เวเนซุเอลา กำลังได้ประโยชน์จากมือที่มองไม่เห็น ท่ามกลางสงครามรัสเซียยูเครน
ภาพลักษณ์ของเวเนซุเอลาที่เรารู้จัก คือประเทศยากจนค้นแค้น หากจำกันได้เมื่อหลายปีก่อน ชาวบ้านตาดำๆ ต้องแบกเงินเป็นกระสอบเพื่อไปซื้อขนมปังเพียงก้อนเดียว
แต่รู้ไหมว่า ในช่วงสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่กำลังห้ำหั่นกันอยู่ในขณะนี้ ทั่วโลกกลับจับตามองไปยังประเทศแถบลาตินอย่างเวเนซุเอลา ที่กำลังได้ประโยชน์จากมือที่มองไม่เห็นในสงคราม
แล้วทำไมเวเนซุเอลาที่สถานะความเป็นอยู่ของผู้คนส่วนใหญ่ร่อแร่อยู่ทุกวัน มาเกี่ยวข้องกับสงครามได้ยังไงไปหาคำตอบพร้อมกัน..
ต้องบอกก่อนว่ากลุ่มประเทศแถบลาตินอเมริกาไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งจากประเทศใดประเทศหนึ่งในคู่สงคราม
ทว่าหลายปีก่อนหน้านี้ รัสเซียได้มีการส่งผู้นำระดับสูงของประเทศไปเจริญสัมพันธไมตรี และก็มีหลายประเทศที่ผู้นำจากแถบละตินเหล่านั้น กลับมาเยี่ยมเยียนปูตินถึงบ้าน
หลายคนคงตั้งคำถามว่า เบื้องลึกเบื้องหลังมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า ?
ช่วงปลายปีที่ผ่านมา Jair Bolsonaro ผู้นำบราซิล และ Alberto Fernandez ผู้นำอาร์เจนตินา เข้าพบปูตินถึงกรุงมอสโกด้วยตัวเอง
ทั่วโลกมองว่าความสัมพันธ์ของรัสเซียกับกลุ่มประเทศละตินอเมริกามีความแน่นแฟ้นในฐานะของมหามิตร ถ้าหากมีความขัดแย้งเกิดขึ้นพวกเขาก็พร้อมสนับสนุนปูตินเป็นแน่
แต่เมื่อเกิดการโจมตียูเครนขึ้น ท่าทีของผู้นำละตินก็เปลี่ยนไป รัฐบาลของอาร์เจนตินาแถลงการณ์ถึงรัสเซียให้หยุดการรุกรานยูเครน ส่วนรัฐบาลบราซิลยังไม่มีท่าทีออกมาแน่ชัด
ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีประเทศละตินที่สำคัญอีก 3 ประเทศที่เรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์กับรัสเซียมากเช่นกัน ซึ่งประเทศเหล่านั้นก็คือ นิการากัว คิวบา และโดยเฉพาะเวเนซุเอลา
แม้สงครามจะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อประชาชนประเทศแถบละติน แต่ 3 ประเทศที่กล่าวมา พึ่งพาความช่วยเหลือจากรัสเซียทางด้านการเงิน และการทหาร
แน่นอนว่าสงครามทำให้รัสเซียต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก มันส่งผลกระทบ 100 เปอร์เซ็นต์ต่อประเทศเหล่านี้ และเหตุผลที่ไม่สามารถเข้าข้างรัสเซียแบบออกสื่อ ก็เพราะแรงกดดันจากการคว่ำบาตรของมหาอำนาจแถบยุโรปและอเมริกา เรียกได้ว่า หันไปทางไหนก็ไม่อาจหลีกทางปืน อยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้า จะคายก็คายไม่ออก
โดยเฉพาะเวเนซุเอลา ที่รายได้ของประเทศส่วนใหญ่มาจากการค้าน้ำมัน มีคู่ค้าสำคัญคือ รัสเซียและจีน
รัสเซียมองเวเนซุเอลาเป็นพาร์ทเนอร์มาโดยตลอด เสนอเงื่อนไขการกู้ยืม ซึ่งมีเงื่อนไขยืดหยุ่นกว่า จึงดึงดูดมากกว่าสถาบันการเงินในยุโรป
และประโยชน์ที่รัสเซียได้รับก็คือ การกระจายความเสี่ยงจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกและสหรัฐอเมริกา
สิ่งที่รัสเซียพยายามจับมือกับประเทศแถบละตินก็คือ ดีลกันเป็นรายๆ ไป ใช้บริษัทของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเข้าไปควบคุมกิจการในต่างประเทศ โดยเฉพาะกิจการที่เป็นรากฐานของประเทศนั้นๆ
สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ก็คือ เวเนซุเอลามีแหล่งนำ้มันดิบมหาศาล มากกว่าประเทศในกลุ่มโอเปกหลายๆ ประเทศรวมกันเสียด้วยซ้ำ
รัฐวิสาหกิจรัสเซียมองเห็นโอกาสเหล่านี้ก่อนใคร จึงได้เข้าไปจับมือกับ Rosneft บริษัทรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย มีสถานะเหมือนกับ ปตท. ของไทย
มากกว่าผลประโยชน์ของแหล่งพลังงาน อีกหลายปัจจัยที่ทำให้รัสเซียเห็นความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านของปัญหาด้านการเมืองที่รุมเร้ามานาน หากในอนาคตการเมืองภายในสงบ มันคือเวลาทองที่การลงทุนจะรุ่งโรจน์
ไม่เพียงแค่นั้น ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น แร่ทองแดง นิกเกิล และน้ำมันดิบ ก็เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลก แถมมันยังไม่มีการขุดเจาะอีกมาก
ในเวลานี้ ผลกระทบของราคาน้ำมันลามเป็นโดมิโนไปทั่วทั้งโลก แต่เวเนซุเอลากลับเป็นชาติที่กำลังได้ประโยชน์
ข้อมูลของ World Population Review ปี 2022 เวเนซุเอลาคือประเทศที่สำรองน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก นี่คือสิ่งที่หลายคนยังไม่รู้ ปริมาณนำ้มันดิบสำรองนั้นอยู่ที่ 300.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าซาอุดีอาระเบียที่ครองแชมป์มานาน ซึ่งมีน้ำมันดิบสำรองเป็นอันดับ 2 ของโลก อยู่ที่ 266.5 ล้านบาเรลล์
ที่น่าสนใจ เวเนซุเอลาคือรายใหญ่ในการส่งออกน้ำมันไปยังประเทศแถบอเมริกากลางและประเทศแถบแคริบเบียน ที่กำลังได้รับผลกระทบ เพราะประเทศเหล่านี้ไม่สามารถขุดเจาะน้ำมันได้เอง ส่วนใหญ่อยู่ในสถานะนำเข้า ถ้าหากรัสเซียโจมตียูเครนแบบฟูลสเกลเมื่อไหร่ นั่นคือปัญหาใหญ่ แต่ก็เป็นประโยชน์ก้อนใหญ่ของเวเนซุเอลาเช่นกัน
ถึงอย่างนั้นก็ตาม อุตสาหกรรมนำ้มันของเวเนซุเอลาก็ไม่ได้สดใสเท่าไหร่นัก เพราะมีปัญหาทุจริตคอรัปชั่นทุกหย่อมหญ้า
ในมุมมองของฝั่งรัสเซีย แม้จะโดยคว่ำบาตรจากหลายๆ ประเทศ แต่การเป็นมือที่มองไม่เห็นในประเทศแถบละตินอเมริกา โดยเฉพาะเวเนซุเอลา คือการกระจายความเสี่ยงที่ได้ผลดี เพราะแม้จะไม่มีการส่งออกนำ้มันไปยังแคริเบียนและอเมริกากลางเช่นเดิม แต่พวกเขาก็ยังสามารถใช้มือที่มองไม่เห็นได้
อย่างไรก็ดี แม้เวเนซุเอลาจะได้ประโยชน์มากขนาดไหน แต่ก็ยังต้องแก้ปัญหาภายในประเทศ ทั้งในเรื่องความอดอยากยากไร้ของประชาชน เศรษฐกิจที่ตกต่ำ นักการเมืองไร้ทัศนคติ
และแม้จะสำรองน้ำมันดิบมากที่สุดในโลก แต่แหล่งนำ้มันส่วนใหญ่อยู่ห่างออกไปจากชายฝั่งทะเล และอยู่ลึกมาก หากจะลงทุนก็ต้องใช้งบประมาณกับเวลา ซึ่งมันไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่นัก ตรงกันข้ามกับซาอุดีอาระเบีย ที่น้ำมันดิบส่วนใหญ่อยู่ใต้ผิวโลก ง่ายต่อการขุดเจาะ และมีงบประมาณมหาศาลต่อการลงทุน
มีการคาดการณ์จากนักเศรษฐศาสตร์ว่า สิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ จะทำให้เวเนซุเอลา ส่งออกน้ำมันแทนรัสเซียมากจนเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ ก็นับเป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
ติดตามเทคฮีโร เพิ่มเติมได้ที่..
- 18
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
