Blockdit Logo (Mobile)
Bluebik Group
•
16 มี.ค. 2022 เวลา 02:32 • ธุรกิจ
FinOps คืออะไร ทำไมธุรกิจต้องใช้
จากข้อมูลของ McKinsey เปิดเผยว่า ในปี 2020 องค์กรย้ายไปใช้ระบบ Cloud เพิ่มขึ้นถึง 24 เท่า สาเหตุจากการระบาดของโควิด-19 ขณะที่พนักงานต้องทำงานจากที่บ้าน และจำเป็นต้องเชื่อมต่อเข้าองค์กรผ่านการ Remote ที่ต้องรวดเร็วและปลอดภัย ฝ่ายการเงินก็ต้องหาวิธีประหยัดต้นทุนจากการใช้ Cloud ให้ได้มากที่สุด ซึ่งหลักการนี้เรียกว่า FinOps
FinOps ย่อมาจาก “Cloud Financial Operations” เป็นแนวปฏิบัติให้องค์กรสามารถบริหารค่าใช้จ่ายตามการใช้งาน Cloud เป็นการบริหารต้นทุนให้เหมาะสมกับความเร็ว และลักษณะการใช้งาน เพื่อให้องค์กรได้ประสิทธิภาพจากการใช้งาน Cloud ที่คุ้มค่ากับค่าบริการที่ต้องจ่ายออกไปมากที่สุด
ซึ่งการทำ FinOps นั้น จะต้องดึงผู้เชี่ยวชาญด้าน เทคโนโลยี ธุรกิจ และการเงิน เข้ามาทำงานร่วมกัน รับผิดชอบงานครอบคลุมตั้งแต่การเจรจากับ Vendor, เช็กประสิทธิภาพการใช้งาน รวมถึงการประเมินค่าใช้จ่าย โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 3 สเต็ป ดังนี้
- Inform : แจงค่าใช้จ่ายบนคลาวด์ทั้งหมด ทั้งค่า License, Maintenance หรือค่าบริการอื่นๆ ให้คนในองค์กรทราบ
- Optimize : ปรับระบบให้เป็นอัตโนมัติ ใช้ทรัพยากรให้เหมาะสมกับการทำงาน ยกเลิกบริการที่ไม่จำเป็น และวิเคราะห์การใช้จ่ายบนคลาวด์อย่างมีกลยุทธ์
- Operate : ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องไม่เพียงแต่เพื่อลดต้นทุน แต่ยังต้องวางแผนเพื่อรองรับนวัตกรรมและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
หากบริษัทไม่ใช้ FinOps ในกลยุทธ์การบริหารค่าใช้จ่าย Cloud อาจจะส่งผลให้บริษัทต้องจ่ายเงินไปกับสิ่งที่ไม่ต้องการ หรือ Tools ที่ไม่มีใครใช้ ในระยะยาว
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการ Cloud ด้วย FinOps แบ่งเป็น 5 ข้อดังนี้
1.วางแผน FinOps ก่อนย้ายขึ้นคลาวด์
การวางแผนที่ดีที่สุด คือ วางแผนก่อนตัดสินใจย้ายเซิร์ฟเวอร์จาก on-prem ขึ้น Cloud เพื่อใช้ต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยอาศัยช่วงทดลองใช้ (free trials) เพื่อคำนวณการใช้งานให้เหมาะสมกับทีมไอทีที่มีอยู่ในปัจจุบัน และวางแผนค่าใช้จ่ายสำหรับการขยายทีมในอนาคต
ซึ่งการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ on-prem ทีมไอทีมักจะซื้อ License มามากกว่าความต้องการจริง เพราะต้องวางแผนสำหรับการเติบโตในอนาคต และการซื้อ License เพิ่มภายหลังนั้นมีความยุ่งยาก แต่การใช้ Cloud นั้นสามารถวางแผนการซื้อ License มาใช้ได้ตามจำนวนพนักงานที่ต้องการ สามารถเพิ่มหรือลดได้ตลอดเวลา และกำหนดการต่ออายุ License อัตโนมัติได้อีกด้วย
2.อย่าประหยัดจนเสียประสิทธิภาพการใช้งาน Cloud
การนำ FinOps เข้ามาช่วย หมายถึงการเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุน การได้รับประโยชน์จาก Cloud มากที่สุดจากการจ่ายค่าบริการ ไม่ได้หมายความว่าให้ลดค่าใช้จ่ายมากที่สุด ทั้งนี้ การวางแผนลดค่าใช้จ่ายนั้นสามารถทำได้ในช่วงทดลองใช้ การเลือกแผนชำระค่าบริการที่บริษัทได้ประโยชน์มากที่สุด
3.คำนวณต้นทุนที่แท้จริง
อีกขั้นตอนสำคัญ คือ การทำความเข้าใจกับค่าบริการ Cloud ที่ต้องจ่ายไปทั้งปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งอาจทำได้ยากโดยเฉพาะกับองค์กรขนาดใหญ่ที่ทำงานแบบ Silo ทำให้ไม่คำนวณค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการใช้งานของอุปกรณ์ (Total cost of ownership หรือ TCO) กับ ผลตอบแทนจากการลงทุน (Return on investment หรือ ROI) ได้ยากขึ้น ซึ่งนอกจากการคำนวณ TCO และ ROI ยังต้องการคาดการณ์ค่าใช้จ่ายในอนาคต และหมั่นตรวจสอบเป็นประจำอีกด้วย
4.ทำให้เป็นแนวปฏิบัติต่อเนื่อง
FinOps ไม่ได้เป็นงานเชิงกลยุทธ์ที่ทำเพียงครั้งเดียว บริษัทที่ประสบความสำเร็จจากการบริหารค่าใช้จ่าย ไม่ได้จบงานที่ขั้นตอนการวางแผน แต่ยังกำหนดบทบาทความรับผิดชอบที่ชัดเจน ต่อเนื่อง รวมถึงการตรวจสอบและคาดการณ์การใช้งานเป็นประจำ ซึ่งเป็นการควบคุมค่าใช้จ่ายในระยะยาว และยังให้ทีม FinOps มีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจด้านซอฟต์แวร์ที่สำคัญอีกด้วย
 
5.กำหนดทีมรับผิดชอบให้ชัดเจน
มีหลายกรณีที่การย้ายเซิร์ฟเวอร์ไปยัง Cloud กลับเพิ่มเวลาให้กับทีมไอทีอย่างมาก ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีจึงเป็นผู้ริเริ่มในการคิดว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบการทำ FinOps จากพนักงานไอทีที่นั่งเฝ้าเซิร์ฟเวอร์ แก้บั๊ก จัดการปัญหาซอฟต์แวร์ เปลี่ยนมาเป็นผู้วางกลยุทธ์การลงทุนระบบคลาวด์ ติดตาม Tools ต่างๆ ที่องค์กรใช้ และคอยตรวจสอบว่าค่าใช้จ่ายที่เสียไปนั้นได้รับประโยชน์กลับมาสูงสุดหรือไม่
#FinOps #Cloud #DigitalTransformation #Bluebik #BluebikGroup #BBIK
ติดตามกิจกรรมเกี่ยวข้องกับ BBIK ผ่านหน้าเพจ Bluebik Facebook ของเรา หรือศึกษาข้อมูลและดาวน์โหลดเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ที่ https://lnkd.in/gkAbhcvz
และข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Bluebik ได้ที่
โฆษณา