้างล่ะ
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าเมื่อมีความผิดหวังเกิดขึ้น แสดงว่ามีสิ่งที่คาดหวังอยู่ ซึ่งหลักๆ คนเราก็จะเกิดความคาดหวังได้ 3 แบบ คือ
1. เราคาดหวังกับตัวเอง
2. เราคาดหวังกับคนอื่น
3. คนอื่นคาดหวังกับเรา
ในบทความนี้จะเริ่มต้นที่เรื่อง “เราคาดหวังกับตัวเอง” ซึ่งมันก็เกิดจากการที่เราคิดจะทำอะไรสักอย่าง แล้วคิดว่าผลลัพธ์จะต้องออกมาแบบที่เราคาดการณ์ไว้ ยกตัวอย่างเรื่องง่ายๆ เช่น สมมติใน 3 เดือนข้างหน้า เราอยากจะลงวิ่งแข่งฮาล์ฟมาราธอนแล้วติด 1 ใน 5 ของรายการ ซึ่งก่อนการแข่งขันจริงก็ซ้อมอย่างตั้งใจ ทำทุกอย่างตามแผนที่วางไว้ แต่สุดท้ายผลลัพธ์ของการแข่งขันคือเราได้อันดับที่ 6 ห่างจากอันดับที่ 5 เพียงแค่ไม่เกิน 10 วินาที
แน่นอนว่าพอผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้ และยิ่งเฉียดอันดับที่ 5 ด้วยเวลาที่ต่างกันนิดเดียว หลายคนก็คงรู้สึกแบบทำไมถึงยังไม่ได้ น่าผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือบ้างก็อาจจะโทษปัจจัยต่างๆ ว่าเพราะเหตุการณ์นั้นเหตุการณ์นี้ทำให้เราเสียเวลา ซึ่งผมมักจะชอบเรียกมันว่า What-if Analysis
หรืออีกเหตุการณ์ที่หลายคนพบเจอในปัจจุบันคือการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยที่บางคนอาจจะกระโจนเข้าสู่ตลาดพร้อมด้วยเป้าหมายที่ว่าจะทำให้ Portfolio เติบโต 2 เท่าจากเงินลงทุนภายใน 6 เดือน ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะความผันผวนของตลาด จนกระทั่งเลิกเทรดและไปบ่นตัดพ้อก็มี
จุดที่น่าสนใจคือในการคาดหวังกับตัวเองได้มีการกำหนดกลยุทธ์ ทิศทาง ขั้นตอน และพฤติกรรมต่างๆ ที่พาให้สิ่งที่หวังสำเร็จไว้อย่างชัดเจนหรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือถ้าผลลัพธ์มันไม่ได้เป็นไปตามที่วางไว้ เราจะมีวิธีในการดึงตัวเองกลับมาอย่างไร เพราะทุกความสำเร็จเกิดจากความพยายาม แต่ไม่ใช่ทุกอย่างที่เราพยายามจะประสบความสำเร็จ
วิธีการที่ง่ายมากๆ คือบอกตัวเองว่า “ให้คุณค่ากับความพยายามของตัวเองมากกว่าผลลัพธ์” เพราะการที่เราเลือกที่จะพยายามทำอะไรสักอย่างหนึ่งอย่างจริงจัง แค่นี้เราก็เป็นคนที่ดีและเก่งขึ้นกว่าเมื่อวานแล้ว นอกจากนี้เวลาชื่นชมตัวเองให้ชื่นชมที่ “พฤติกรรมเชิงบวกที่เกิดขึ้น” มากกว่า “ผลลัพธ์”
อีกประเด็นที่สำคัญคือหลายต่อหลายคนมองเรื่องของการให้โอกาสเกี่ยวข้องกับผู้อื่นเสมอ เรามักจะใจดีกับคนอื่น แต่ชอบลืมนึกไปว่าเราเองก็สามารถให้โอกาสตัวเองลุกขึ้นสู้อีกครั้ง รวมถึงมอบความอ่อนโยนให้กับจิตใจตัวเองได้ทุกเมื่อ
1
จริงอยู่ว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ที่เราจะไม่คาดหวังกับตนเอง แต่มันก็ไม่ยากเกินไปที่จะเรียนรู้กับการใจดีและมอบโอกาสครั้งที่ 2 กับตัวเอง เพราะทุกครั้งที่เริ่มต้นใหม่ เราจะแข็งแกร่ง เก่งขึ้น และมีภูมิต้านทานทางจิตใจมากกว่าครั้งก่อนๆ เสมอ
📝 POTR
โฆษณา