Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
KBank Live
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
22 เม.ย. 2022 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ถึงแม้ว่าการลงทุนในตราสารหนี้จะมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ แต่ก็ยังมีปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาหากคิดจะลงทุน
โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน จะมีอะไรบ้างนั้น KAsset จะพานักลงทุนมาทำความรู้จักกับตราสารหนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม
3 ข้อควรระวัง ก่อนลงทุนในตราสารหนี้ที่มือใหม่ต้องรู้
ตราสารหนี้ คือ
สินทรัพย์ทางการเงินที่ให้สิทธิการเป็น ‘เจ้าหนี้’ แก่ผู้ลงทุน
ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด และเมื่อถึงวันครบอายุตามที่กำหนดไว้ ผู้ลงทุนก็จะได้รับเงินต้นคืน
โดยเราสามารถแบ่งตราสารหนี้ออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
1.
ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง เป็นต้น
2.
ตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชน หรือที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกันในชื่อ หุ้นกู้ นั่นเอง
นอกจากนี้ ตราสารหนี้ยังสามารถแบ่งตามระยะเวลาที่กำหนดได้อีกด้วย โดยแบ่งเป็น ตราสารหนี้ระยะสั้น และตราสารหนี้ระยะยาว
ซึ่งหากใครคิดจะลงทุนตราสารหนี้จะต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ด้วย
เพราะตราสารหนี้แต่ละประเภทเอง ก็มีความเสี่ยงมากน้อยแตกต่างกันออกไป
1️⃣ ความผันผวนของมูลค่าตราสารหนี้
ก่อนอื่นผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจก่อนว่ามูลค่าของตราสารหนี้และอัตราดอกเบี้ยมีความสัมพันธ์แบบแปรผกผันกัน
หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ถ้าอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น มูลค่าของตราสารหนี้จะต่ำลง เนื่องจากถูกเทขาย เพื่อไปซื้อตราสารหนี้ตัวใหม่ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ในทางกลับกัน ถ้าอัตราดอกเบี้ยต่ำลง มูลค่าของตราสารหนี้ก็จะสูงขึ้น
ดังนั้น ช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ควรลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อลดโอกาสการขาดทุนจากราคาที่ต่ำลง และเมื่ออัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ควรเลือกลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว เพื่อรับผลประโยชน์จากราคาที่เพิ่มขึ้น
2️⃣ ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้
ที่ทำให้ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินต้นคืน ความเสี่ยงนี้มักเกิดกับตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชน
เพราะภาคเอกชนมีโอกาสพบเจอวิกฤตทางการเงิน ทำให้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ย หรือคืนเงินต้นได้ มากกว่ารัฐบาล ดังนั้น ก่อนลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชน ผู้ลงทุนจึงจำเป็นต้องประเมินความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ออกตราสารหนี้ก่อน
ซึ่งอันดับความน่าเชื่อจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
■
กลุ่มน่าลงทุน (AAA ถึง BBB-)
■
กลุ่มเก็งกำไร (BB+ ลงไปจนถึง D)
โดยจะพิจารณาจากผลการดำเนินงาน และความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัท บอกเลยว่ายิ่งอันดับความน่าเชื่อถือสูงเท่าไร ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ก็ยิ่งต่ำเท่านั้น
3️⃣ สภาพคล่องในตลาด
เนื่องจากตราสารหนี้เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้มีสภาพคล่องในตลาด
กรณีที่ผู้ลงทุนต้องการขายตราสารหนี้แบบรายตัว อาจต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะขายได้ หรือถ้าขายได้ ก็อาจไม่ได้ราคาตามที่ต้องการ
แต่หากลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้ทั่วไป ที่ไม่ใช่กองทุนประเภทกำหนดระยะเวลา (Term Fund) ผู้ลงทุนจะสามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันตามเวลาทำการของบลจ.
แม้ว่านักลงทุนจะสามารถลงทุนในตราสารหนี้ได้โดยตรง แต่ตราสารหนี้บางตัวก็มีกำหนดให้เฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ หรือนักลงทุนสถาบันซื้อได้เท่านั้น และอาจมีกำหนดขั้นต่ำในการซื้อด้วยวงเงินที่สูง ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก
ดังนั้น สำหรับนักลงทุนรายย่อยแล้ว การลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้ จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่า เพราะใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการไปลงทุนเองโดยตรง ที่สำคัญการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ยังช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนได้ด้วย
สำหรับใครที่กำลังมองหาผู้ช่วยด้านการเงินดี ๆ อย่าลืมโหลดแอป K-My Funds ติดเครื่องไว้ เพราะทำได้ทั้งเปิดบัญชีกองทุนออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชม. พร้อมอัปเดตข่าวสารแวดวงการลงทุนทั่วโลก แนะนำกองทุนน่าสนใจ และฟีเจอร์ช่วยจัดพอร์ตกองทุนให้ตรงสไตล์ของเราอีกด้วย
👉 ดูรายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนเพิ่มเติม คลิก
https://bit.ly/3KnTGwI
📲 ดูวิธีเปิดบัญชีกองทุนผ่านแอป K-My Funds คลิก
https://bit.ly/3CpCNPD
#KAsset #KBankLive
ตราสารหนี้
พันธบัตรรัฐบาล
หุ้นกู้
บันทึก
3
1
3
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย