17 มี.ค. 2022 เวลา 14:27 • กีฬา
#McTominayกับxTที่หายไป
ย้อนเกมเมื่อวันก่อนอันแสนน่าเจ็บปวดกันอีกครั้งในแง่ของ "สถิติวิเคราะห์" ที่อาจจะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ และ ค่อยๆอ่านสิ่งที่ผมจะอธิบายสักนิด (xG กูยังไม่ได้เขียนอธิบายคนอ่านเลย xTมาอีกแล้ว)
นี่คือข้อมูลจาก markstat, soccerment.com และนำเสนอโดยaccountของ Pauly Kwestel ในทวิตเตอร์ได้ชี้ให้เห็นว่า การเล่นโดยที่มี "สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์" ยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวต่ำ ศูนย์กลางการเล่นบอลของทีมนั้น มันไร้มิติการเล่นและขาดคุณภาพอย่าง "รุนแรง"
ก็เหมือนอย่างที่พวกเราคุยกันนั่นแหละครับว่า ถ้าส่งเนมันย่า มาติชลงมาตั้งแต่ 11 คนแรก อย่างที่ ศาลาผี และหลายๆท่านได้พูดคุยกันก่อนเกม มันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ ซึ่งเราก็ไม่คิดว่าสิ่งที่เราบ่นๆกันมันจะมีปัญหาจริงๆ
ค่อยๆมาดูทีละประเด็นนะครับว่ามีอะไรบ้าง
-------------------
1. Passing Network
เครือข่ายของความเชื่อมโยงในการจ่ายบอล แมนยูไนเต็ดใช้ระบบ 4-3-3 โดยที่มี แม็คโทมิเนย์ ยืนเป็นตัวต่ำคนเดียวในสนาม และให้เฟร็ดเล่นเป็นเบอร์ 8 เต็มๆ ส่วนบรูโน่ แฟร์นันด์ส เล่นเป็น 8 กึ่ง 10 ในลักษณะAdvance Playmaker ที่ถ่างออกข้าง และพยายามเปิดเกมรุก
Passing Nertwork ชัดเจนว่าการใช้แม็คโทมิเนย์ยืน DM ตัวเดียวใน 4-3-3 เป็นอะไรที่พังมากๆ เกมรับไม่มี เกมรุกและการเชื่อมเกมไร้มิติและวิสัยทัศนน์มากๆ บอลแทบไม่ขึ้นทางขวาเลยเพราะคนคอนโทรลการจ่ายบอลนี่แหละ ทั้งๆที่เอแลงก้าควรเป็นหอกหลักวันนี้เพราะเล่นโจมตีใส่แอตมาดริดดีมาก แต่กลับได้บอลจากดาโลต์ที่ดันขึ้นไปซัพพอร์ตคนเดียว
จุดสำคัญในภาพนี้คือ ให้ดูลักษณะการจ่ายบอลของแม็คโทมิเนย์ที่ไม่สร้างความได้เปรียบใดๆให้กับทีมเลย นอกจากสิ่งเดิมๆที่เขียนตำหนิมาสองสามปีแล้วนั่นก็คือเรื่องของ "Square Passes" หรือการจ่ายคืนหลัง จ่ายออกด้านข้างให้เพื่อเท่านั้น
บอลสร้างสรรค์ไม่มี จินตนาการในการเล่น การช่วยทีมทำเกมรุก ไม่มี
การจ่ายบอลของเขานอกจากจะไม่สร้างโอกาสในการเล่นให้เพื่อนสามารถไปโจมตีและคุกคามคู่ต่อสู้ได้แล้ว หลายๆครั้งของการจ่ายบอลยังทำให้ทีมเกิดการถดถอยลงไปอีก
อย่างน้อยที่สุด เราจะเห็นได้จากภาพแรกในกรณี Passing Network ได้ชัดเจนเลยว่า แม็คโทมิเนย์ไม่มีการจ่ายบอลขึ้นหน้าไปให้เพื่อนเลย
เฟร็ด บรูโน่ ไม่เคยได้รับบอลจ่ายจากสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ เนื่องจากความแน่นอนในการจ่ายบอล จินตนาการ และ Vision ในการเล่นค่อนข้างแคบมากจนน่ากลัว
สิ่งที่น้องแม็คทำก็เห็นกันจะจะ ตามพยานหลักฐานในข้อมูลจากmarkstatนี้คือ เส้นทางการจ่ายบอลของแม็คโทมิเนย์จ่ายแค่คืนหลังให้แมกไกวร์ จ่ายออกให้อเล็กซ์ เตลีส และก็ เจดอน ซานโช่
เบ้ไปทางซีกซ้ายซีกเดียว ไม่มีการกระจายอย่างเหมาะสมไปยังฝั่งปีกขวาที่มีแอนโธนี เอแลงก้า รอบอลอยู่ รวมถึงดิโอโก้ ดาโลต์ด้วย แค่ประเด็นนี้ shape การเล่นของทีมก็ค่อนข้างย้วยแล้ว และไม่เกี่ยวกับว่าเพราะทีมเน้นขึ้นซ้ายด้วย
แต่คุณเป็นมิดฟิลด์ที่ยืนตรงกลางคนเดียวในลักษณะของ Lone Pivot ดังนั้นมิดฟิลด์ตรงนี้ควรที่จะ "แจกจ่าย" บอลไปให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ในสนามอย่างราบรื่น ไม่ใช่มีแต่การจ่ายคืนหลังหรือจ่ายออกข้างเท่านั้น
ปริมาณการจ่ายบอลที่เยอะที่สุดในทีมวันนั้น บอลอยู่ที่การเล่นของ "อเล็กซ์ เตลีส" และ "แฮรี่ แมกไกวร์" (77) เยอะที่สุดในวันนั้น รองลงมาเป็นวาราน (64) และดาโลต์ (63) ส่วนน้องแม็ค กับ เฟร็ด จ่ายเท่ากันที่ 48 ครั้ง
แต่ลักษณะของการจ่ายบอลที่ยืนเป็นตัวหมุดสำคัญในแดนกลาง ปักหลักหน้าแผงหลัง แล้วควบคุมเกมไม่ได้ บัญชาการเกมไม่ได้ จนกระทั่งเกิดความไม่บาลานซ์เกิดขึ้น
จะเห็นได้เลยว่า แอนโธนี เอแลงก้า ตัวสำคัญของเราที่โจมตีแอตฯมาดริดได้หนักหน่วงที่สุด บอลกลับไปไม่ถึงเขาสักเท่าไหร่ (น้องได้จ่ายบอลน้อยครั้งที่สุดในทีม เพียงแค่ 13 ครั้งเท่านั้นเอง ตาสถิติในภาพนี้ที่นับถึงนาทีที่ 68 ในสนามก่อนจะมีการเปลี่ยนตัวเกิดขึ้น)
แค่ประเด็นแรกประเด็นเดียวก็ตายแล้ว น้องแม็คเอ๊ย มาดูหัวข้อต่อไป
--------------------
2. "xT"
ศัพท์นี้อาจจะใหม่และงงสักหน่อย ปกติที่เราเห็นกันบ่อยๆก็คือ xG หรือว่า "Expected Goal" ซึ่งเป็นตัวแทนแสดง "ค่าความน่าจะเป็นที่ทีมอาจจะทำประตูได้" อันนั้นเราคุ้นเคยกันบ้างแล้ว ซึ่งก็มีวิธีคิดและคำนวณอยู่ ว่างๆผมจะทำบทความเจาะให้เข้าใจและเห็นภาพกันอีกครั้ง
แต่ไอ้เจ้า xT ย่อมากจาก "Expected Threat" ริเริ่มคำนวณค่านี้ขึ้นมาในวงการวิเคราะห์สถิติฟุตบอลเมื่อปี 2011 จาก Sarah Ruud ก่อนที่จะมาใช้โมเดลที่พัฒนาแล้วในปัจจุบันของ Karun Singh ที่definition ค่าxTเอาไว้ในปี 2018
พูดง่ายๆ ค่า xT คือการเล่นของนักเตะคนนั้นๆในจังหวะที่ก่อนจะทำให้เกิดช็อตสำคัญต่างๆ เช่น "การยิง" (shots) หรือจังหวะจ่ายสำคัญ (Key Passes) ซึ่งก่อนที่นักเตะในทีมเราจะเล่นช็อตที่ "โจมตี และ คุกคามใส่คู่ต่อสู้" เหล่านี้ได้ มันก็จะต้องมาจากการปั้นบอล เซ็ตบอลของทีม
ค่า xT จะพูดถึงเรื่องของการเซ็ตบอล การปั้นเกม การจ่ายบอล ที่จะทำให้ทีมและเพื่อนมีโอกาสในการเล่นช็อตโจมตีคู่แข่งได้ ไม่ว่าจะยิงหรือจ่ายแอสซิสต์นั่นเอง
นึกออกไหมครับ พูดง่ายๆคือจ่ายแล้วเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ทีมสามารถบุกเอาประตูคู่แข่งได้นั่นเอง!!
1
-------------------
xT grid ชัดเจนว่ายิ่งจ่ายเข้าไปในบริเวณที่ใกล้กรอบมากขึ้น ค่าความอันตรายที่จะคุกคามคู่แข่งได้จากเพลย์ถัดไป ไม่ว่าจะแอสซิสต์ หรือ ยิงเอง ยิ่งสูงขึ้นตามความใกล้กรอบประตู
โดยที่วิธีคิดของหลักในการคำนวณ xT เขาจะแบ่งออกเป็นช่องกริด (xT Grid) ตามรูปที่สอง ซึ่งจะแสดงกริดพื้นที่ทั้งสนาม แบ่งย่อยออกมาเป็นช่องๆว่าดังในภาพที่สอง
หากมีการจ่ายบอลไปยังพื้นที่ที่อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆใส่คู่ต่อสู้ ค่า xT ก็จะยิ่งสูงขึ้นตามตาราง ในภาพนี้ใช้สีอ่อนสีเข้มเป็นตัวแยก
สีอ่อนๆคือหน้าประตูคู่แข่ง xT ก็จะสูงตามหากว่าจ่ายบอลไปในพื้นที่นั้นสำเร็จ เพราะเพื่อนก็มีโอกาสจ่ายแอสซิสต์ หรือ ยิงประตูได้ ค่า xT เลยสูง โดยถ้าจ่ายเข้าไปถึงระดับกรอบ6หลา xT จะสูงขึ้นถึง 0.30
หรือคิดง่ายๆคือถ้าบอลไปเข้าตีนเพื่อนตรงนั้นได้ โอกาสยิงเข้ามีโอกาสเป็นประตูถึง 1 ใน 3 นั่นเอง (อีก2 เผื่อยิงออก ยิงช้า ติดโกลเซฟ ฯลฯ)
----------------------------------
ส่วนวิธีการคิดคำนวณ xT ด้วยสูตรนั้น คำนวณแบบภาพรวม ค่าการจ่ายบอลที่เป็น xT ที่จะคำนวณการเล่นที่สร้างโอกาสคุกคามใส่คู่แข่งนั้น จะเป็นการรวมเอา โอกาสที่จะยิงได้ในช็อตนั้น คูณ โอกาสที่การยิงนั้นจะเป็นประตู แล้วนำไปรวมกับ ความเป็นไปได้ในการเคลื่อนที่ คูณกับ xT Grid
(shooting probability x conversion rate) + (Moving Probability x xT Grid)
ตรงนี้ไม่ต้องจำก็ได้ ช่างหัวมัน แต่เอาแบบภาษาชาวบ้านอย่างเราๆคุยกันก็คือ มึงจ่ายบอลแล้ว สร้างความได้เปรียบให้ทีมจะไปบุกยิงประตูคู่แข่งได้มากน้อยแค่ไหน เท่านั้นเอง
นั่นล่ะ xT (Expected Threat)
---------------------------
นอกจากสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ที่ xT P90 อยู่แค่ราวๆ +0.05 เท่านั้นซึ่งน้อยมาก เฟร็ดก็ไปโดนติดลบของxthreatเยอะที่เป็นการจ่ายที่ไม่อันตราย + - ของเฟร็ดน่าจะพอๆกัน xT = 0 แน่ๆ / de Paul นี่แหละที่เป็นตัวเล่นเซ็ตพีซหลักซึ่งอันตรายมากๆของแอตฯมาดริด ค่าxTสูงจริงๆ ในขณะที่ค่าติดลบก็นิดเดียว ราวๆ -0.02 แต่ค่าบวกแตะที่ +0.44 net แล้วเดอปอลก็น่าจะ +0.42 ซึ่งสูงที่สุดในสนาม เกิน80% คุกคามแมนยูจากลูกเซ็ตพีซ
ในภาพที่สาม ที่เขียนว่า Incresed or decreased chances of scoring as a passer เป็นการแสดงให้เห็นถึงการจ่ายบอลของแต่ละคนในสนามวันนั้นทั้งสองฝ่ายว่า ใครบ้างที่จ่ายบอลแล้วเพิ่มโอกาสการทำประตูให้ทีมได้มากน้อยขนาดไหน รวมถึง การจ่ายบอลที่ทำให้ "ลดโอกาสทีม" ในการทำประตูด้วยเช่นกันว่า จ่ายแล้วทีมเสียโอกาสมากน้อยเพียงใด
ค่ารวมที่เป็นsumของ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ สังเกตดูจากในภาพที่3ได้ จะเห็นว่า xT ของน้องแม็คที่คิดแบบNetแล้วนั้น xTที่เป็นค่าบวก(แท่งสีเหลือง) คือจ่ายแล้วทีมมีโอกาสทำเกมบุกยิงประตู น้องแม็คอยู่ที่ราวๆ 0.08 กะประมาณตามรูป คือการจ่ายบอลที่ช่วยเรื่องเกมบุกให้ทีมได้
แต่การจ่ายบอลที่ทำให้ทีมเกิดการ "ลดลง" ที่จะไปบุกโจมตี จะเห็นว่าค่าxTที่เป็นลบ ของการจ่ายน้องแม็ค (แท่งสีฟ้า) หน่องแม็กมีค่าdecreasedอยู่ราวๆ "-0.03"
พอคิดรวมNet ออกมาแล้ว ตลอดทั้งเกม สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ มีค่า xT อยู่ที่ "0.05" เท่านั้นซึ่งน้อยมาก
เมื่อเทียบกันกับมิดฟิลด์คู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Rodrigo de Paul คนนั้น xT รวมน่าจะประมาณ +0.41 ได้
แฮรี่ แมกไกวร์, อเล็กซ์ เตลีส และ ดิโอโก้ ดาโลต์ ซึ่งเป็นสามนักเตะกองหลัง ยังจ่ายบอลสร้าง "จิตกุ๊กกาม" แรงคุกคามใส่คู่แข่ง (Threaten) ได้มากกว่าสก็อตต์แม็คโทมิเนย์เลย (ยกตัวอย่าง แมกไกวร์ xT น่าจะ +0.28 ได้)
สูตรคำนวณ xT แบบคร่าวๆ ก็อย่างที่เห็นกันคือ เอาโอกาสที่จะได้ยิง คูณกับอัตราความคมในการยิงมาคูณกัน แล้วรวมกับ ความเป็นไปได้ในการเคลื่อนที่ตรงนั้น คูณกับตำแหน่งที่ได้รับบอลซึ่งเป็น xT Grid ที่มีค่า xT มากน้อยต่างกันตามพื้นที่และความอันตราย
----------------------------------------
----------------------------------------
จบเรื่องราวของ "xT" ไปแล้ว หวังว่าผู้เขียนจะอธิบายรู้เรื่อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจ,ไม่งง และ "เห็นภาพ" นะครับว่า หนึ่งในปัญหาวันนั้นนอกจากประเด็นกรรมการ คิดว่านี่ก็เป็นอีกจุดสำคัญที่คุณภาพของทีมลดลงไปจากเกมที่เอาชนะ สเปอร์ส ได้
เป็นเรื่องของแดนกลางล้วนๆที่แม็คโทมิเนย์ลงสนามไป แทบจะไม่มีบทบาทอะไรกับเกมเลย เกมรับก็ไม่ได้เด่นอะไรขนาดนั้น เกมรุกยิ่งไม่มี
ผมจึงได้บอกว่า ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวใหม่จึงสำคัญมากๆ และถ้าเดแคลน ไรซ์ แพงมากนัก นักฟุตบอลดีๆในท้องตลาดมีอีกเยอะ อยู่ที่ว่าใครจะมาคุมทีม
(เรื่องที่ว่า ถ้าเอริค เทน ฮาก มาคุมแมนยูปีหน้า ผมก็ไม่แน่ใจนะว่า ไรอัน คราเฟนแบร์ก จะอยากมาไหม เพราะเห็นเจ้าตัวใส่เสื้อลิเวอร์พูลอยู่ แต่ที่แน่ๆ ในบรรดาเด็กดาวรุ่งที่เกิดหลังปี 2001 ท็อป7 คราฟเฟนแบร์ก xTรวมทั้งซีซั่น อยู่ในอันดับ4 ของลีกท็อป 7 ลีก โดยอันดับหนึ่งคือ Devyne Rensch แบ็คขวาวัย19ซึ่งก็อยู่ Ajax เช่นกัน)
source : https://soccerment.com/expected-threat/
ตัวฟรีพร้อมซื้ออย่าง บูบาการ์ คามาร่า ก็ยังอยู่ในตลาด เช่นเดียวกันกับ อูเรเลียน ชูอาเมนี่ และกระทั่ง อีฟส์ บิสซูม่าเองก็ยังสามารถซื้อได้เช่นกัน
โดยผนึกกำลังกับมิดฟิลด์สายจอมทัพที่มีค่า xT สูงๆในท้องตลอด ซึ่งยังลุ้นได้อีกหลายๆคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Ruben Neves มิดฟิลด์ DLP สายบู๊ตัวคุมเกมกลางสนาม เล่นได้ทั้งรุกและรับ
จากภาพที่ 4 ของโพสตนี้จะเห็นได้ว่า ท็อปไฟว์ของนักเตะในซีซั่นที่แล้ว ที่มีการจ่ายบอลคุกคามคู่แข่ง (xT) รวมแล้ว ปรากฏว่าเป็น แจ็ค กรีลิช ที่มี xT ต่อเกม อยู่ที่ +0.26 รองลงมาคือ TAA ที่ +0.2 และ ราฟินญ่า +0.19 โดยประมาณ
ที่น่าตกใจคือถ้าไปดูบุนเดสลีกา นักเตะที่ xT สูงที่สุดในบุนเดส คือ "เจดอน ซานโช่" ของเรานี่แหละที่ xT P90 อยู่ที่ราวๆ +0.23 (สัดส่วนเป็นลูกจ่าย มากกว่าการเลี้ยงบอลด้วยที่สร้างxTให้ทีมได้)
ซานโช่ และ ราฟาเอล เกร์เรโร่ เป็นสองนักเตะที่ค่าxT P90 เยอะที่สุดในบุนเดสปีที่แล้ว แถมของซานโช่วส่วนใหญ่เกินครึ่งเป็นลูกจ่ายด้วย ไม่ได้เอาแต่เลี้ยงอย่างเดียว
ส่วนหนึ่งของสาเหตุในการเล่นที่เป็นความผิดพลาดและไม่ดีของทีมเรา นอกจากเรื่องเกมรับที่มีรูโหว่ และอะไรอีกหลายๆอย่างซึ่งแอดยังไม่ได้เขียน (ยังไม่ได้เขียน ไม่ได้แปลว่าไม่มีนะครับ)
ยังมีอีกหลายข้อทั้งในแง่ดีและในแง่ที่ไม่ดี ซึ่งการพยายามจะมองแต่ด้านใดด้านหนึ่ง เป็นวิธีคิดที่ไม่ถูกต้องนะอันนี้บอกไว้เลย เพราะโพสต์หลังเกมที่ผมเขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ ผมก็ยังไม่ลืมที่จะพูดถึงจุดบกพร่องในแง่การเล่นของทีมไว้ด้วยเหมือนเดิม นอกจากความเหี้ยของกรรมการที่เล่นงานทีมเราอย่างหนัก
ประเด็นเรื่องกรรมการ มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจะต้องพูดจริงๆ แลวก็ไม่ได้เป็นข้ออ้างเหมือนอย่างที่คำพูดสั่วๆของบางคนพูดเช่นนี้ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีแต่พวกขี้แซะที่มาจากทีมอื่น และเข้ามายุ่งกับพื้นที่ที่แฟนผีเขาคุยกันในนี้นี่แหละ
อย่าบอกว่าเราทำเองไม่ได้ ทั้งๆที่แมนยูไนเต็ดยังแทบจะไม่ได้เล่นเกมของตัวเองเลยด้วยซ้ำ!
กลับโดนกรรมการเป่าช่วยฝั่งแอตมาดริดแบบสุดลิ่มทิ่มรูดากขนาดนั้น
เรื่องพวกนี้ผมไม่อยากอธิบายเยอะ เพราะคนที่ไม่รับฟัง คนที่คิดว่าเป็นข้ออ้าง ก็จะมองว่ามันอ้างอยู่ดี
ยกตัวอย่างง่ายๆ ช็อตควรได้ฟาล์ว ได้ฟรีคิกบุก ก็ไม่ได้ ช็อตที่ควรชิงบอลจังหวะสอง (recoveries) ที่ปกติเราทำได้ในพรีเมียร์ลีก กลับถูกจับฟาล์วทั้งหมด บวกกับการถ่วงเวลาด้วยแทคติกพรรค์นั้นของคู่แข่ง เราจึงมีปัญหาไปด้วย
คำพูดที่ว่า "โทษตัวเองที่ยิงประตูไม่ได้" เป็นคำพูดที่ห่างไกลจากความเป็นจริงมาก หากว่าไม่อคติและหัดยอมรับว่า การเล่นในสนามม้ันเสียเปรียบเพราะการโดนเป่าแบบไม่แฟร์ของกรรมการจริงๆ
ผมเชื่อว่า แฟนเพจ ศาลาผี "รู้" ว่าเพจผมเป็นยังไง เพราะทุกๆนัดที่ผ่านมา แม้ว่าเราจะเสียประโยชน์จากการถูกเป่าเช่นนี้ค่อนข้างเยอะมากในช็อตสำคัญๆ แม้กระทั่งเรื่องลูกแฮนด์บอลก่อนหน้านี้สดๆร้อนๆ
ผมยังแทบจะไม่แตะ และไม่พูดถึงประเด็นกรรมการเลยแม้แต่ครั้งเดียว (ทั้งที่จริงๆผมควรเขียนprotectทีมเรื่องการตัดสินให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นเรื่องจริง)
แต่เหตุก็เพราะผมแค่รำคาญปากหอยปากหูที่จะมาพูดถ้อยคำแบบนี้นั่นแหละ ผมจึงเลี่ยงที่จะพูดถึงกรรมการในทุกๆครั้ง แล้วชี้ที่แทคติกและข้อผิดพลาดของทีมอย่างเดียว
เกมนี้ การตัดสินในสนามมันเลวร้ายเกินกว่าที่คนรักกีฬาอย่างผมจะรับได้จริงๆ ผมจึงได้เขียนเอาไว้ในโพสต์หลังเกม
และยังยืนยันจนถึงตอนนี้ว่า ผมมั่นใจในทุกๆสิ่งที่ผมเขียนเอาไว้ ไม่ว่าใครจะชอบไม่ชอบ หรือแฟนทีมอื่นบางทีมจะใช้มันเข้ามาถากถางก็เรื่องของพวกมึงเลย
นี่คือเหตุผลและความเป็นจริงที่เราพูดกันได้ครับ
#จอมเวทย์หลังเลิกเรียน
-ศาลาผี-
โฆษณา