16 มี.ค. 2022 เวลา 08:19 • หนังสือ
10 หนังสือดี มีแปลไทย ของนักเขียนรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม
อันดับ 10. ครึ่งทางชีวิต (Half a Life, 2001)
สำนักพิมพ์: Nanmeebooks
เขียน: Sir V. S. Naipaul (ตรินิแดดและโตเบโก)
แปล: จงจิต อรรถยุกติ
ปีที่นักเขียนได้รับรางวัล: 2001
ครึ่งทางชีวิต นำเสนอเรื่องราวทางบริบทของสังคม และชนชั้นวรรณะในประเทศอินเดีย โดยมี Willie Somerset ตัวเอกของเรื่องที่เกิดมาจากพ่อที่อยู่ในชนชั้น ‘พราหมณ์’ และแม่ที่อยู่ในชนชั้น ‘ล้าหลัง’ ซึ่งถือเป็นเรื่องต้องห้ามทางประเพณีปฏิบัติในสังคมของประเทศอินเดีย
อันดับ 9. กลองสังกะสี (Gunter Grass, 1959)
สำนักพิมพ์: Nanmeebooks
เขียน: Gunter Grass (เยอรมัน)
แปล: อรัญญา พรหมนอก
ปีที่นักเขียนได้รับรางวัล: 1999
กลองสังกะสี ผลงานวรรณกรรมที่สะท้อนผลกระทบของสงครามและความโหดร้ายในจิตใจมนุษย์ เรื่องราวของ Oskar Matzerath ชายหลังค่อมผู้เกิดมาพร้อมหูวิเศษที่รับรู้ได้ทุกเรื่องราว เขาได้เขียนประวัติของตัวเองและครอบครัว โดยเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคก่อนสงคราม และยุคหลังสงคราม โดยในวันเกิดครบรอบ 3 ปีของ Matzerath เขาได้รับกลองสังกะสีเป็นของขวัญวันเกิด กลองสังกะสี ยังได้รับความนิยมจนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 1979 และประสบความสำเร็จในแง่เสียงวิจารณ์จนสามารถคว้ารางวัล ‘ปาล์มทองคำ’ ที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ในปี 1979 และคว้ารางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมของ Academy Awards ได้ในปี 1980
อันดับ 8. ชะตาลิขิต (Sorstalanság, 1975)
สำนักพิมพ์: Nanmeebooks
เขียน: Kertész Imre (ฮังการี)
แปล: ทองแท้
ปีที่นักเขียนได้รับรางวัล: 2002
เรื่องเล่าประสบการณ์ในช่วงที่ คาลติซ อิมเร ถูกส่งตัวเข้าค่ายกักกันชาวยิวที่แสนโหดร้ายในสมัยที่เจ้าตัวเป็นวัยรุ่น โดยเป็นช่วงที่นาซีเยอรมันแผ่อำนาจในมหาสงคราม และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับช่วงก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะปะทุขึ้น เมื่ออิมเรกลายเป็นผู้รอดเพียงไม่กี่รายจากวันคืนต้องคำสาป เขาจึงนำเรื่องราวที่ตัวเองได้ประสบพบเจอถ่ายทอดออกมาให้คนอ่านอย่างเราได้ร่วมสัมผัสไปพร้อมๆ กัน
อันดับ 7. ผลพวงแห่งความคับแค้น (The Grapes of Wrath, 1939)
สำนักพิมพ์: ไทยควอลิตี้บุ๊คส์
เขียน: John Steinbeck (อเมริกัน)
แปล: ณรงค์ จันทร์เพ็ญ
ปีที่นักเขียนได้รับรางวัล: 1962
วรรณกรรมที่สะท้อนปัญหาของชนชั้นระดับรากหญ้า เรื่องราวของชาวไร่ที่ต้องสูญเสียพื้นที่ทำมาหากิน จนต้องระหกระเหินกลายเป็นผู้อพยพที่แร้นแค้น ในยุคที่ระบบทุนนิยมครอบงำสังคม เศรษฐกิจกลับตกต่ำ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดคนจนจึงต้องต่อสู้กันเองเพื่อความอยู่รอดของปากท้องและชีวิตของคนในครอบครัว
อันดับ 6. สิทธารถะ (Siddhartha, 1922)
สำนักพิมพ์: openbooks
เขียน: Hermann Hesse (เยอรมัน)
แปล: สดใส
ปีที่นักเขียนได้รับรางวัล: 1946
อีกหนึ่งวรรณกรรมยอดนิยมที่ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำเป็นจำนวนมาก ผลงานการประพันธ์ของ Hermann Hesse นวนิยายเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวการค้นหาสัจธรรมการเวียนว่ายตายเกิด โดยบริบทของเรื่องราวใน สิทธารถะ ถ่ายทอดผ่านสังคมอินเดียในยุคสมัยที่พระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพและเสด็จออกเผยแผ่ศาสนาพุทธไปทั่วชมพูทวีป ตัดสลับกับการเล่าเรื่องแต่งที่เขาได้รับแรงบันดาลใจในระหว่างไปเยือนประเทศอินเดีย
อันดับ 5. My Name Is Red (1998)
สำนักพิมพ์: บลิสพับลิชชิ่ง
เขียน: Orhan Pamuk (ตุรกี)
แปล: นันทวัน เติมแสงสิริศักดิ์
ปีที่นักเขียนได้รับรางวัล: 2006
นวนิยายที่ผสมผสานเรื่องราวความลึกลับของศาสนา ศิลปะ ความรัก ปรัชญา และคดีฆาตกรรมได้อย่างลงตัว My Name is Red พาคุณย้อนไปยุค 60s ในช่วงจักรวรรดิออตโตมัน ณ กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ที่พูดถึงคดีฆาตกรรมในหมู่แวดวงศิลปินที่เกิดขึ้นเพราะความเห็นต่างในเชิงมุมมองและทัศนคติด้านงานศิลปะ
อันดับ 4. เฒ่าผจญทะเล (The Old Man and the Sea, 1952)
สำนักพิมพ์: สร้างสรรค์บุ๊คส์
เขียน: Ernest Hemingway (อเมริกัน)
แปล: วิทย์ ศิวะศริยานนท์
ปีที่นักเขียนได้รับรางวัล: 1954
ผลงานวรรณกรรมอมตะของนักเขียนชาวอเมริกันนาม Ernest Hemingway เฒ่าผจญทะเลบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยต่อสู้ชีวิตกลางทะเลของชาวประมงสูงอายุนาม ‘ซานติเอโก’ ที่เคยชินกับการออกหาปลามือเปล่ามาเป็นเวลานาน กระทั่งซานติเอโกได้เผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่พัดพาตนไปเรียนรู้เรื่องราวสัจธรรมการใช้ชีวิต ทั้งการได้เป็นผู้ชนะ และการต้องยอมรับบทบาทผู้แพ้
อันดับ 3. รอยชีวิต (A Personal Matter, 1964)
สำนักพิมพ์: Nanmeebooks
เขียน: Kenzaburō Ōe (ญี่ปุ่น)
แปล: เดือนเต็ม กฤษดาธานนท์
ปีที่นักเขียนได้รับรางวัล: 1994
วรรณกรรมเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของ Ōe เนื่องจากลูกชายของเขาเกิดมาพร้อมกับภาวะผิดปกติทางสมอง เขาจึงตัดสินใจเขียนรอยชีวิตในปีถัดมาโดยนำประสบการณ์ และความรู้สึกที่ตัวเองเผชิญเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอเรื่องราวผ่านตัวละครชื่อ ‘เบิร์ด’ ชายผู้มีลูกป่วยหนักไม่ต่างจากเขา เรื่องราวในรอยชีวิตจึงมุ่งเน้นไปในเชิงการตั้งคำถามกับการต้องเลือกระหว่างความสุขส่วนตัว หรือศีลธรรมที่ควรรักษาไว้
อันดับ 2. ไร้เกียรติยศ (Disgrace, 1999)
สำนักพิมพ์: Nanmeebooks
เขียน: J.M.Coetzee (แอฟริกาใต้)
แปล: ขจรจันทร์
ปีที่นักเขียนได้รับรางวัล: 2003
Disgrace ว่าด้วยเรื่องราวของ ‘เดวิด ลูรี’ ศาสตราจารย์วัย 52 ปี ที่ต้องปิดฉากอาชีพตัวเองด้วยข้อกล่าวหาที่น่าอับอายจากสังคม เมื่อไร้สิ้นหนทาง เขาจึงต้องหันไปหาลูกสาว ‘ลูซี่’ ชาวไร่ในหมู่คนผิวสีแห่งแอฟริกาใต้ ชีวิตอันเรียบง่ายที่ดูมีทีท่าว่าทุกอย่างจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง กระทั่งเหตุการณ์ในเที่ยงวันหนึ่ง ชีวิตของสองพ่อลูกก็ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล
อันดับ 1. ลมหายใจที่ขาดห้วง (The Hunger Angel, 2009)
สำนักพิมพ์: Nanmeebooks
​เขียน: Herta Müller (โรมันเนีย-เยอรมัน)
แปล: ผศ. ดร.อัญชลี โตพึ่งพงศ์
ปีที่นักเขียนได้รับรางวัล: 2009
นับเป็นงานเขียนชิ้นเอกของ Herta Müller เลยก็ว่าได้ สำหรับ The Hunger Angel หรือ ลมหายใจที่ขาดห้วงซึ่งบอกเล่าเรื่องราวหลังเปลี่ยนผ่านยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านตัวละครเด็กชายวัย 17 ปีที่ถูกส่งตัวไปเป็นเชลยแรงงานที่สหภาพโซเวียตนานนับ 5 ปี ภายใต้ความกดดัน และความทรมานใจที่กวนใจเด็กชายด้วย 3 เรื่องใหญ่ๆ ทั้งความคิดถึงบ้าน ความหิวโหย และ ความอึดอัดใจที่ไม่สามารถบอกใครได้ว่าตนเป็นรักร่วมเพศ
ความน่าสนใจของลมหายใจที่ขาดห้วง ไม่ได้มีเพียงเรื่องราวของสงคราม และเชลยศึกเท่านั้น แต่เรื่องราวการยอมรับเพศที่ 3 ของคนในสังคมยุคนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าติดตามเช่นกัน
ก็ขอขอบคุณที่อ่านมาตรงนี้นะครับ ไม่ราบว่าผู้อ่านรู้จักหนังสือเล่มไหนบ้างไหมครับ ถ้ารู้จักนี่ไม่ธรรมดาเลยนะครับ ^_^
โฆษณา