14 มี.ค. 2022 เวลา 11:03 • ข่าวรอบโลก
โลกในยุคของรถ EV อาจมาเร็วกว่าที่คาด
อัตราเติบโตแรงไม่หยุด จีน ยุโรป สหรัฐฯ ตลาดใหญ่สุด
น้ำมันแพง-การลดคาร์บอนฯ คือตัวเร่งสำคัญ
ราคาน้ำมันที่ยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ กลายเป็นหัวข้อการสนทนาของใครหลายคนที่บ่นถึงค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่แพงแซงค่าครองชีพ และมีจำนวนไม่น้อยกำลังหาทางหนีทีไล่จากราคาค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไปสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังเป็นเทรนด์ในยุคปัจจุบัน
1
อันที่จริงแล้วไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้นที่รู้สึกอยากมองหายานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยระบบแบตเตอรี่ แต่มันคือ ‘Mega Trend’ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งหลายประเทศได้มุ่งสู่เทรนด์นี้ไปก่อนหน้าประเทศไทยหลายปีอย่างจริงจัง และขยับสัดส่วนของรถ EV ที่วิ่งบนท้องถนนให้มีสัดสัดส่วนเทียบเท่ากับรถยนต์ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล
2
ปัจจุบันมีรถ EV วิ่งบนท้องถนนทั่วโลกเกือบ 13 ล้านคัน โดยจำนวนนี้ราว 8.5 ล้านคันเป็นยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษเป็น0 หรือ Zero-Emission Vehicles (ZEV) อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าจากแบตเตอรี่หรือเซลล์เชื้อเพลิงก็ตาม
โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 ยอดจำหน่าย EV เพิ่มขึ้น 140% จากช่วงเดียวกันของปี 2019 ซึ่งคิดเป็น 7% ของยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งทั่วโลก ซึ่งเปรียบเทียบกับเพียง 2.6% ในปี 2019 ซึ่งเป็นปีของการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติครั้งล่าสุด
2
ขณะที่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2021 ยอดจำหน่ายของรถ EV ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 94% เมื่อเทียบเป็นรายปีหรือราว 1.7 ล้านคัน นี่เป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันที่มีการจำหน่ายรถ EV มากกว่า 1 ล้านคัน
🔵 จีนครองตลาดรถ EV ใหญ่ที่สุดในโลก
สำหรับตลาดหลักสำคัญที่ใหญ่ที่สุดคือประเทศจีน ซึ่งยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในระดับสูงในไตรมาสที่ 3 ปี 2021 หรือเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบเป็นรายปี เป็น 882,000 คัน การเติบโตได้รับแรงหนุนจากรถ EV รุ่นเรือธงต่างๆ ทั้งจากค่ายผู้ผลิต เช่น BYD, Tesla และ SAIC-GM-Wuling
1
จุดแข็งและความได้เปรียบของจีนคือ การที่รัฐบาลได้วางรากฐานเรื่องการพัฒนารถยนต์ EV ไว้อย่างเป็นระบบและจริงจังมาตลอด 20 ปี ทำให้จีนกลายเป็นประเทศชั้นนำในด้านนี้เป็นที่เรียบร้อย ด้านไม่ว่าจะเป็น แบตเตอรี่ โครงสร้างพื้นฐาน และแม้แต่การออกแบบ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ดูได้จากยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าของจีนในปี 2021 ที่ผ่านมา 5 บริษัทอันดับแรกที่ขายดีที่สุดทำยอดขายรวมกันไปมากกว่า 1,883,815 คันเลยทีเดียว
1
รวมถึงการเพิ่มจุดชาร์จไฟที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ในขณะที่เหล่าบรรดาเซมิคอนดักเตอร์ได้รับกระทืบหนักหนักในการผลิตและการขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ผู้ผลิตรถยนต์ได้จัดลำดับความสำคัญของการผลิตรถ EV ขึ้นมาเป็นอันดับแรกเพื่อตอบต่อการลดการพึ่งพาพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเป้าหมายไปสู่รถยนต์พลังงานชนิดใหม่
2
🔵 รถ EV ในยุโรปเติบโตรวดเร็ว
สำหรับยุโรปยอดจำหน่ายรถ EV เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาส 3 ปี 2021 โดย 21% ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่จำหน่ายในภูมิภาคนี้จึงมาพร้อมกับที่ชาร์ต ซึ่งเป็นได้รับความนิยมสูงสุดและได้รับการยอมรับในขณะนี้
BloombergNEF คาดว่าจะมีการจำหน่ายรถ EV ส่วนบุคคลมากกว่า 2.3 ล้านคันในยุโรปในปี 2021 โดยการเติบโตได้รับแรงหนุนจากกฎระเบียบการประหยัดน้ำมันที่เข้มงวด รวมถึงความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
ความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับรถ EV มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่ได้รับการสนับสนุนเงินอุดหนุนจำนวนมากในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร แม้ภาพรวมยอดขายรถยนต์ใหม่ในยุโรปจะตกลงกว่า 20% แต่ถ้านับเฉพาะ EV ตอนนี้มันกินส่วนแบ่งตลาดไปถึง 11% การเติบโตเหล่านี้ถูกกระตุ้นจากความจำเป็นที่ค่ายผู้ผลิตยานยนต์ทั้งหลาย เนื่องจากเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนฯ ของสหภาพยุโรปในปี 2025
2
สำหรับประเทศในกลุ่มยูโรโซนที่มีสัดส่วนการใช้รถ EV มากที่สุดคือ นอร์เวย์ที่มีอัตราการใช้รถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มากกว่า 50% ขณะที่ประเทศสวีเดน และฟินแลนด์ต่างก็มีการใช้งานมากถึง 25% เลยทีเดียว
2
แต่ก็มีอีกหลายประเทศที่ความนิยมรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่มากพอแม้จะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างอิตาลี ที่รถ EV ครองสัดส่วนบนท้องถนนเพียง 2% เท่านั้น โดยปัญหามาจากการเติบโตอย่างเชื่องช้าของโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่รองรับรถยนต์ EV โดยเฉพาะที่ชาร์จไฟสาธารณะที่ยังมีสัดส่วนที่น้อยและไม่เพียงพอ
🔵 สหรัฐฯ แก้กฎหมายเอื้ออุตสาหกรรมรถ EV
สำหรับยอดจำหน่ายรถ EV ในอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้น 63% เมื่อปี 2021 โดย Tesla ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งหมด แต่ก็ยังถือว่ามีสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายรถทั้งหมดโดยมีสัดส่วนคิดเป็น 5%
มีการคาดการณ์ว่ายอดจำหน่ายของรถ EV จะเเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2022 เนื่องจากกําลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและการเปิดตัวรุ่นใหม่
1
ในช่วงที่ผ่านมายอดจำหน่ายรถ EV ในอเมริกาเหนือถือว่าเติบโตช้ากว่ายุโรปและจีน แต่การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเมื่อเร็วๆ นี้ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์มีสัญญาณที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้แก่ กฎหมายการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในสหรัฐอเมริกา และกฎหมายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่สำคัญรวมถึงการปรับปรุงเรื่องของภาษีรถ EV ของรัฐบาลกลางที่มีส่วนช่วยสำคัญซึ่งจะช่วยขยายความนิยมการใช้งานรถ EV
1
หลายประเทศทั่วโลกกำลังมุ่งสู่การใช้พลังงานไฟฟ้ากับยานพาหนะส่วนบุคคล โดยสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ได้เพิ่มการคาดการณ์จำนวนยานพาหนะไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ในปี 2030 เพิ่มขึ้น 7% ตั้งแต่ปี 2019 ในขณะที่องค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ได้เพิ่มประมาณการในปี 2040 สำหรับยานพาหนะไฟฟ้าและเซลล์เชื้อเพลิงทั่วโลกขึ้น 11%
4
การสนับสนุนจากหลายภาคส่วน รวมถึงการปรับปรุงเทคโนโลยีแบตเตอรี่และต้นทุน โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จที่เร็วขึ้น รถยนต์รุ่นต่างๆ ที่เสนอให้กับลูกค้า และความสามารถในการเดินทางที่ระยะทางไกลมากขึ้นต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียว สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จะเป็นปัจจัยหนุนให้รถยนต์ไฟฟ้าจะยิ่งเติบโต
1
BloombergNEF พบว่าผู้ผลิตรถยนต์มุ่งมั่นที่จะบรรลุยอดจำหน่ายรถยนต์ปลอดมลพิษ 100% ภายในปี 2050 อย่างช้าที่สุดตอนนี้คิดเป็น 32% ของตลาดรถยนต์ทั่วโลก สอดคล้องกับเป้าหมายระดับชาติของสหรัฐฯ ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลเป็น 20% และการยุติการจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปให้ครอบคลุมสัดส่วน 1 ใน 4 ของยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ
นอกจากนี้ กลุ่มประเทศชั้นนำของโลกเป้าหมายร่วมกันที่จะเพิ่มสัดส่วนรถ EV ทั่วโลกให้ถึงเกือบ 41% ในปี 2035 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเพียง 8% ในปี 2019
Aleksandra O'Donovan นักวิเคราะห์ยานยนต์ไฟฟ้าของ BloombergNEF กล่าวว่า การจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปจำเป็นต้องหยุดลงประมาณปี 2035 เพื่อให้นำไปสู่การขนส่งด้วยระบบแบตเตอรี่ทางถนนทั่วโลกภายในปี 2050 รายงานนี้เน้นถึงความก้าวหน้าที่โดดเด่นเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากความทะเยอทะยานที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลชั้นนำและผู้ผลิตรถยนต์
อย่างไรก็ตาม ยังมีช่องโหว่อีกมากที่จะต้องแก้ไข หากเราต้องดำเนินการตามเส้นตายปี 2035 ทั่วโลก เป้าหมายที่ทะเยอทะยานกำลังถูกจับคู่มากขึ้นโดยนโยบายและข้อบังคับที่กระตุ้นการเติบโตของตลาดสำหรับรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็น 0 มาตรฐานการปล่อยคาร์บอนฯ ที่เสนอโดยสหภาพยุโรปบอกเป็นนัยว่า รถยนต์ไฟฟ้าควรมีสัดส่วน 25%-32% ของยอดขายในกลุ่มภายในปี 2025 และ 60%-83% ภายในปี 2030
1
╔═══════════╗
ไม่พลาดบทความสาระดีๆ ที่ Reporter Journey ตั้งใจสร้างสรรเพื่อผู้ติดตามทุกท่าน อย่าลืมกดติดตามเพจ ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
╚═══════════╝
.
ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
Line : @reporterjourney
โฆษณา