13 มี.ค. 2022 เวลา 03:52 • คริปโทเคอร์เรนซี
วันที่ 6 มีนาคม 2565 ผล RT-PCR ของผม ได้ชี้ชัดว่า Detected เชื้อ Covid-19 สิ่งนี้เป็นเรื่องไม่คาดฝันที่สุดเท่าที่ผมเจอมาในช่วงนี้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมไม่สามารถไปศึกษาหาข้อมูลที่โรงเรียนได้ และต้องปรับตัวตามมาตรการ แต่ก็ช่างมันเถอะครับ อะไรที่มันเกิดไปแล้วเราก็ต้องยอมรับแล้วก็ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์
ในสัปดาห์นี้ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่ชื่อว่า The bitcoin Standard ระบบการเงินทางเลือกใหม่ไร้ศูนย์กลาง ตัวหนังสือเล่มนี้เล่าถึงประวัติความเป็นมาของเงินตราและระบบการแลกเปลี่ยนในอดีต
เริ่มต้นที่ยุคแรกมนุษย์ใช้การแลกเปลี่ยนโดยตรงหรือเรียกว่า บาร์เตอร์ (Barter)​ เป็นการแลกเปลี่ยนที่เกิดจากความพึงพอใจทั้งสองฝ่ายเพราะฉะนั้นมักจะเกิดเพียงแค่กลุ่มเล็กๆเท่านั้น
แต่ก็ประสบปัญหาโดยมี 3 เหตุการณ์ เหตุการณ์แรกคือ นาย A ต้องการซื้อบ้านด้วยรองเท้า 1 คู่ แน่นอนว่าในเชิงมูลค่าแล้วรองเท้า 1 คู่และไม่สามารถแลกบ้านได้ และหากว่านาย A ต้องการจะแลกรองเท้าหลายคู่เพื่อจะได้บ้านเจ้าของบ้านน่ะก็ไม่ต้องการรองเท้าหลายคู่เหมือนกัน สุดท้ายก็คือเจ้าของบ้านไม่สามารถแยกย่อยบ้านเพื่อแลกเปลี่ยนกับรองเท้าเพียง 1 คู่ได้ ปัญหานี้ชื่อว่า Coincidence of scale
เหตุการณ์ที่ 2 ถ้านาย A ต้องการแลกแอปเปิ้ลกับ บ้าน ปัญหาคือแอปเปิ้ลสามารถเน่าเสียได้ นั่นหมายความว่า Apple จะเสียมูลค่าไปตามกาลเวลา ปัญหานี้เรียกว่า Coincidence in time frame
เหตุการณ์ที่ 3 นาย A ต้องการแลกบ้านกับรถยนต์ปัญหาคือเราไม่สามารถเคลื่อนย้ายบ้านได้ในกรณีที่อีกคนไม่ต้องการย้ายที่อยู่ เรียกว่า Coincidence of location
ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงได้คิดการแลกเปลี่ยนทางอ้อมหรือ indirect Exchange โดยการหาตัวกลางเช่นหิน หอย ลูกปัด โดยมีปัจจัยสำคัญคือ 1 แยกย่อยและรวมเป็นชิ้นใหญ่ได้ 2 ไม่สูญเสียมูลค่าตามกาลเวลา 3 เคลื่อนย้ายได้พกพาสะดวก
ต่อไปเรามาเข้าใจ Stock-to-flow กันก่อน Stock คือจำนวนสินค้าในปัจจุบัน และ Flow คือปริมาณของสินทรัพย์ที่ถูกผลิตเพิ่มขึ้นในเวลาผ่านมา เพราะฉะนั้นสินค้าที่มี Stock-to-flow ต่ำเป็นสินค้าที่ผลิตออกมาง่ายทำให้ Supply ล้นจะทำให้ของสิ่งนั้นเสียมูลค่าไปอย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกันสินค้าที่มี Stock-to-flow สูง เป็นสินค้าที่ผลิตออกมายากและยังมีความสามารถในการเก็บรักษามูลค่าไว้ได้ จะเห็นได้ว่าเรามักใช้สิ่งหายากเป็นตัวกลาง มีของบางสิ่งหาง่ายขึ้นคนก็จะเปลี่ยนไปใช้อีกอย่างยกตัวอย่างเช่นในคุก ยังมีตัวการแลกเปลี่ยนอย่างบุหรี่เพราะว่าเป็นของที่หายากในคุก
เมื่อเทคโนโลยีเข้ามา ทำให้เงินหรือตัวกลางดึกดำบรรพ์หายไปมันก็ทำให้เราได้สร้างอีกขั้นของเงินด้วยการใช้แร่ที่มีค่าของตัวมันเองอยู่แล้วเช่นโลหะหรือทองมาทำเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยน
เงินที่มีส่วนผสมของโลหะก็เป็นตัวการแลกเปลี่ยนด้วยเหตุผลเดียวกันตาม 3 Coincidence เพราะว่ามันแยกย่อยได้ มันพกพาได้ แล้วมันไม่เสียมูลค่าไปตามกาลเวลา
แต่ปัญหาคือ มันอาจเสียมูลค่าไปถ้าเกิดการผลิตที่มากเกินไป และอีกอย่างคือการปลอมแปลงผู้ปลอมแปลงหัวใสเนี่ยสามารถลดปริมาณโลหะที่ประกอบในเหรียญเพื่อลดต้นทุน
สุดท้ายเรามาถึงแล้วปัจจุบันเราได้ใช้เงินตราของรัฐบาลหรือเรียกว่า "Fiat money" มันเป็นกระดาษที่ผูกความน่าเชื่อถือไว้กับทองหรือพูดง่ายๆว่าทองเป็นตัวค้ำประกันการมีค่าของเงินกระดาษ ปัญหาคือเราจะรู้ได้ไงว่าเขามีทองไปค้ำจริงหรือไม่? ด้วยเหตุนี้ทำให้คนไม่เชื่อใจเงินจากรัฐบาล พวกเขาจึงหันไปสนใจใน Bitcoin และคริปโตเคอเรนซี่ (Cryptocurrency) ที่ไร้ศูนย์กลาง (Decentralize)
เนื้อหาทั้งหมดเป็นเนื้อหาที่ผมได้อ่านเพียงหน้า 1-120 หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ขอบคุณที่รับอ่าน รับชมกัน
โฆษณา