Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ศิลป์แห่งคน
•
ติดตาม
16 มี.ค. 2022 เวลา 10:14 • ปรัชญา
"ศิลปะของก้อนหิน"
ก้อนหินถ้าวางอยู่เฉยๆ ร้อยปีมันก็จะยังอยู่ตรงนั้น ไม่เป็นทั้งคุณและโทษกับใคร มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมามากมาย แต่ก็ไม่มีใครให้ความสำคัญอะไรกับมัน จนกว่าจะมีใครหยิบมันไปใช้ เมื่อนั้นแหละที่มันจะสามารถให้ได้ทั้งคุณและโทษ ถ้าใช้ก้อนหินเป็นส่วนผสมในการสร้างบ้านมันก็จะเป็นคุณ ถ้าใช้มันในการขว้างปาทำร้ายคน ใช้เป็นอาวุธสังหาร หรือปล่อยปละละเลยจนเดินสะดุดหินล้มมันก็จะเกิดโทษ
หลายบทความของผม ได้เคยพูดถึงเรื่องศิลปะของทั้งผู้นำและผู้ตามไปแล้วบ้าง แต่สิ่งที่ผมอยากจะพูดถึงที่สุด ก็คือคนที่ไม่ใช่ทั้งผู้นำและผู้ตามนี่แหละ เอาเข้าจริง ๆ ในชีวิตคนเรามีคนแบบนี้เยอะที่สุดแต่กลับถูกมองข้ามกันไป ถ้าท่านคิดแย้งในใจบอกไม่จริงหรอก ท่านลองนับดูก็ได้ว่าในชีวิตนี้ของท่าน คนที่เป็นลูกน้องท่านมีกี่คน คนที่เป็นหัวหน้าท่านมีกี่คน สุดท้ายลองนับดูคนที่ไม่ใช้ทั้งเจ้านายและลูกน้องของท่านในโลกนี้มีกี่คน คนที่ท่านยังไม่เคยรู้จักมาก่อน หรือรู้จักเพียงผิวเผิน ท่านจะพบได้ว่ามันมีมากมายเหลือเกิน ดุจก้อนหินที่ไร้ชื่อไร้แซ่ ที่มีเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด ไม่มีทั้งคุณและโทษกับท่าน จนถึงวันที่ท่านกับเขาจะมีปฏิสัมพันธ์กัน คนโบราณเขาถึงเตือนยังไงล่ะว่าอย่าไปเป็นศัตรูกับใคร เพราะเราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าใครจะเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่เราได้บ้าง
Cr.pixabay
ถ้าพูดถึงเรื่องก้อนหิน ผมก็นึกถึงนักสะสมก้อนหินคนหนึ่ง เขาคือ "เมิ่งฉางจวิน" สมุหนายกแคว้นฉี ในยุค จ้านกว๋อ หนึ่งในยุคที่ดุเดือดของจีนโบราณอาจจะดุเดือดกว่ายุคสามก๊กด้วยซ้ำ และเรื่องราวต่าง ๆ ของเมิ่งฉางจวินผมก็เชื่อว่าคนที่เป็นคอประวัติศาสตร์จีนคงจะรู้เรื่องราวดีอยู่แล้ว เพียงแต่จะนำมาขยี้ให้เห็นภาพชัดเจนถึงวิธีการดูแลหินของเมิ่งฉางจวิน
แค่รู้คุณค่าของก้อนหินก็ถือว่าเป็นยอดคนแล้ว แต่เมิ่งฉางจวินกลับเหนือกว่านั้น คือเขาสะสมหินถึง 3 พันกว่าก้อน กล่าวคือเขาสะสมผู้คนต่าง ๆ เป็นอาคันตุกะ หรือแขกในจวน ถึง 3 พันกว่าคน แล้วแต่ล่ะคนก็มีความรู้ความสามารถที่ต่างกันไป บางคนไม่มีความสามารถอะไรเขาก็รับ สมเป็นนักสะสมก้อนหินจริง ๆ
เมิ่งฉางจวิ่น เลี้ยงดูก้อนหินพวกนี้แตกต่างกันไป โดยแบ่งออกเป็น 3 ชั้น หินชั้นเยี่ยม หรือ ชั้น vip ก็จะเลี้ยงดูอย่างดี มีทั้งที่อยู่ที่นอน เหล้าปลาอาหารครบครัน และมีรถม้าให้ได้ใช้เวลาจะออกไปไหน หินชั้นกลาง ก็จะมีที่พักให้มีเนื้อปลาเนื้อสัตว์และอาหารให้ได้กินไม่อดไม่อยาก หินชั้นต่ำสุดก็มีที่ให้พัก แต่จะไม่มีเนื้อสัตว์ให้กินมีแต่ผัก ก็กินเจไปแล้วกันเนอะอิอิ..
ก้อนหินทั้ง 3 พันก้อนนี้ ก็ล้วนแต่รับใช้เมิ่งฉางจวินด้วยดีมาตลอด ตั้งแต่เรื่องจิปาถะจนถึงเรื่องใหญ่ พาเขารอดพ้นจากภัยอันตรายนับครั้งไม่ถ้วน ล้วนมาจากความสามารถของก้อนหินแต่ละก้อนที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการลักขโมยของ การปลอมแปลงเอกสาร การเลียนแบบเสียงไก่ขัน ซึ่งทำให้เมิ่งฉางจวินรอดมาจากการไล่ของศัตรูที่หมายเอาชีวิต จนรอดปลอดภัยกลับบ้านได้โดยสวัสดิภาพ แต่หินพวกนี้ที่ผมกล่าวถึงยังไม่ใช้สุดยอดของก้อนหินที่เมิ่งฉางจวินมี เป็นเพียงแค่ก้อนหินก้อนเล็ก ๆ เท่านั้น
Cr.pixabay
มีอยู่วันหนึ่งมีชายคนหนึ่ง นามว่า "เฝิงซวน" มาขอเป็นก้อนหินอีกก้อนของเมิ่งฉางจวิน เมิ่งฉางจวินจึงท่านว่าท่านมีความสามารถด้านไหนบ้าง ชายคนนี้ก็ตอบแบบหน้าด้าน ๆ เลย ว่าข้าไม่มีความสามารถอะไรสักอย่าง แค่อยากจะมาเกาะท่านกินไปวัน ๆ ก็เท่านั้น เมื่อไม่มีความสามารถอะไรงั้นก็กินแต่ผักไปล่ะกัน เมิ่งฉางจวินก็เลยจัดประเภทให้เขาเป็นก้อนหินชั้นต่ำที่สุด มีแค่ที่พักที่ที่แออัด อาหารก็มีแค่ข้าวกับผักให้ได้กินก็เท่านั้น
เฝิงซวนก็ร้องเพลงกวนโอ๊ย ว่า "ไม่มีปลาให้กินเลยเนอะ กลับบ้านดีกว่า" "ไม่มีรถม้าให้นั่งเลยอะ กลับบ้านดีกว่า" ก็ร้องเพลงของแกไปเรื่อย เมิ่งฉางจวิ่นไม่รู้ว่ารำคาญหรืออะไร ก็เลื่อนขั้นไปตามลำดับตามที่แกขอ เป็นหินชั้นกลางได้กินปลา จนสุดท้ายมาเลื่อนให้เป็นชั้นหนึ่งไปเลย มีรถม้าได้นั่ง
มีครั้งหนึ่งเมิ่งฉางจวินรู้สึกร้อนเงิน ก็แน่ล่ะสิ เล่นเลี้ยงคนตั้ง 3 พันกว่าคน จึงอยากจะไปเก็บเงินที่ชาวบ้านเมืองเซียกูยืมไป ซึ่งเมืองนี้อยู่ในการดูแลของตระกูลของเมิ่งฉางจวินมาอย่างยาวนาน เฝิงซวนที่นั่ง ๆ กิน ๆ นอน ๆ ไปวัน ๆ จู่ ๆ ก็อาสาขอไปเก็บเงินให้เอง โดยขออนุญาตซื้อของกลับมาฝากเมิ่งฉางจวินด้วย เมิ่งฉางจวินก็อนุญาตตามที่ขอ
พอไปถึงก็เก็บเงินมาได้ส่วนหนึ่งและมีอีกจำนวนมากที่ไม่มีให้ เฟิงซวนเลยบอกว่าใครยังไม่มีตอนนี้ก็เอามาให้ทีหลังได้ ส่วนเงินที่เก็บได้มาแล้วเฝิงซวนก็นำไปซื้อสุรา อาหารมาเลี้ยงชาวบ้าน และเผาหนังสือสัญญากู้ยืมเงินของคนที่ไม่มีเงินจะจ่ายจริง ๆ ทิ้งทั้งหมด โดยอ้างว่านี่คือความเมตตาของเมิ่งฉางจวินจะยกหนี้ให้ชาวบ้านที่เดือดร้อน อยากให้ชาวบ้านเก็บเงินไว้ใช้ในการตั้งตัว ผู้คนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญเมิ่งฉางจวินกันถ้วนหน้า
พอเฝิงซวนกลับไปถึงจวนเมิ่งฉางจวินมือเปล่า เมิ่งฉางจวินก็โกรธจนหน้าแดงกล่ำ บอกให้ไปเก็บเงินชาวบ้าน ดันไปแจกจ่ายและเผาหนังสือสัญญาทั้งหมดซะงั้น เฝิงซวนก็บอกว่านี่ไงคือของฝากที่ข้าบอกจะซื้อมาให้นายท่าน ข้าได้ซื้อคุณธรรมมาให้นายท่านยังไงล่ะ เมิ่งฉางจวินได้ฟังก็ไม่เข้าใจหรอก คงคิดในใจเกี่ยวอีหยังวะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เงินก็เอาไปซื้อของเลี้ยงชาวบ้านไปแล้ว หนังสือสัญญาก็เผาไปแล้ว ก็ปล่อยเลยตามเลยและไม่ได้ลงโทษเฝิงซวน
1
Cr.pixabay
ต่อมาผู้ปกครองแคว้นฉี เจ้านายของเมิ่งฉางจวิ่นเกิดระแวงสงสัยในตัวเขา จึงปลดเขาออกจากตำแหน่ง ก้อนหินทั้ง 3 พัน ที่เมิ่งฉางจวินเลี้ยงดูมาอย่างดีก็ตีตัวออกหากเขาไป ในวันที่เขาตกทุกข์ได้ยากสิ้นอำนาจวาสนา เหลือเพียงก้อนเดียวที่อยู่กับเขา และคือราชาของหินทั้ง มีนามว่า เฟิงซวน นั่นเอง ชายผู้ที่ดูไม่ได้เรื่องที่สุดในบรรดาสามพันกว่าคน เฟิงซวนได้แต่อยู่ฟรีกินฟรีไปวัน ๆ ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย ให้ไปเก็บเงินก็ไม่ได้เงินมาคือสักชั่ง แถมไปเผาหนังสือสัญญาทิ้งอีก ดูจากภายนอกก็ช่างเหมือนหินผุ ๆ ที่ใช้การไม่ได้เสียจริง แต่เขากลับเป็นก้อนหินเพียงก้อนเดียวที่ไม่คิดจะทอดทิ้งนาย
หินประหลาดอย่าง เฝิงซวนนอกจากจะไม่ทิ้งเจ้านายแล้ว ยังช่วยเหลือนายยามที่มีภัยได้อย่างยอดเยี่ยม เขาพาเจ้านายไปหลบภัยที่เมืองเซียเมืองที่เขาไปเผาหนังสือสัญญาเงินกู้นั่นแหละครับ ชาวบ้านซาบซึ้งในพระคุณเมิ่งฉางจวินใรครั้งนั้นอย่างมาก จึงดูแลเขาอย่างดีในระหว่างที่อยู่ที่นั่น เมิ่งฉางจวินจึงเข้าใจในทันทีที่เฝิงซวนบอกว่าเขาได้ซื้อคุณธรรมให้นั้น มันหมายความว่าอะไร ผลของการซื้อคุณธรรมในครั้งนั้นทำให้เมิ่งฉางจวินรอดตายมีที่อยู่ที่กินในครั้งนี้ และยังวางแผนหาที่อยู่ให้ทั้ง 3 ที่ในอนาคต ทั้งในแคว้นฉิน แคว้นฉี เมืองเซีย ดั่งเช่นสุภาษิตโบราณ "กระต่ายฉลาดย่อมต้องมีที่อยู่ 3 โพรง" นับว่าเฝิงซวนปูทางให้นายไว้ทั้งหมด
นอกจากนี้เฝิงซวนยังได้วางแผนทำให้เจ้านายของเขากลับคืนสู่ตำแหน่งอย่างสง่างาม ได้ทุกอย่างคืนมาทั้งหมดรวมถึงไอเจ้าหิน 3 พันก้อน ที่ทิ้งเจ้านายไปในตอนนั้นด้วย พอเมิ่งฉางจวินคืนสู่อำนาจก็คิดจะกลับมาอยู่ด้วยเหมือนเดิม ตอนแรกเมิ่งฉางจวินก็จะไม่ให้อภัยเจ้าหินทรยศนายพวกนี้ แต่เฝิงซวนได้อธิบายที่ความสำคัญของหินทุกก้อนให้เมิ่งฉางจวินฟัง และกล่าวถึงธรรมชาติของคน ว่า คนมีธรรมชาติที่จะเอาตัวรอด เมื่อมีภัยย่อมต้องจากไป เมื่อปลอดภัยแล้วก็จะกลับมา ซึ่งท่านสามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้อีกเยอะ เมิ่งฉางจวินจึงรับพวกเขาไว้ตามเดิม และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเรื่อยมา โดยบั้นปลายชีวิตเขาเลือกที่จะหลีกหนีความวุ่นวายไปอยู่ที่เมืองเซีย ที่เฝิงซวนใช้คุณธรรมซื้อมาให้นั่นเอง
Cr.pixabay
เห็นไหมล่ะครับ เราได้เห็นทั้งประโยชน์และโทษของหินกันอย่างแจ่มแจ้งชัดเจนไปแล้ว มีหินมากก็ใช่ว่าเขาจะรักเราทั้งหมด แต่ถึงยังไงมีก็ยังดีกว่าไม่มี และหินที่ดูไร้ประโยชน์ที่สุดกลับสร้างประโยชน์ได้มากที่สุด แต่เราก็ต้องให้เครดิตไปที่เมิ่งฉางจวินด้วยนะครับ ถ้าเขาไม่ใช่คนที่ใจกว้างแบบนี้ คงจะเกมไปตั้งนานแล้ว ลองคิดดูถ้าเขาไม่รับคนไร้ประโยชน์อย่างเฝิงซวน มาเลี้ยงดู หรือเขาไม่วางใจใช้งานเฝิงซวนเลย หรือเขาเผลอลงโทษรุนแรงในตอนที่เฝิงซวนไปเผาหนังสือสัญญาทิ้ง เมิ่งฉางจวินก็จะไม่มีผู้ช่วยให้เขารอดพ้นจากภัยอันตรายในครั้งนี้ เพราะคนที่เขาเลี้ยงดูมาทั้ง 3 พันคน ก็ทิ้งเขาไปจนหมด ที่พึ่งได้ในยามยากก็มีเพียงเฝิงซวนเพียงผู้เดียว
นับได้ว่าเฝิงซวนคืออัญมณีล้ำค้ำที่ซ่อนอยู่ในหินแปลกประหลาดที่ยากจะมีใครค้นพบเจอ เห็นประโยชน์จากหินไร้ค่าก้อนนี้กันหรือยังครับ ถ้าท่านผู้อ่านลองมองดี ๆ ท่านทั้งหลายล้วนมีหินก้อนนี้อยู่กับตัวเองกันทุกคน ลองมองดี ๆ ว่าเขาคือใคร จงดูแลก้อนหินก้อนนั้นให้ดี ๆ รวมถึงก้อนหินก้อนเล็ก ๆ ก้อนอื่น ๆ ด้วย อย่าทำให้ตัวเองต้องมาเสียดายทีหลังที่มองข้ามอะไรไป สุดท้ายนี้ผมต้องกราบขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่าน หากชอบใจ กดไลก์ กดแชร์เป็นกำลังใจให้กันด้วยครับ
เรียบเรียงโดย ชนดิเรก
2 บันทึก
1
2
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย