16 มี.ค. 2022 เวลา 16:53 • ปรัชญา
การเชิญชวนนั้นลำบากเสมอสำหรับคนที่ไม่กล้าแสดงออก
มันเป็นเรื่องยากมากเลยครับที่จะชวนใครเข้ามาศรัทธาหรือให้ซื้อของของเรา
สำหรับผมนั้น
เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาอันดับต้น ๆ
คือผมนั้นขายของไม่เก่งครับ
การขายของเนี่ยใช้ทักษะอะไรหลายอย่าง
คงจะขาดไม่ได้เลยในเรื่องของทักษะการพูดโน้มน้าวใจ
ต้องสามารถควบคุมจิตใจผู้ฟังให้เคลิ้มตามในสิ่งที่เราพูดให้ได้
ซึ่งผมไม่มีทักษะนั้นเลย
เอาจริง ๆ แล้วนั้น หลายคนก็ชมผมในเรื่องของการพูดอยู่เหมือนกัน
แต่ผมก็คงไม่อยากเยินยอตัวเองเกินไปหรอกครับ แหะ ๆ
ผมสามารถพูดเรื่องศาสนาพุทธอินดี้นี้ได้เป็นชั่วโมง ๆ เพราะเรื่องนี้มีเรื่องให้พูดเยอะมาก
แต่ผมไม่สามารถพูดเชิญชวนให้เขาเข้ามาศรัทธาในศาสนาพุทธอินดี้ได้
เพราะผมนั้นคิดแค่ว่า
ถ้าเราบอกข้อดีข้อเสียให้เขาพิจารณาเลือกเองว่าจะศรัทธาหรือไม่
เรื่องนั้นอาจจะเป็นการดีกว่าในความเห็นเราเป็นแน่
ผมเลยได้แต่พูดในสิ่งที่น่าสนใจของศาสนาพุทธ จนคนฟังเคลิ้มตาม เพราะไอ้นี่มันพูดเพลินดีเว้ย
แต่พวกเขาหลายคนก็ไม่ได้สนใจเนื้อความในสิ่งที่ผมเล่าหรอกครับ
พวกเขาฟังผมเพราะน้ำเสียงผมตอนพูดมันสามารถทำให้งานไหลลื่นขึ้นได้
จนผมแบบ
เรื่องที่ผมเล่ามันไม่น่าสนใจ หรือ เราขายของไม่เก่งกันนะ?
แต่ก็นั่นแหละครับ
เรื่องศาสนาเราไม่สามารถยัดเยียดให้ใครมาศรัทธาตามเราได้เลย
ขนาดอาจารย์ผมที่สอนทุกคน ก็ยังมีบางคนที่ไม่สนใจเลย
นับประสาอะไรกับบุคคลแสนต่ำต้อยอย่างผม
มีอยู่ครั้งหนึ่งครับ
ที่ผมได้มีโอกาสทำงานกับเพื่อนร่วมงานหน้าใหม่
ด้วยความที่เราไม่อยากให้เขาเกร็งมาก ผมเลยชวนเขาพูดดู
ด้วยทักษะการพูดคุยระดับ 3
ที่พอไปวัดไปวาได้ แต่ไม่สันทัดในการพูดเรื่องสัพเพเหระสักเท่าไหร่
ผมถามในสิ่งที่พอจะ Related กับเขาได้
อย่างชอบอ่านหนังสือแนวไหน ทำไมถึงชอบ
แล้วผมก็บอกข้อมูลตัวเองไปบ้างเพื่อให้เขากุ้มอำนาจเหนือกว่า
คนเราชอบการอยู่เหนือกว่าอยู่แล้วครับ
แต่ผมไม่สนใจเท่าไหร่
ผมก็บอกข้อมูลที่ถือว่าเป็นส่วนเล็กน้อยที่ไม่กระทบกับชีวิตผมมากไป
เราก็ทำงานได้อย่างราบลื่นขึ้น
ปล่อยมุขตลกอะไรไปนิดหน่อยพอให้สร้างบรรยากาศที่ไม่จริงจังเกินไป
เพราะผมเป็นคนดูจริงจังมาก ๆ
ผมเลยไม่อยากให้มันอึดอัดเกินไปด้วย
ผมก็ได้เล่าเรื่องที่ผมเจอศาสนาพุทธยังไง
รู้สึกยังไงกับพุทธไทย
แล้วก็เริ่มต้นมาเขียนบทความมาได้ยังไง
ก็เล่าไปจนเขานั้นชมขึ้นมาว่า
"นายพูดเพลินดีอะ พูดเก่งมาก"
ผมก็ดีใจหน่อย ๆ แต่ก็อยู่ได้ไม่นานหรอกครับ
อาจารย์ผมสอนมาว่า
เราไม่ควรอยู่กับอารมณ์หรือขันธ์ 5 นานเกินไป
1
ผมเลยละความสุขที่ได้ กลายมาเป็นความรู้สึกกับตัวแทน
ผมไม่สุขที่เขาชม
และผมไม่ทุกข์ที่เขาไม่ชม
ถือว่าเป็นการฝึกรายวันไปครับ
เพราะเรื่องศาสนาเนี่ย มันต้องใช้เวลาเหมือนกับเรื่องอื่น ๆ แหละครับ
จะให้มันได้ตั้งแต่แรกเนี่ย อินทรีย์แรงกล้าเกินไปหรือเปล่า55
ก็มีแหละที่คนเข้าใจตั้งแต่แรกที่ได้ยิน
แต่ผมไม่ใช่คนอินทรีย์แรงกล้าขนาดนั้นครับ
ผมทำงานกับเขาจนเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานอื่นต่อ
ผมหวังหน่อย ๆ ว่า
เขาคงรู้สึกโอเคกับผม
แต่ถ้าเขารู้สึกไม่โอเคกับผม ผมคงทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเขาไม่บอกผมให้ปรับปรุงตรงไหนอะนะ
แต่การที่จะปรับปรุงตัวเองอะไรได้เนี่ย เราต้องพิจารณาด้วยนะครับว่ามันดีต่อตัวเรา แล้วเราอยากทำมันไหม
เพราะต่อให้มีคนมาติคุณเยอะแค่ไหน คนที่จะเปลี่ยนตัวเอง มันก็คุณอยู่วันยันค่ำ
ผมก็ไม่อยากยึดติดอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งหรอกครับ
แต่ผมก็มักจะคิดเรื่องการวางตัวอยู่เรื่อย ๆ เลยครับ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ต่อให้ผมรู้จักศาสนาพุทธมากแค่ไหน
แต่ผมก็ยังต้องเรียนรู้และฝึกฝนไปเรื่อย ๆ จนผมนั้นตายไป
ผมว่าผมคงอยู่กับศาสนาพุทธอินดี้นี้ไปอีกนานเลยครับ
ด้วยรักและความเคารพ
คิมห์ณกาล
โฆษณา