Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Huatoa - หัวโต
•
ติดตาม
15 มี.ค. 2022 เวลา 23:30 • นิยาย เรื่องสั้น
แค่ลองเขียนเล่นๆ
คงมีหลายต่อหลายครั้งที่ใครสักคนจะนั่งคิดอะไรเพลินๆ เล่นๆ ถึงสิ่งที่อยากทำ
บางสิ่งบางอย่างที่เราทำได้ดี มันอาจจะเกิดเพียงแค่คำว่า “ทำเล่นๆ” หรือลองทำดูหน่อย
แต่ก็หลายทีที่การลองทำอะไรสักอย่างหนึ่ง กลับถูกคนอื่นมองว่าเพ้อฝันหรือไร้สาระ
จริงๆ แล้วผมเองก็เป็นที่คิดอะไรอยู่ในหัวเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่นั่งรถกลับบ้าน หรือกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่ ซึ่งพอได้แกะสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาหลายครั้ง ผมอยากลองเล่าเรื่องราวในรูปแบบเฉพาะตัวผ่านการจับปากกาและลงมือเขียน
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนเด็กๆ ที่รู้สึกว่ามันคงจะดีนะถ้าเราได้เขียนเรื่องราวสักเรื่องให้ใครอ่าน แต่ในตอนนั้นมันก็คงเป็นแค่ความคิด เพราะทักษะการเขียนหรือการจับเรื่องต่างๆ มาเชื่อมโยงนี่ถือว่าทำได้แย่มากๆ
อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย แค่เขียนให้คนเข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไรยังแทบจะเป็นไปไม่ได้
พอเติบโตขึ้นก็เหมือนชีวิตถูกบีบให้เกี่ยวพันในเรื่องการสื่อสารกับคนจำนวนมาก ไม่ว่าจะจากวิชาที่เรียนหรือกิจกรรมที่ทำเป็นกิจวัตร จนกลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการฝึกพูดฝึกเขียนให้คนอื่นๆ เข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะบอกหรือเล่า
แรกเริ่มผมตื่นเต้นและรู้สึกสนุกมากๆ เวลาได้จับปากกาเขียนเรื่องราวต่างๆ บนสมุดหรือกดคีย์บอร์ดเพื่อพิมพ์สิ่งที่คิดไว้ในไฟล์ต่างๆ
เพราะมันช่วยผมได้ถ่ายทอดความคิดที่อยู่ในหัวของตัวเองให้ออกมาเป็นตัวอักษร และลึกๆ ในใจตอนนั้นก็หวังว่าจะมีใครสักคนที่ชื่นชอบไอเดียที่เราคิดหรือสิ่งที่ตัวเองเขียนลงไป
ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มต้นด้วยความสนุก แต่หลายครั้งมันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้คิดว่าสิ่งที่เราอยากทำเล่นๆ มันเหมือนจะไม่ใช่อะไรที่ดูดีนัก
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่น้องคนหนึ่งมาอ่านงานเขียนของผมแล้วพูดว่า “พี่เขียนอะไรเนี่ย ไม่เห็นจะรู้เรื่องหรือเข้าใจเลย แล้วอะไรเนี่ยใช้คำเวอร์วัง รูปประโยคเหมือนบทละคร”
วินาทีที่ผมรับรู้ว่ามีคนพูดแบบนี้กับตัว มันรู้สึกทันทีว่าเจ็บปวดมากๆ และท้อถอยจนขนาดที่ว่าคิดในใจกับตัวเองว่าเป็นไปได้เวลาเขียนอะไรก็ควรเก็บไว้คนเดียวก็พอ
เคยมีบางวันด้วยซ้ำที่บอกกับตัวเองว่าบางอย่างแค่คิดก็พอ ถ้าแค่จะทำเล่นๆ อย่าทำเลย เพราะมันไม่มีทางออกมาดีหรอก
ความคิดเหล่านั้นกัดกินความรู้สึกของผมมายาวนานเป็นหลายๆ ปี จากคนที่กล้าคิดกล้าเขียนเล่าเรื่องราวต่างๆ กลับกลายเป็นคนที่กลัวและกังวลว่าใครจะไม่ชอบตัวเราเองบ้าง
จนกระทั่งเมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้ว เหตุการณ์บังเอิญมันก็เกิดจากการที่ผมไปลงพื้นที่โรงเรียนในงานที่ผมได้รับมอบหมายกับเพื่อนคนหนึ่ง แล้วจากนั้นก็มีครูท่านหนึ่งยื่นหนังสือให้ผม แล้วบอกว่าไหนๆ ก็มาเยี่ยมโรงเรียนแล้ว เขียนอะไรแบบไม่ต้องจริงจังก็ได้นะ เพื่อให้คนอ่านรู้สึกมีกำลังใจและยิ้มออก
ซึ่งเพื่อนคนนั้นก็บอกกับผมว่า “ลองเขียนดูเลยครับ คิดเล่นๆ ว่ามันเป็นโอกาสของเรา”
สุดท้ายแล้วผมก็จับปากกาแล้วก็เขียนสิ่งที่เรารู้สึกจริงๆ ลงไป และหลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ผมก็เหลือบไปเห็นคนที่อ่านข้อความที่ผมเขียนลงไป มีรอยยิ้มที่มุมปาก และรู้สึกมีความอิ่มเอมใจ
ครั้งนั้นมันทำให้ผมรู้สึกเลยว่าหรือจริงๆ แล้วสิ่งที่เราอยากทำเล่นๆ มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีและควรทำต่อไป
เวลาผ่านไปสักพักจากวันนั้น หัวหน้างานของผมก็โยนโจทย์เบาๆ มาให้ว่าอยากให้ผมลองเขียนเรื่องราวความสำเร็จและความประทับใจของการลงพื้นที่ตามโรงเรียนต่างๆ ระหว่างทำงานให้หน่อย
ผมก็คิดแบบไม่ซับซ้อนและลองเขียนลงไป 1 หน้ากระดาษให้ท่านอ่าน ซึ่งคำตอบที่ได้รับกลับมาคราวนี้คือ “มันดีมากๆ นะ รู้สึกได้ว่ามีความเป็นตัวเองแฝงอยู่ในงานเขียน”
หลังจากนั้นผมก็ลองเขียนบทความเล่นๆ ลงเพจหรือพื้นที่บนโลกโซเชียลของตัวเองบ้าง ซึ่งก็มีหลายครั้งที่คนก็ชื่นชอบ และก็มีอีกบ้างที่จะมีคนไม่ชอบหรือวิจารณ์ แต่ผมเริ่มรู้สึกแล้วว่ามันมีความสุขกับการได้เขียน
และพอเขียนบ่อยๆ เข้า มันเหมือนกับว่าวิธีการเรียบเรียงความคิด และการถ่ายทอดโดยใช้ภาษาในงานเขียนมันเริ่มพัฒนาขึ้นแบบไม่รู้ตัว
พอรู้ตัวอีกที หัวหน้าคนเดิมก็บอกกับผมว่า “อยากให้ลองเขียนบทความลงจดหมายข่าวส่งไปให้โรงเรียนต่างๆ อ่านนะ” พร้อมกับเน้นย้ำด้วยความเชื่อมั่นว่าผมจะทำมันออกมาได้ดี
ก่อนเขียนทุกบทความลงไป ผมชอบลองเขียนทดสอบเล่นๆ ในเชิงว่าถ้าใช้ภาษาแบบนี้จะดูดีไหม คนที่อ่านจะตีความแบบไหนบ้าง ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำตั้งแต่ฉบับแรกที่เขียนจนฉบับสุดท้ายในเดือนตุลาคมของปีที่ผ่านมา
เชื่อไหมว่าฉบับแรกๆ ผมถูกหัวหน้าวงแดงและขอให้ปรับวิธีการใช้ประโยคหลายต่อหลายจุด แต่พอเริ่มได้เขียนบ่อยขึ้นและแน่วแน่กับความคิดที่ลองทำเล่นๆ แต่จริงจังและสม่ำเสมอ
สุดท้ายแล้วในจดหมายข่าวฉบับท้ายๆ ที่ผมได้เขียน หัวหน้าบอกกับผมว่ารู้สึกได้ถึงทักษะในการเขียน และมันบ่งบอกได้ถึงลักษณะนิสัยและตัวตนที่แท้จริงว่างานที่เขียนออกมา มันไม่ได้เกิดจากการปรุงแต่งคำหรือจำแค่คำสวยๆ มาเล่า แต่สะท้อนให้เห็นถึงวิธีการใช้ชีวิตที่แท้จริงของผม
ทันทีที่รับรู้ถึงสิ่งที่ท่านพูดตรงมาหาผม มันเหมือนกับว่าผมปลดล็อกตัวเองหมดแล้ว เพราะเหมือนได้พิสูจน์ให้เห็นจริงๆ ว่าจากการเริ่มต้นจากคำว่า “เขียนเล่นๆ” มันกลับกลายมาเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้กับคนที่อ่าน หรือสามารถชวนให้พวกเขาเหล่านั้นได้ฉุกคิดถึงมุมมองอีกด้านหนึ่ง
ถึงตรงนี้แล้วสิ่งที่ฉุกคิดกับตัวเองอีกครั้งก็คือ การลองทำอะไรเล่นๆ สักอย่างหนึ่งไปเรื่อยๆ และยึดมั่นกับสิ่งเหล่านั้น แม้จะเจอเหตุการณ์ที่ชวนให้หนักใจบ้าง สุดท้ายแล้วมันอาจจะทำให้ค้นพบว่าขีดความสามารถที่แท้จริงของเราคืออะไร
มันคงจะดีมากๆ เลย ถ้าการได้ลองทำอะไรเล่นๆ มันจะช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในชีวิตหรือสังคมของเราให้ดีขึ้น
เพราะอีกแง่มุมของชีวิตที่มีความหมายคือการทำเรื่องเล่นๆ ให้กลายเป็นจริง และมีความสุขกับมันให้มากที่สุด
สามารถติดตาม Huatoa - หัวโต ได้อีกช่องทางบน
Facebook :
https://www.facebook.com/huatoaofficial
huatoa
หัวโต
lessonlearned
1 บันทึก
2
4
8
1
2
4
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย