15 มี.ค. 2022 เวลา 10:36 • การเกษตร
ราทมิฬ ลางร้ายสีดำ
1
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีถึงอัตรายและความสามารถในการแพร่กระจายของเชื้อรา
ไม่ว่าจะเป็น Aflatoxin(อะฟลาทอกซิน) สารพิษที่เกิดจากเชื้อราซึ่งก่อให้เกิดมะเร็งตับ
หรือเชื้อรา Corticium Salmonicolor(ครอติเซียม) ซึ่งเป็นเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคราสีชมพู
และสืบเนื่องจากครั้งที่แล้ว ที่ได้กล่าวถึงเพลี้ยแป้ง เจ้าเอเลี่ยนตัวสีขาว
นอกจากตัวมันจะสร้างความเสียหายให้กับพืชได้มากมายแล้ว
มันยังนำพาสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่า อย่างโรคราดำ(Sooty Mold)
1
โรคราดำ(Sooty Mold)
ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดโรคราดำอาจเกิดจากความชื้นสูง
รวมถึงแมลงพาหะอย่างเพลี้ยหอยและเพลี้ยแป้ง ที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น
โดยแมลงเหล่านี้จะดูดน้ำเลี้ยงจากพืช แล้วถ่ายมูลซึ่งมีส่วนผสมของน้ำหวานออกมาเป็นอาหารให้แก่มด
ในขณะเดียวกัน น้ำหวานเหล่านั้นก็เป็นอาหารให้กับราดำเช่นกัน
แต่ราดำยังเป็นเชื้อที่สามารถแพร่ระบาด จากต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง
โดยเส้นใยและสปอร์ที่ปลิวไปกับลมได้อีกด้วย
โรคราดำสามารถเกิดได้ทั้งบนใบ ช่อดอก และผลอ่อน
อาการเริ่มแรกของราดำ คือเกิดจุดขนาดเล็กสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลดำขึ้นบริเวณดังกล่าว
ต่อมาเชื้อราจะลุกลามเป็นจุดขนาดใหญ่ โดยมีการสร้างเส้นใยและสปอร์ แผ่ปกคลุมลักษณะคล้ายเขม่าหรือฝุ่นสีดำ
หากเกิดที่ช่อดอกก็จะส่งผลให้ผสมเกสรไม่ได้ และอาจส่งผลให้ต้นแคระแกร็น หรือผลร่วงก่อนกำหนด
ราดำไม่ได้เข้าทำลายเนื้อเยื่อผล และใบ แต่จะปกคลุมที่ส่วนผิวนอก ส่งผลให้การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืชลดลง
ถึงตรงนี้ เราคงได้เห็นถึงความสามารถของเจ้าราดำ(Sooty Mold) ซึ่งมันทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวของเชื้อราตัวหนึ่ง
ซึ่งมีอานุภาพไม่แพ้กันอย่างเจ้า "Mold" เชื้อราที่สามารถเข้าควบคลุมร่างต้น ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ และสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว
จากเกมส์ชื่อดังอย่าง "Resident Evil"
นับเป็นเรื่องดีที่เจ้า Mold จาก Resident Evil เป็นเพียงแค่เรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมา
แต่ราดำนี่สิ ที่เป็นของจริง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นอันตรายกับเราเหมือนเจ้า Mold ในเกมส์ Resident Evil
แต่กับพืช มันอาจจะเป็นฝันร้ายเลยล่ะ
แนวทางการป้องกันเบื้องต้น
2
- หมั่นตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง และกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
- หมั่นตรวจสอบบริเวณต้นไม้หากพบจุดที่เป็นโรคราดำ ให้เผาหรือกำจัดทิ้งทันที
- คอยหมั่นตรวจสอบแมลง โดยเฉพาะเพลี้ย เมื่อพบให้รีบกำจัดกำจัดทิ้งทันที
- เมื่อพบเพลี้ยระบาดหนัก แนะนำให้ใช้สารเคมีในกลุ่ม
พิริมิฟอส-เมทิล ใช้ในอัตรา 300 ซีซี/น้ำ 200 ลิตร
- ถ้ามีการระบาดของโรคแล้ว แนะให้ใช้ สารกลุ่มรหัส 1 (เบนโนมิล คาร์เบนดาซิม ไธอะเบนดาโซล ไทโอฟาเนทเมทิล)
อัตรา 6-12กรัม / น้ำ 20 ลิตร
เรื่องราวของ พืช, เชื้อราและโรคเกี่ยวกับพืช
รวมทั้งสิ่งที่มีเค้าของความเป็นไปได้ต่างๆ
กำลังรอพวกคุณอยู่อีกมากมายที่นี่ ที่ Global Heal
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Google ครับ
#GlobalHeal #เกษตร #ความรู้
สามารถติดตามคอนเทนต์ และเนื้อหาสาระดีๆ จากพวกเรา
หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : Global Heal - โกลบอลฮีล
Blockdit : GLOBAL HEAL
Line : @globalheal

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา