เสี่ยสั่งลุย หรือ เสี่ยสั่งถอย
โดย มิสมาต้า
ถ้า โรมัน อบราโมวิช เป็นเสี่ยหมีตัวจริงเสียงจริงทั้งตัว และ หัวใจ บางทีเขาอาจจำเป็นต้องทำตัวเป็นหมีจำศีล แล้วยอมใช้หัวใจหมีด้วยความอดทนอย่างเสียสละต่อมาตรการที่รัฐสภาออกกฎหมายฉุกเฉิน เพื่อให้รัฐบาลอังกฤษนำไปจัดการกับเครือข่ายของรัฐบาลรัสเซีย
อบราโมวิช ไม่ใช่เป็นบุคคลเดียวที่ถูกเล่นงาน เพราะเขาคือ 1 ใน 204 บุคคลที่ถูกทางการหมายหัวเอาไว้ในประกาศฉุกเฉิน ฉบับที่ลงวันที่ 10 มีนาคม ปี 2022 ซึ่งมีชาวยูเครน และ คนสัญชาติอื่นๆ อยู่ในบัญชีนั้นด้วย
และ เชลซี ไม่ใช่เอกชนแค่รายเดียวที่ถูกหางเลข แต่ที่โดนอายัดก็เพราะว่า เชลซี คือหนึ่งในกิจการของ อบราโมวิช ที่เป็นเจ้าของโรงถลุงเหล็กที่ชื่อ Evraz PLC ที่ผลิตสินค้าจากแร่เหล็กส่งให้กับกองทัพรัสเซีย เขาจึงถูกใส่รายชื่อเอาไว้ในลำดับที่สองของประกาศ เนื่องจากเป็นการเรียงตามอักษร ไม่ใช่เพราะความเข้มข้นจากความใกล้ชิดกับรัสเซีย
ไม่ว่าในอดีตเขาจะเคยเป็นสมาชิกของกลุ่ม Oligarch หรือ กลุ่มครอบครัว ที่เหลือรอดมาจากการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลของรัฐบาลรัสเซีย หรือ เป็นเพียงนักธุรกิจที่ร่ำรวยระดับโลก แต่สำหรับสหราชอาณาจักร เขาคือกลุ่มเสี่ยงที่เป็นกระเป๋าเงินของรัฐบาลรัสเซีย
สโมสรฟุตบอลเชลซีที่มีเขาเป็นเจ้าของจึงตกกระไดพลอยโจนไปด้วย พรีเมียร์ ลีก จึงลงดาบครั้งล่าสุดด้วยการถอด อบาโมวิช ออกจากการเป็นเจ้าของทีมไปก่อน
มาตรการต่างๆ ที่ออกมาเล่นงานเชลซี ล้วนถูกตีว่าเป็นความจงใจ ซึ่งถ้่านี่เป็นสถานการณ์ธรรมดา มาตรการเหล่านี้ย่อมไม่ยุติธรรมอย่างแน่นอน
แต่ถ้าเราเข้าใจว่า "สงคราม" ไม่เคยมีความยุติธรรมใดๆ อยู่แล้ว การกระทำด้วยกรรมวิธีต่างๆ ต่อคู่สงคราม ก็ย่อมไม่มีความยุติธรรมอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน ถ้าหากไม่ถล่มด้วยอาวุธ ก็ย่อมต้องเป็นมาตรการคว่ำบาตร และ ตัดท่อน้ำเลี้ยงเหมือนสมรภูมิรบทั่วไป
เราคงไม่ต้องเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในสงครามนี้ และ เราคงไม่ต้องมาถกเถียงกันเรื่องความเหมาะสมใดๆ ทั้งสิ้น
แต่เราควรจะมาคาดการณ์กันว่า อนาคตของเชลซีจะไปในทางใด
::
ผู้เขียนหยิบเอารหัสคำพูดของ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของความร่ำรวย 11.12 พันล้านปอนด์ จากการประเมินของฟอร์บส ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า
เขาจะนำเงินที่ได้จากการขายเชลซีไปช่วยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม
แม้ อบราโมวิช จะไม่ได้เอ่ยว่าเป็นเงินทั้งหมด หรือ เฉพาะกำไรหลังหักค่าใช้จ่าย แต่เอาเป็นว่าเขาได้แสดงเจตนารมณ์เอาไว้แล้ว
แต่ปัญหาคือ ราคา 3 พันล้านปอนด์ที่เขาตั้งไว้ สูงกว่ามูลค่าที่ เชลซี เคยถูกประเมินเอาไว้ราว 300-500 ล้านปอนด์ แถมด้วยในสถานการณ์คนซื้อเป็นต่อ คนขายอ่อนแรง เศรษฐีที่ไม่เคยมีรายใดไร้เขี้ยวย่อมมองออกว่าราคาที่ตั้งเอาไว้นั้นสูงเกินไป
อบราโมวิช จึงเหลือเพียงสามทางเลือกให้ เชลซี นั่นก็คือ
1. ยื้อเอาไว้จนกว่าสงครามจะสงบ แล้วใช้ความบริสุทธิ์ของตนเองพิสูจน์ให้รัฐบาลเห็นว่า เขาไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจที่เครมลิน
Evraz แม้จะขายเหล็กในการผลิตอาวุธให้รัฐบาล แต่นั่นคือการทำธุรกิจที่ขนาด สตาร์ค อินดัสทรี ในหนังไอรอนแมนก็ทำเช่นกัน
แต่เขาคงไม่เสียสละเหมือนที่ โทนี สตาร์ค ทำในหนัง เพราะเขาย่อมไม่มีวันขายหุ้นทั้งหมดทิ้งเพื่อโชว์ว่าตนบริสุทธิ์ใจ เหมือนสมัยที่ส่งมอบสัมปทานหลายอย่างกลับคืนให้รัฐบาล ทั้งแบบได้เงินคืน และ ไม่ได้อะไรกลับคืน เพื่อแลกกับการอยู่รอด
2. ยอมมอบอำนาจทั้งหมดให้กองทุนพิเศษ ที่ตั้งขึ้นโดยรัฐบาลอังกฤษไปดูแลเรื่องการซื้อขายกิจการแทน
ซึ่งเงินทั้งหมดจะถูกอายัดไว้ แล้วกองทุนก็อาจจะอ้างคำพูดของเขาด้วยการนำเงินทั้งหมดไปใช้ในกิจกรรมช่วยเหลือเหยื่อสงครามดังกล่าว
ทางออกนี้น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด และ น่าจะไร้แรงต่อต้านอีกด้วย
และ 3. ใช้สันติอหิงสาในการต่อต้าน อบราโมวิชจะไม่ยอมมอบอำนาจให้กองทุนพิเศษ และ เนื่องจากว่านี่คือการแช่แข็งด้วยการอายัด ไม่ใช่การยึดทรัพย์ เขาอาจเลือกทางนี้ในการต่อสู้
นอกจากรัสเซียจะเริ่มต้นทำตามคำขู่ด้วยการยึดกิจการของชาติคู่ปรับทุกอย่างในประเทศ เพื่อเป็นการตอบโต้การคว่ำบาตร เมื่อนั้น เชลซี และ ทรัพย์สินของ 204 บุคคลในแบล็คลิสต์ + 65 บริษัทในแบล็คลิสต์ ก็จะถูกยึดไม่ต่างกัน
ประกอบกับเขาอาจคาดการณ์ล่วงหน้าว่า รัฐบาลจำเป็นต้องผ่อนปรนกฎต่างๆ ที่ออกมาบังคับ ซึ่งตอนนี้มีการผ่อนให้แล้ว เพราะถ้าหาก เชลซี เสียหายจากมาตรการเหล่านี้จนส่งผลในสนามแข่ง เมื่อนั้นกระแสต้านจากแฟนบอลจะเริ่มก่อตัวขึ้น และ เรื่องกีฬาต้องแยกจากสงครามก็จะถูกนำมาใช้ ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่แฟนบอลของเชลซีเท่านั้นที่จะออกมาประท้วง
เพราะวันใดที่รัฐบาลยังให้กองทุนดูแล ความรับผิดชอบทั้งหมดจะเป็นทั้งน้ำ และ ไฟในเวลาเดียวกัน อย่าลืมว่า เชลซี ไม่ใช่ทีมเล็ก และ พวกเขาไม่ได้ทำผิดกติกาข้อใดของทุกองค์กรด้านฟุตบอล พวกเขาจึงถือแต้มต่อในข้อนี้อยู่พอสมควร
กองทุนพิเศษก็ต้องดูแลด้วยความใส่ใจ และ เลือกเจรจาหาทางขายที่ไม่ทำให้สโมสรได้เจ้าจองทีมที่หิวเงินมาครอบครอง จนทำความเสียหายในอนาคต ซึ่งทั้งหมดต้องใช้เวลาพอสมควร อาจจะ 1-3 ปี เพื่อติดตามประวัติ และ ดูว่าตัวเลขการยื่นราคาของผู้สนใจอยู่ที่เท่าไร
จริงอยู่ที่แฟนบอลเชลซี 100% รัก โรมัน อบราโมวิช แต่ถ้าพวกเขามองว่าเจ้าของทีมของพวกเขามีความคลุมเครือกับอริของประเทศ (แน่นอนค่ะว่า พวกเขามองต่างไปจากแฟนบอลที่บ้านเรา) บางทีพวกเขาก็อยากให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี ด้วยการขอเจ้าของรายใหม่ที่มีใจรักฟุตบอล และ พร้อมทุ่มเทเพื่อทีม
หมากเกมนี้ อบราโมวิช มีสิทธิ์สูญทรัพย์เพราะการลั่นความต้องการของตนเองออกมา จึงทำให้รัฐบาลอังกฤษสามารถเล่นกับเวลาได้ เพียงแค่ต้องเล่นเป็น และ เข้าใจวัฒนธรรมฟุตบอลให้มากๆ เท่านั้นเอง
#PlayNowThailand #khelnow #football
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
