31 มี.ค. 2022 เวลา 00:00 • หนังสือ
(หมายเหตุ : เนื้อหายาวมาก แม้จะย่อความแล้ว แต่เหมาะสำหรับพ่อแม่ที่ลูกบ่นว่า "เรียนไปทำไม" รวมถึงคนที่ชอบบอกว่า "ยาวเกิน ย่อให้หน่อย")
1
บนโต๊ะทำงานของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ วางรูปถ่ายของบุคคลสามคนที่เป็นไอดอลของเขา ไอแซค นิวตัน, ไมเคิล ฟาราเดย์ และ เจมส์ คลาร์ก แมกซเวลล์...
ในสามคนนี้ ไมเคิล ฟาราเดย์มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ฐานะยากจนมาก เขาเรียนไม่จบชั้นประถมเพราะครูเห็นว่าเขาเป็นเด็กทึ่ม เขาอาจไม่ได้กลายเป็นนัก
วิทยาศาสตร์หากมิใช่เพราะเขาทำงานในร้านทำปกหนังสือ มีโอกาสผ่านตาหนังสือจำนวนมากมาย เขาอ่านหนังสือทุกเล่มที่ผ่านมืออย่างกระหาย และพบว่าตัวเองรักวิทยาศาสตร์ เขาเรียนเองทุกอย่าง ค้นคว้าทดลองเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้าแทบทุกอย่างที่จินตนาการของเขาโลดแล่นไปถึง
1
โลกต้นศตวรรษที่ 19 รู้จักกระแสไฟฟ้าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร งานของฟาราเดย์ก้าวหน้าเกินกาล เขารู้ว่าตนเองกำลังก้าวไปสู่พื้นที่ใหม่ที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน แม้ว่าเขาจะสร้างชื่อเสียงในระดับหนึ่งแล้ว แต่คนในยุคนั้นมองไม่เห็นคุณค่าในงานของเขา
วันหนึ่งฟาราเดย์สาธิตกลไกการทำงานของกระแสไฟฟ้ากับแม่เหล็กให้นายกรัฐมนตรีอังกฤษดู นายกฯถามว่า “แล้วมันใช้ประโยชน์อะไรได้?”
ไมเคิล ฟาราเดย์ เป็นผู้ค้นพบความลับเกี่ยวกับไฟฟ้ามากมายหลายเรื่อง งานของเขาล้ำยุค แต่ดูไม่มีประโยชน์อะไรจริงๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งร้อยปี มนุษย์รู้เรื่องเกี่ยวกับไฟฟ้าหมดแล้ว และเริ่มทำความเข้าใจกับอะตอมและอนุภาค โลกเคลื่อนเข้าสู่ยุคอวกาศ แต่คำถามแบบเดิมก็ยังคงอยู่ ทุกครั้งที่มีการส่งจรวดออกนอกโลก มีเสียงคำถามดังขึ้นเสมอว่า “ส่งจรวดไปนอกโลกทำไม ในเมื่อชาวโลกนับพันล้านคนอดอยาก มีคนอดตายทุกวัน เอาเงินค่าทดลองจรวดไปช่วยคนพวกนั้นไม่ดีกว่าหรือ?”
ทุกครั้งที่นักวิทยาศาสตร์ศึกษาเรื่องอะตอมและอนุภาคชื่อประหลาด ๆ หลายคนบอกว่า “แล้วมันใช้ประโยชน์อะไรได้?”
ทุกครั้งที่มีคนศึกษาเรื่องจักรวาลไกลโพ้น หลุมดำ เควซาร์ พัลซาร์ สสารมืด พลังงานมืด ฯลฯ ไปจนถึงการเฝ้าดูร่องรอยของสิ่งทรงภูมิปัญญาต่างดาว คนจำนวนมากตั้งคำถามว่า “รู้ไปทำไม?”
1
เหล่านี้ย่อมมิใช่คำถามที่ไม่มีเหตุผล เพราะดูเผิน ๆ การศึกษาอวกาศ อนุภาค จักรวาล หลุมดำ ดูไร้สาระจริง ๆ เหมือนว่าพวกนักวิทยาศาสตร์ว่างงานมาก เอาแรงไปขุดดินปลูกผัก ยังจะได้ผลเป็นรูปธรรมกว่า
2
นอกจากเรื่องการค้นคว้าทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้ว คนจำนวนมากยังตั้งคำถามเกี่ยวกับการศึกษาวิชาเลขคณิต เรขาคณิต พีชคณิต ตรีโกณมิติ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ปรัชญา ฯลฯ ว่า “เรียนวิชาบ้าพวกนี้ไปทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นต้องใช้” คนส่วนมากเรียนหลายวิชาเหล่านี้ในโรงเรียน แล้วไม่ได้นำไปใช้ประกอบอาชีพในตอนโตแต่อย่างไร เรียนวิศวกรรมจบมาขายประกัน เรียนรัฐศาสตร์จบมาเป็นเซลส์ขายเครื่องสำอาง เรียนแพทย์จบมาเป็นนักการเมือง เรียนปรัชญาจบมาผลิตดีวีดีเถื่อนขาย ฯลฯ
2
จริงหรือไม่ที่เราเรียนวิชาบ้าพวกนี้ไปทำไมก็ไม่รู้? จำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้วิชาที่ “รู้ไปทำไม?” ?
สังคมมนุษย์ต่างจากสังคมสัตว์ส่วนใหญ่ตรงที่เราจัดระบบการดำเนินชีวิตของปัจเจก แบ่งหน้าที่กันทำเพื่อจะลดงานของแต่ละคนลง และที่สำคัญจะได้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาย ได้งานที่ดีที่สุดเพราะผู้เชี่ยวชาญทุ่มกำลังความคิดและพลังงานทั้งหมดกับงานประเภทเดียว
เราเป็นสัตว์โลกที่รู้จักมองไกลไปในอนาคต เราคาดการณ์ปัญหาก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง มันเป็นกระบวนการหนึ่งเพื่อความอยู่รอดของเรา ยิ่งเรารู้มากเท่าไร โอกาสรอดของสายพันธุ์ก็สูงขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่การจะทำอย่างนี้ได้ เราต้องมีองค์ความรู้ที่กว้างพอ องค์ความรู้ระดับนี้มาจากความคิดที่หลากหลาย
1
ความหลากหลายของความคิดมาจากการรู้รอบด้านและทดลองหาทางสายใหม่ การรู้รอบด้านและทดลองหาทางสายใหม่มาจากการวางรากฐานเด็ก ๆ ด้วยการเรียนรู้ทุกวิชาก่อน
ความรู้ไม่ใช่ผลไม้ที่มีอยู่ในป่าแล้วรอเราไปเก็บ มันไม่พอที่จะสร้างสังคมที่สมบูรณ์ขึ้น เราต้องการผลไม้ใหม่ ๆ ที่เราต้องค้นหาหรือสร้างขึ้นมาเอง และหนทางไปสู่ความรู้ใหม่ ๆ ก็คือการทดลองเรื่องประเภท ‘ทำไปทำไม?’ เช่นที่ ไมเคิล ฟาราเดย์ ทำ
ในวันนั้นเมื่อนายกรัฐมนตรีอังกฤษถามเขาว่า “แล้วมันใช้ประโยชน์อะไรได้?” ฟาราเดย์ตอบว่า “แล้วทารกแรกเกิดใช้ประโยชน์อะไรได้?”
3
บุคคลสำคัญและผู้สร้างสรรค์สิ่งสำคัญของโลกทุกคนล้วนเป็นทารกไร้ประโยชน์มาก่อนทั้งสิ้น! งานนวัตกรรมทุกชิ้นเป็นทารกแรกเกิด มันอาจโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ หรืออาจตายเสียก่อน เราไม่มีทางรู้จนกว่าจะลองเลี้ยงทารกคนนั้น
3
‘ทารกแรกเกิด’ ที่ดูไร้ประโยชน์ของฟาราเดย์กลายเป็นรากฐานให้ เจมส์ คลาร์ก แมกซเวลล์ สานต่อ แล้วต่อมาเป็นรากฐานให้ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ พัฒนาความคิดของเขา ต่อยอดกลายเป็นการค้นพบอันยิ่งใหญ่แห่งสหัสวรรษ!
2
แต่ละวิชาในโลกดูแตกต่างกัน แต่ทุก ๆ ศาสตร์เชื่อมต่อกัน คณิตศาสตร์เชื่อมกับฟิสิกส์ ชีววิทยาเชื่อมกับเคมี เคมีเชื่อมกับกายวิภาคศาสตร์ ประวัติศาสตร์เชื่อมกับภูมิศาสตร์ ฯลฯ การรู้เพียงจุดเดียวทำให้โลกทัศน์ของเราไม่กว้างพอ การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์จำเป็นต้องมีความรู้รอบด้าน ยกตัวอย่างเช่น หากเรารู้เรื่องโครงสร้างอาคารและวัสดุก่อสร้าง เราก็สร้างตึกได้ แต่มันไม่ได้แปลว่าเราเป็นสถาปนิก การเป็น ‘สถาปนิก’ ต้องมีองค์ความรู้และภูมิปัญญากว้างกว่านั้นมาก ต้องรู้ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ชีววิทยา ปรัชญา สังคม วัฒนธรรม จิตวิทยา ดาราศาสตร์ ฯลฯ ต้องเข้าใจจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ ต้องรู้ว่างานชิ้นหนึ่งสร้างผลกระทบต่อเพื่อนมนุษย์ สังคม และโลกอย่างไร
1
เช่นกัน การเป็นพระต้องรู้มากกว่าแค่บทสวด พระธรรม ศีลธรรม ‘พระ’ ต้องรู้ประวัติศาสตร์ ปรัชญา สังคม วัฒนธรรม จิตวิทยา ดาราศาสตร์ จักรวาลวิทยา ฯลฯ พระจะบรรลุธรรมได้อย่างไรหากไม่รู้ว่าคนมาจากไหน
ความรู้เป็นตัวขยายสมอง เปิดโลกทรรศน์ เปิดประตูสู่ดินแดนใหม่ ๆ เราต้องไม่กลัวการก้าวไปสู่พื้นที่ใหม่ พื้นที่ที่ไม่มีใครเคยไปมาก่อน ปริมาณและคุณภาพของความรู้และปัญญาจะกำหนดว่าเราเป็นมนุษย์แบบไหน วิชาการต่าง ๆ จึงจำเป็นต่อเรา และแม้ว่าความรู้ที่มีอยู่ในโลกตอนนี้เรียนทั้งชีวิตก็ไม่หมด แต่มันก็ยังน้อยเกินไป! ยังมีความรู้ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้นรอเราอยู่ และความรู้เหล่านั้นอาจเปลี่ยนมนุษยชาติและสรรพชีวิตในโลกในทางที่ดีขึ้น
2
ดังนั้นการมองการเรียนด้วยมุมมองเดิม ๆ มุมมองเดียวจึงอาจพลาดโอกาสได้ ประโยค “เธออ่านอะไรยากจัง” “รู้ไปทำไม?” “เรียนไปทำไม?” เหล่านี้ทำลายโอกาสการสร้างนวัตกรรมมามากแล้ว
1
แน่ละ มันย่อมไม่ใช่ความผิดของคนถาม “มันใช้ประโยชน์อะไรได้?” และ “รู้ไปทำไม?” เพราะความสามารถมองไกลกว่าสิ่งที่โลกมี สิ่งที่โลกเป็น และมองเห็นสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่ในโลกนั้นไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะคนที่มีความรู้รอบตัวไม่มากพอ ไม่เปิดสมองกว้างพอ และไม่เปิดใจกว้างพอ
บนโต๊ะทำงานของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ วางรูปถ่ายของบุคคลสามคนที่เป็นไอดอลของเขา ไอแซค นิวตัน, ไมเคิล ฟาราเดย์ และ เจมส์ คลาร์ก แมกซเวลล์ เพื่อเตือนใจว่าเขากำลังยืนอยู่บนรากฐานของคนรุ่นก่อนซึ่งคิดค้นสิ่งที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์ รอให้เขาสานต่อเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ความรู้ต่อยอดความรู้ คลื่นต่อยอดคลื่น
1
กระบวนการต่อยอดทางปัญญาหยุดเมื่อไร ไม่เพียงเราจะเดินถอยหลัง แม้แต่มนุษยชาติก็อาจสิ้นสุดไปด้วย
2
ย่อความจาก วิชาที่ไร้ประโยชน์ จากหนังสือ #ชีวิตเป็นเรื่องชั่วคราว ซื้อตรงจากนักเขียนได้ที่ http://www.winbookclub.com/shopping.php (หมวดแนวกำลังใจ)
1
โฆษณา