1 เม.ย. 2022 เวลา 11:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ (2019) - ลืม (ทิ้ง) บางอย่าง เพื่อเดินไปข้างหน้าต่อไป
วันนี้ ผมอยากจะาารีวิวเรื่อง "ฮาวทูทิ้ง... ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ" หรือ 'Happy Old Year (2019)' ผลงานภาพยนตร์ของ คุณ เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ที่ตอนนี้ลงฉายใน Netflix จึงอยากจะมาแชร์ความรู้สึกและชวนพูดคุยหลังจากดูจบกันครับ
เรื่องย่อ
ฮาวทูทิ้ง... ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ (2019) เล่าเรื่องชีวิตของ จีน (ออกแบบ) หญิงสาวที่เพิ่งกลับมาจากเรียนต่อที่ยุโรป ตัดสินใจรีโนเวทบ้านใหม่เพื่อทำออฟฟิศ ด้วยแนวคิดการแบบ Minimal Style...
ในขณะที่จีนคัดแยกสิ่งของที่จำเป็นและไม่จำเป็นในบ้าน เพื่อนำไปคืนกับเจ้าของดั้งเดิมของมันสิ่งของในอดีตหลายๆ อย่างก็กระตุ้นความในใจของจีน โดยเฉพาะกล้องและม้วนฟิล์มที่เธอเคยได้รับมาจากแฟนเก่า
ความรู้สึกหลังชม
ภาพรวมหลักของ "ฮาวทูทิ้ง" คือ การสำรวจบ้านเพื่อทิ้งของที่ไม่จำเป็น ไปพร้อมกับการสำรวจและสลัดความรู้สึกเจ็บปวดบางอย่างที่ซ่อนลึกในตัวจีน
GRAND PRIX (BEST PICTURE AWARD) - OSAKA ASIAN FILM FESTIVAL
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงมี 'ลายเซ็นต์ของคุณเต๋อ' อย่างชัดเจน เช่น Dialogue ภายในเรื่องที่คุยกันด้วยภาษาวัยรุ่น (หรือสไตล์ Dialogue ที่คุณเต๋อนิยมใช้ในงานก่อนๆ - มูฟออน, สปาร์คจอย) / อารมณ์ตลกร้าย (หัวเราะในลำคอ)
Concept ของเรื่องที่สำคัญที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่อง "Minimal Style (รูปแบบหรือสไตล์ที่นิยมลดรูปวัตถุให้เหลือให้น้อยที่สุด)" คอนเซ็ปต์นี้ใช้ประกอบทั้งในแก่นเรื่อง และธีมหนังที่ออกมา
เช่น Character ตัวละครที่เน้นพูดกันให้น้อย, เสื้อผ้าหลวมๆ เซอร์ๆ สีพื้น และสีหน้าอันเรียบเฉยของตัวละครส่วนใหญ่ในเรื่อง ดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่เน้นความน้อย (ความเงียบ, Piano, Trumpet), บรรยากาศในเรื่องที่เงียบๆ ไม่มีคนพลุกพล่าน
พอทั้งคาแรคเตอร์หนัง (แบบเต๋อ) มาผสมกันกับความเป็น Minimal แล้ว ก็ทำให้ผลงานที่ออกมามีความน่าสนใจ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมทั้งมีความเป็นส่วนตัวด้วยในระดับหนึ่ง (ส่วนตัวผมว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังที่มีความเป็นเต๋อชัดเจนที่สุดแล้ว ดูไม่ยากและไม่อินดี้จนเกินไป)
อันที่จริงก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่า GDH จะดันหนังเรื่องนี้ออกมา เพราะดูเหมือนแนวทางภาพยนตร์จะไม่ใช่สูตรแบบ GDH สักเท่าไร...
"ฮาวทูทิ้ง" ไม่ได้เป็นหนังดูง่าย เคี้ยวง่ายในวงกว้าง (แถมออกไปนอกกระแสด้วยซ้ำ) อย่างการดำเนินเรื่องที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ เนิบ ๆ มีความเป็นศิลปะ ก็ถือว่าดีเหมือนกันที่มีหนังแบบนี้ออกมาบ้างใน GDH เพื่อเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้ชม
ถ้าเทียบฟีลลิ่งที่รู้สึกในขณะดู ก็คือรู้สึกเหมือนได้ดูหนังนอกกระแสของญี่ปุ่น ทั้งเทคนิคการเล่า วิธีการนำเสนอและการดำเนินเรื่องค่อนข้างคล้ายกัน เช่น นิยมถ่ายทอดอารมณ์ในภาพยนตร์แบบเพียว ๆ เน้นความเรียล หรือแช่กล้อง / เคลื่อนกล้องอย่างช้าๆ เน้นความพิถีพิถัน ประณีต ละเมียดละไม
จุดน่าสนใจอีกอย่างของเรื่องนี้ ก็คือ 'ฮาวทูทิ้งเป็นหนังที่มีความเป็นปัจเจกสูง' แต่ละคนจะเข้าใจสารของหนังได้ไม่เหมือนกัน (และไม่เท่ากัน) ขึ้นกับภูมิหลังและทัศนคติของผู้ชมเอง
เช่น หลายอย่างในหนังอาจจะดูสมเหตุสมผลในสายตาผู้ชมคนหนึ่ง แต่ไร้เหตุผลในสายตาของผู้ชมอีกคน / คาแรคเตอร์หนังที่บางคนมองว่าสวยงามดี กลับกันบางคนมองว่าเป็นหนังที่ดูพยายาม หรือมีการปรุงแต่งมากเกินไป (ประดิดประดอย ไม่เป็นธรรมชาติ)...
เรียกได้ว่าเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียของหนัง และมีผลกับอารมณ์ร่วมของคนดูอย่างมาก (ไม่แปลกที่บางคนก็ชอบไปเลย บางคนก็เกลียดไปเลย)
ส่วนที่ผมประทับใจอีกอย่างในเรื่อง ก็คือ การที่หนังสามารถขยายประเด็นเบา ๆ (ในสายตาบางคน) ให้กลายเป็นประเด็นหนัก พร้อมทั้งขยี้ปมเรื่องออกมาได้น่าสนใจ
ภาพแรกของหนังเริ่มต้นแค่ 'การจัดบ้านใหม่' เพื่อทำออฟฟิศ (รูปธรรม / วัตถุ) ถูกนำมาอธิบายและขยายเรื่องราวให้กลายเป็นเรื่องการก้าวผ่าน 'ความเจ็บปวด' (นามธรรม) ของทุกตัวละครในเรื่องได้อย่างสวยงาม
นอกจากนี้ ก็ชอบมุมมองในการเปรียบเปรย 'การจัดบ้าน' เทียบกับ 'การทิ้งอดีต' บางอย่างในชีวิต เพราะเราทุกคนก็คงไม่มีลิ้นชักที่จะเก็บเรื่องราวทุกอย่างได้อย่างเพียงพอหากไม่ทิ้งบางอย่างไป
มองเทียบกับการจัดบ้าน ก็เหมือนกับการเคลียร์ของที่ไม่ใช้แล้วในบ้าน เราเลือกที่จะเก็บของที่จำเป็นและมีคุณค่า ส่วนของที่ไม่จำเป็น (และของที่เคยมีคุณค่า) ก็ต้องเคลียร์ทิ้งไป เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับของใหม่ๆ ในอนาคต
ส่วนสุดท้ายที่ประทับใจเป็นพิเศษ ก็คงไม่พ้น 'เพลงและดนตรีประกอบภาพยนตร์' ที่อธิบายความเป็น 'ฮาวทูทิ้ง' ได้อย่างน่าประทับใจ
อย่างเพลง ‘ทิ้งแต่เก็บ’ ของ The TOYS หรือ 'กลับไปที่เก่า' ของ Singular
ในส่วนดนตรีประกอบก็ทำได้ดีเช่นกัน อย่างดนตรีประกอบที่บรรเลงด้วยเสียงเปียโนและทรัมเป็ต กับความรู้สึกเหงาๆ โดดเดี่ยว สอดคล้องกับบรรยากาศหนัง
สรุป
"ฮาวทูทิ้ง... ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ (2019)" ถือเป็นหนังไทยอีกเรื่องที่ทะเยอทะยานและน่าสนใจ ไม่อยากให้พลาดกัน แม้หนังจะค่อนข้างเนือยและเนิบอย่างหนังนอกกระแส แต่ทั้งกลวิธีการเล่าเรื่อง การถ่ายภาพ และองค์ประกอบในหนังหลายอย่างก็ทำได้สวยเลย (ทั้งยังดูไม่ยากจนเกินไป)
ในส่วนของรางวัลก็คว้ารางวัลและเข้าชิงหลากหลายสถาบันในเมืองไทย รวมถึงยังได้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศหลายๆ ที่
  • 1.
    International Film Festival Rotterdam (2020) : Official Selection
  • 2.
    Osaka Asian Film Festival (2020): Grand Prix (Best Picture Award)
  • 3.
    Bengaluru International Film Festival (2020) : Best Asian FIlm
ถึงเสียงแฟนหนังจะแตก หลายคนอาจชอบไปเลย หรือหลายคนอาจจะไม่ชอบ อย่างน้อยที่สุดสไตล์ภาพยนตร์สวย ๆ แบบนี้ก็คงหาได้ไม่ง่ายในวงการภาพยนตร์ไทย ยิ่งถ้าดูกันช่วงสิ้นปีก็คงจะเข้ากับบรรยากาศเลยไม่น้อย...
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา