10 มี.ค. 2022 เวลา 00:14 • คริปโทเคอร์เรนซี
ระบบการเงินโลกหลังวิกฤตยูเครน-รัสเซีย : ระบบการเงินโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร หลังจากที่หลายประเทศได้กดดันให้ตัดรัสเซียออกจากระบบการเงินโลก SWIFT ซึ่งเป็นการผลักดันให้ประเทศรัสเซียต้องเริ่มหาทางเลือกอื่นในการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่ง Dinner Talks ได้วิเคราะห์มาให้ทุกคนอ่านกันครับ
🥄ทั่วโลกเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่น การมีแค่ SWIFT อาจไม่เพียงพออีกต่อไป
SWIFT หรือ Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication ได้ก่อตั้งที่เบลเยี่ยมในปี 1973 ใช้เชื่อมต่อกับสถาบันการเงินและบริษัททั่วโลก
ในแง่จำนวนผู้ใช้ รัสเซียมีผู้ใช้เป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา ดังนั้นการตัดรัสเซียออก ย่อมส่งผลเสียต่อรัสเซียในแง่ที่ต่างชาติจะทำธุรกิจกับรัสเซียลำบาก การโอนเงินทำไม่ได้ กระทบการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจรัสเซียอย่างรุนแรง
แต่ทว่าก็มีผลเสียต่อ SWIFT ด้วยเช่นกัน ด้านจำนวนผู้ใช้ลดลง จำนวนธุรกรรมในระบบลดลงแล้ว ยังมีผลต่อสกุลเงินกลางที่ใช้แลกเปลี่ยนอย่างดอลลาร์สหรัฐ
ถึงแม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีการขับรัสเซียออกจากระบบ SWIFT แต่ท่าทีและข่าวสารที่ออกมาย่อมทำให้หลายประเทศตั้งคำถามว่าโลกพึ่งพาระบบนี้มากเกินไปหรือไม่ ความต้องการที่จะมีระบบสำรองหากถูกขับไล่จากระบบนี้มีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความต้องการจากประเทศที่อยู่ขั้วตรงข้าม เช่น จีน รัสเซีย เป็นต้น
ไม่แน่ว่าอีกไม่นาน เราอาจจะได้เห็นระบบการเงินโลกแบบใหม่จากประเทศเหล่านี้ก็ได้ แบบเดียวกับที่เราได้เห็นธนาคาร AIIB ของจีนที่สร้างขึ้นมาเพื่อสมดุลอำนาจกับ ADB ของญี่ปุ่นและ IMF ของสหรัฐอเมริกา
🥄โลกของ DeFi และเครือข่าย blockchain ด้านการเงินโลกกำลังเติบโตขึ้น
เมื่อเกิดวิกฤตเหล่านี้ขึ้น โลกของ DeFi ที่ไร้ตัวกลางได้เติบโตอย่างรวดเร็วในสองปีที่ผ่านมา กำลังถูกทดสอบศักยภาพและความมั่นคงของระบบ โดยเฉพาะการนำมาใช้งานจริง
หนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนคือยูเครนที่ได้ขอรับบริจาคเงินเข้าประเทศในยามสงคราม ซึ่งอ้างอิงจาก coindesk ยูเครนได้รับเงินบริจาคจากคริปโตไปแล้วกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อีกด้านหนึ่งคือเครือข่าย blockchain ด้านการเงินของโลก จริง ๆ แล้วสถาบันการเงินแบบรวมศูนย์ (centralized) อย่างธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ได้มีการนำเทคโนโลยี blockchain มาปรับใช้เพื่อออกสกุลเงินดิจิทัลของแต่ละประเทศ [สกุลเงินดิจิทัล (Digital Currency) ไม่ใช่คริปโต (Cryptocurrency)]
ตัวอย่างสำคัญคือประเทศจีนที่ได้ออกหยวนดิจิทัล ในไทยเองก็มีการออกสกุลเงินบาทดิจิทัลเหมือนกัน โดยสิ่งเหล่านี้จะเรียกรวมว่า Central bank digital currency (CBDC) มีค่าเท่ากับสกุลเงินนั้น ๆ 1:1 และมีธนาคารกลางประเทศนั้น ๆ รับรองมูลค่า
ในอนาคตเราอาจได้ใช้ระบบเหล่านี้แทน SWIFT ก็เป็นได้
🥄สกุลเงินสหรัฐกำลังถูกทดสอบความแกร่ง
หากการใช้งาน SWIFT ลดน้อยลงไป สกุลเงินที่เป็นสื่อกลางของการแลกเปลี่ยนอย่างดอลลาร์สหรัฐ ย่อมลดบทบาทในเวทีการค้าโลกลง
ซึ่งนี้เป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ ๆ เพราะว่าหากความต้องการดอลลาร์สหรัฐของตลาดโลกต่ำ ย่อมส่งผลให้ค่าเงินสหรัฐอ่อนค่าลง
ในกรณีเลวร้ายที่สุด โลกจะไม่เห็นถึงความสำคัญของสกุลเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินสำรองระหว่างประเทศอีกและลดสัดส่วนการสำรองลง จะเป็นการตอกย้ำเศรษฐกิจสหรัฐ เพราะค่าเงินสหรัฐเป็นเพียงค่าเงินเดียวในโลกที่ไม่ต้องใช้ทองคำสำรองในการพิมพ์เงิน สำรองด้วยความเชื่อมั่นและเครดิตของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น เมื่อเงินไม่มีเสถียรภาพเพียงพออาจสูญเสียตำแหน่งผู้นำด้านเศรษฐกิจให้แก่จีน
จบแล้วกับบทความนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคน
หากชอบบทความ อยากชวนเพื่อนทุกคนมากดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนและขอฝากช่องทาง FB ด้วยครับ
Dinner Talks ขอกล่าวคำว่า "แล้วพบกันใหม่มื้อหน้าครับ :)"
แหล่งที่มาของข้อมูล
โฆษณา