13 มี.ค. 2022 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
“เด็กบ้านรวย” กับ “เด็กเรียนเก่ง”
ใครจะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน?
1
เคยไหมครับ? ที่เราพยายามทำอะไรสักอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังแพ้คนอื่นอยู่ดี ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จ จนรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า “หรือเราจะไม่ได้เก่งจริงๆ? หรือเรายังพยายามไม่มากพอ?”
บางครั้งเรื่องนี้ อาจไม่ใช่แค่การคิดไปเอง แต่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือมารองรับ
งานวิจัยดังกล่าวชื่อว่า “Born to Win, Schooled to Lose” (เกิดมาเพื่อเป็นผู้ชนะ ร่ำเรียนมาเพื่อเป็นผู้แพ้) ของสถาบัน Georgetown Center on Education and the Workforce (CEW) โดยเก็บข้อมูลจากประชากรอเมริกันเป็นส่วนใหญ่ เพื่อหาคำตอบของสมมติฐานที่ว่า “ความรวย” คือเครื่องชี้วัดความสำเร็จ ได้มากกว่า “การศึกษา” นั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่?
1
มีการทดสอบวัดความสามารถ ตั้งแต่ช่วงชั้นอนุบาลศึกษาไปจนถึงวัยทำงาน โดยใช้วิชาคณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือบ่งชี้ แล้วจัดแบ่งประชากรออกเป็นกลุ่มๆ ด้วยเกณฑ์
-ประวัติการศึกษา
-รายได้ สถานะทางสังคม
-สภาพเศรษฐกิจของครอบครัว
-ระดับการศึกษาของผู้ปกครอง
-อาชีพของผู้ปกครอง
8
[“เด็กเก่ง แต่ยากจน” มักสู้ “เด็กอ่อน แต่บ้านรวย” ไม่ได้!]
2
จากการวิจัยนี้พบว่า คนที่มีฐานะทางครอบครัวยากจน แต่สามารถทำคะแนนสอบได้สูงสุดนั้น จะสามารถเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย ได้เพียงแค่ 31% เท่านั้น และเมื่อสำเร็จการศึกษา ทำงานตอนอายุราว 25 ปี ก็จะได้ค่าแรงเฉลี่ยปีละ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือราว 1.1 ล้านบาท) และคนกลุ่มนี้ราว 76% ก็สามารถเลื่อนชั้นทางเศรษฐกิจ-สังคมได้
ส่วนคนที่มีฐานะทางครอบครัวร่ำรวย แต่ทำคะแนนสอบได้ต่ำสุด กลับได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยมากถึง 71% เมื่อทำงานตอนอายุราว 25 ปี ก็จะได้ค่าแรงเฉลี่ยพอๆ กัน (ทั้งที่ความสามารถต่างกัน) และ 91% ของคนกลุ่มนี้ยังสามารถรักษาสถานะทางเศรษฐกิจ-สังคม เอาไว้ได้
การวิจัยนี้จึงสรุปได้ว่า เด็กที่มีความสามารถ แต่มาจากครอบครัวยากจน มักจะไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน โดยมีโอกาสเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยน้อยกว่า และทำงานได้รับค่าแรงน้อยกว่าที่ควร เมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่เก่ง แต่มาจากครอบครัวฐานะร่ำรวย
[เด็กไม่ประสบความสำเร็จ เป็นความผิดของใคร?]
เมื่อมีเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา หรือไม่ประสบความสำเร็จ สังคมก็มักกล่าวโทษว่า เด็กคนนั้นมีความพยายามไม่มากพอ ซึ่งนั่นก็อาจจะจริงบางส่วน เพราะแต่ละคนมีอุปสรรคไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าจะลุกขึ้นสู้ หรือยอมแพ้
5
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัจจัยสู่ความสำเร็จมันซับซ้อนยิ่งกว่านั้น หลายคนมองข้ามพื้นฐานการเลี้ยงดู และฐานะทางครอบครัวของเด็ก
ครอบครัวที่มีฐานะดี สามารถใช้เวลากับลูกได้มากกว่าครอบครัวที่มีฐานะยากจน และเข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆ ได้มากมาย หรืออย่างน้อยหากพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ ก็ยังสามารถจ่ายเงินลงทุน เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของลูกในด้านต่างๆ ได้ ซึ่งจากงานวิจัยชิ้นเดียวกัน พบว่าในปี 2016 ครอบครัวที่ร่ำรวยใช้จ่ายไปกับกิจกรรมของเด็ก มากกว่า 8,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 272,000 บาท)
1
ขณะที่ฝ่ายพ่อแม่ของเด็กยากจนนั้น หมดเวลาไปกับการหาเช้ากินค่ำ และแทบไม่มีทางเลือกใดๆ ในชีวิต โดยใช้จ่ายไปกับกิจกรรมของเด็ก เพียงแค่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 54,000 บาท)
1
ด้วยความเหลื่อมล้ำดังกล่าว จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมรัฐบาลแต่ละประเทศควรมีนโยบายทางการศึกษาที่เท่าเทียม กระจายความเจริญไปยังโรงเรียนในพื้นที่นอกเมือง ให้เกิดการพัฒนาเทียบเคียงกับโรงเรียนใหญ่ในเมือง เพื่อให้เด็กๆ ที่ยากจนสามารถเข้าถึงโอกาสในชีวิต ได้เหมือนกับเด็กที่มาจากครอบครัวร่ำรวย
4
เพราะ “การศึกษา” คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยยกระดับฐานะของมนุษย์นั่นเอง
#วางแผนการเงิน #ออมเงิน #การศึกษา #เรียนออนไลน์
#FinancialPlanning101 #aomMONEY
◤ = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
aomMONEY กำลังเปิดรับเพื่อนร่วมทีมเพิ่ม!
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = ◢
.
🔥 Senior Content Manager
(บก. เพจ aomMONEY)
ดูรายละเอียดและสมัครเลย! https://bit.ly/3oHJyXt
.
🔥 Junior Content Manager
(รองบก. เพจ aomMONEY)
ดูรายละเอียดและสมัครเลย! https://bit.ly/3uTUTHX
1
◤ = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
aomMONEY ก้าวแรกสู่ความสำเร็จทาง "การเงิน"
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = ◢
.
👍 ชอบกด Like โดนใจ กด Share
และอย่าลืม ✅ See First
เพื่อที่จะได้ไม่พลาดข่าวสารใหม่ ๆ ก่อนใคร
.
ติดตามความรู้ทางการเงินในช่องทางอื่นๆ ได้ที่
📌 กลุ่มกองทุนไหนดี https://bit.ly/3aOjgMl
.
สนใจโฆษณาติดต่อ :
👉 Tel: 092-264-5499 (คุณแน้ม บ.ก.aomMONEY)
โฆษณา