1. เปลือกกล้วยที่หลายๆคนมักโยนทิ้งเมื่อกินเสร็จจริงๆแล้วเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของดินเลยเพราะเต็มไปด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุที่จะเป็นต่อดินอีกนับไม่ถ้วนซึ่งวิธีการในการนำเปลือกกล้วยมาใช้บำรุงดินก็มีด้วยกันหลายวิธีไม่ว่าจะบดเปลือกกล้วยแล้วนำไปตากแห้งจากนั้นก็นำไปผสมกับปุ๋ยหรือดิน หรือจะใช้ทั้งเปลือกเลยก็ได้แต่ต้องฝังลงไปในดินให้ลึกอย่างน้อย 4 นิ้ว แล้วกลบให้มิดชิด

2. กากกาแฟเพียงแค่คลุกกากกาแฟกับดินก็ช่วยเพิ่มสารอาหารได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นไนโตรเจน แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และทองแดง ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่ต้นไม้ต้องการ แถมยังทำให้เกิดจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ช่วยดึงดูดไส้เดือนดินเข้ามาชอนไช ที่สำคัญแม้จะไม่ได้ชงกาแฟดื่มเองก็ยังเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายมาก ๆ เพราะสามารถหาซื้อได้ทั่วไปได้จากร้านกาแฟต่าง ๆ

3. ขี้เถ้า สำหรับดินที่มีปัญหาดินเปรี้ยวหรือดินกรดที่มีความเป็นกรดสูง แนะนำให้โรยขี้เถ้าลงไปรอบ ๆ โคนต้นไม้ ก็จะช่วยปรับสภาพดินให้มความเป็นด่างเพิ่มขึ้นได้ นอกจากนี้ในขี้เถ้ายังอุดมไปด้วยโพแทสเซียมและแคลเซียม ที่จะช่วยเร่งดอกไม้ให้บานสะพรั่ง เช่น ไลแลค (Lilac) กุหลาบ และไฮเดรนเยีย

4. วัชพืช ถึงแม้ว่าวัชพืชจะเป็นศัตรูตัวฉกาจของต้นไม้ แต่บางชนิดก็สามารถนำมาใช้บำรุงดินได้ เช่น ต้นตำแย โดยนำต้นที่ไม่มีดอกไปตากแดดให้แห้งทั้งต้นและราก เพื่อป้องกันไม่ให้หญ้าเจริญเติบโตได้อีก แล้วนำไปคลุมหน้าดิน ก็จะช่วยเพิ่มไนโตรเจนให้กับต้นไม้ได้

5. เปลือกไข่ ถึงแม้ในเปลือกไข่จะมีโพแทสเซียมและไนโตรเจนไม่เยอะเท่ากับของเหลือใช้อื่น ๆ แต่ต้องบอกเลยว่าเปลือกถือเป็นแหล่งแคลเซียมชั้นดีเลยทีเดียว แถมยังช่วยป้องกันไม่ให้หอยทากมากัดกินต้นไม้ของเราได้ด้วย โดยการบดเปลือกไข่แล้วโรยไปบนหน้าดินรอบ ๆ โคนต้นไม้

6. เปลือกหอยนางรม รู้ไหมคะว่าเราสามารถนำเปลือกหอยนางรมมาทำเป็นปุ๋ยละลายช้าได้ ซึ่งจะเหมาะมาก ๆ สำหรับต้นไม้ที่ต้องการดินที่มีความเป็นด่าง เพราะในเปลือกหอยนางรมมีแคลเซียมคาร์บอเนต สารอาหารที่ช่วยปรับให้ดินเป็นด่าง ส่วนวิธีก็คล้าย ๆ กับการใช้เปลือกไข่เลยก็คือ นำเปลือกหอยนางรมมาบดให้แตกละเอียดแล้วนำไปโรยรอบ ๆ ต้นไม้เท่านั้นเอง

7.น้ำจากตู้ปลา เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนน้ำในตู้ปลา คราวหน้าเปลี่ยนจากการเททิ้งเป็นการนำไปรดน้ำต้นไม้แทนดีกว่า เพราะน้ำในตู้ปลามีสารอาหารที่ช่วยบำรุงดินและต้นไม้อยู่เพียบ ไม่ว่าจะเป็นไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม แต่ทั้งนี้ควรเป็นน้ำที่ไม่มียาปฏิชีวนะหรือยาอื่น ๆ เจือปน เพราะสารจากยาเหล่านี้จะไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียดี ๆ ในดินนั่นเอง