16 มี.ค. 2022 เวลา 13:38 • ความคิดเห็น
ที่จริงที่เค้าให้พิจารณาเรื่องราวของเรือนกายที่จิตอาศัย มีวิญญาณทั้งหก หูตาจมูกลิ้นกายใจ เรื่องราวทั้งหมด การกระทำทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการใช้กายวาจาใจ ล้วนส่งไปให้จิต จิตส่งไปเก็บไว้กับธาตุทั้งสี่ จะเรียกว่า เป็นข้อมูลที่เก็บไว้ แต่เมื่อเราถึง เช่นสมมุตินาย ก. คนนี้เค้าติเตียนเราว่า เรานึกถึงเมื่อไหร่ ข้อมูลสิ่งเหล่านี้ก็ไหลออกมา เป็นอารมณนึกคิด..อะไรมากมายขึ้นมาปกคลุมจิต เรื่องราวเรานี้ คนโบราณ เค้าจึงมีการปลูกฝัง สอนเด็กๆ ให้ทำในสิ่งดี สอนให้รู้จักว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี อะไรกินได้ กินไม่ได้ เพื่อจะเป็นภูมิคุ้มกัน จิตใจของเด็กเมื่อเติบโต ขึ้นเพื่อจะได้ใช้สติที่ระลึกได้ ในสิ่งที่นำวิญญาณหกไปกระทบไปสัมผัส สิ่งต่างๆที่มีทั้งดีและไม่ดี สมควรที่ไปคล้องเกี่ยว หรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เคยฝึกเคยกระทำมาเป็นนิสัยที่ดี ก็จะช่วยเหลือจิต ให้กระทำเรื่องราวดีให้แก่ชีวิตของตน
เรื่องสิ่งต่างที่เราไปกระทำ เช่น ไปตีหัวนายก็ มือเราเป็นคนตี ตาเราเห็นมือเราไปตีเค้า หูเราก็ได้ยินนาย ก..ร้องเจ็บ ..สิ่งเหล่านี้ ก็ล้วนบันทึกลงสู่ธาตทั้งสี่ที่ประกอบเป็นกายนี้ ธาตุก็บันทึกการกระทำกรรมของเราที่ใช้กายที่พ่อแม่ให้มาไปทำร้ายเค้า สิ่งเหล่านี้ จะเรียกว่าจิตใต้สำนึกก็ได้ ที่บันทึกเรื่องราวต่างๆของเราไปทั้งชีวิต เมื่อจิตออกจากร่าง ธาตุดินน้ำลมไฟ ก็แยกออกจากกัน จิตก็ไปส่วนจิต ที่เก็บเรื่องราวต่างๆที่เป็นกรรมไป คราวนี้ เมื่อเราจะเกิด ธาตุทั้งสี่นั้นที่เราเคยใช้สร้างกรรม ก็มาประกอบกันใหม่เป็นสังขารกรรม ไปเกิดขึ้นในสังขารพ่อแม่ที่เคยคล้องกรรมกันมา ดึงจิตของจิตที่มีกรรมมาจุติในสังขารของกรรม ที่เป็นรูปต่างๆ มนุษย์บ้าง สัตว์ บ้าง ทำนองนี้ เค้าจึงมีการสอนให้สร้างบุญกุศล เพื่อจะเก็บบันทึกเรื่องราวดีๆให้แก่จิต เพื่อช่วยจิตของตัวเราเอง
สมัยก่อนเคยเข้าไปเวียดนามหลังสงคราม ไปนั่งกินเหล้า กับคนเวียดนามเหนือ เค้าได้ทุนไปเรียนที่รัสเซีย ไอ้คนนี้ แค่เราหลุดปากพูดถึงไอ้กัน เมื่อไหร่ มันอาระวาด ทุบโต๊ะ พรำเพ้อว่าพี่ป้าน้าอาญาติพี่น้อง มันตายเพราะเครื่องบินบี52 ไปทิ้งระเบิด ลูกระเบิดลงมาที ก็เกิดเป็นบ่อใหญ่เลย เด็กมันก็ต้องวิ่งหนีลงหลุมหลบภัยตลอด พอไปเรียนที่รัสเซีย ไอ้ความเกลียดชังแบบนี้ มันก็ไปทำร้ายนักเรียนสายไอ้กันที่มาเรียนด้วยกัน เรื่องราวพวกนี้ เวลาเห็นภาพเด็ก ปาเลสไตน์ เอาก้อนหินขว้างรถถังยิว อารมณ์เกลียดชังแค้นมันก็เกิดขึ้นแก่เด็กๆที่เจอเหตุการณ์นั้นมา นี่ก็ถือว่าเราโชคดีแล้ว ที่เกิดในบ้านเมืองที่สงบ หากไปเกิดในดินแดนที่เค้ารบราฆ่าฟันกัน พ่อแมพี่น้องโดนกระทำอย่างนั้น เห็นแต่การเข่นฆ่าทำลาย เราเองจะทนไหวหรือ คงต้องหาอะไรมาตอบโต้บ้างล่ะ แล้วตัวเราก็มีกรรมเป็นผู้รับกรรมเอง เพราะทนอารมณ์ที่เกิดขึ้นที่ตังเองไม่ไหวนั้นเอง
เรื่องราวของมนุษย์ที่เกิดมา เค้าก็ให้ความหมายว่า มนุษย์เป็นผู้ที่รู้จักดีชั่ว รู้จักดีชั่ว แล้วทำไมถึงทำชั่วให้คนอื่นเดือดร้อนตัวเองก็เดือด เค้าสอนให้รู้จักเรื่องราวของพระคุณพ่อแม่เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ เพราะพวกที่ไปอยู่กับสังขารสัตว์จะกระทำทดแทนพระคุณพ่อแม่ไม่ได้ เค้าก็สอนให้รู้จักเมตตาเห็นอกเห็นใจกัน เกื้อกูลกันไป เพื่อความผาสุขของการใช้ชีวิตร่วมกันชั่วขณะหนึ่งเท่านั้นเอง
แล้วเรื่องราวของการสร้างทานสร้างบุญสร้างกุศล ไม่หวังเอากรรมกลับคืน คือเอาเรื่องราวไสยศาสตร์คาถาอาคม ตะกรุดผ้ายันต์ อะไรต่างๆเอามาใส่ตัว นั้นมันกรรมน่ะของไม่ดี แต่ไปหลงว่าดี ก็สละวัตถุปัจจัยปัจจัยออก ก็เป็นเรื่องราวของการสละความยึดถือในเรื่องราวโลภโกรธหลง จิตตัวเองก็จะไม่คับแคบ มีความกว้างขวางเห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือเกือกูล ซึ่งเราก็เอาเรื่องราวของคนรุ่นก่อนมาใคร่ครวญดูว่าทำไม่เค้าถึงยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุข แต่เดี๋ยว มีแต่หน้าเคร่งเครียด ยิ้มกันไม่ออก ต้องคอยหวาดระแวงคนแปลกหน้า ไม่มีใครไว้ใจใคร ความชื่อสัตย์อะไรต่างๆมันหายไปมากมาย คนที่โตมาในช่วงรอยต่อนี้ คงจะทบทวนได้ ว่าจริงมั้ยอีก
โฆษณา