13 มี.ค. 2022 เวลา 00:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ
💻Leading และ​ Lagging Indicators ต่างกันยังไง
Leading และ​ Lagging Indicators คิดว่า หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินว่ามันคืออะไร Leading และ​ Lagging Indicators นี้รูปแบบการแสดงผลของ Indicators ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จัก Leading และ​ Lagging Indicators รวมไปถึงข้อดีและข้อเสีย
Indicators แบบ Lagging 💻
เป้น Indicators ที่จะนำข้อมูลในอดีตมาคำนวนทางคณิตศาสตร์แล้วนำมาแสดงผลบนกราฟ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมารูปแบบ ค่าเฉลีย ซึ่งทำให้ Lagging มีความล่าช้าตามซื่อของมันเลย Lagging (ล่าช้า)
Lagging indicator ที่พบบ่อยที่สุดคือ ค่าเฉลี่ยการเคลื่อนที่อย่างง่าย, Relative Strength Index (RSI), Stochastic Oscillator หรือ Moving Average Convergence Divergence (MACD).
ข้อดี ✅
สัญญาณที่ได้จาก Lagging จะมีความแข็งแรงสูง เพราะเกิดจากนำข้อมูลในอดีตมาคำนวณ ยิ่งเวลาที่ในการคำนวณยิ่งเยอะมากขึ้น สัญญาณที่ได้ออกมาก็ยิ่งแม่นยำมากขึ้น
ข้อเสีย ❌
ความล่าช้าของสัญญาณ ยิ่งใช้ข้อมูลที่เยอะ สัญญารที่ออกมาก็จะยิ่งล่าช้า
Indicators แบบ Leading indicator📐
ก็เป็น Indicators ที่ใช้ข้อมูลในอดีตเหมือนกัน แต่ไม่ใช้ในการคำรวณทางคณิตศาสต์ แต่ใช้เป็นเพียงจุดดูสถานการณ์ของราคา และทำนายอนาคต Leading indicator จะมีความเร็วและคาดการณ์ราคาได้
Leading indicator ที่พบบ่อยที่สุดเช่น Fibonacci retracements, Donchian channel และระดับ แนวรับและแนวต้าน ระดับ
ข้อดี ✅
มีความเร็ว และสามารถที่จะคาดการราคาได้ หรือบอกระดับราคาที่สำคัญได้
ข้อเสีย❌
มีความผันผวนและมีสัญญาณหลอกเยอะ
cr. อ่านเพิ่มเติมได้ที่
cr.image
สนับสนุนบทความนี้ด้วยการส่งเพชร 💎ส่งดาว🌟 และกดติดตาม
ใน Blockdit ของเรา
โฆษณา