18 มี.ค. 2022 เวลา 18:03 • ท่องเที่ยว
“เปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติผากล้วยไม้ – น้ำตกเหวสุวัต อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สานความร่วมมือด้านการอนุรักษ์”
เมื่อวันพุธที่ 2 มี.ค. 2565 ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี โดยนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมด้วยดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และนายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานมูลนิธิอมตะ ร่วมพิธีเปิด “เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ความสัมพันธ์ไทย-เยอรมนี ครบรอบ 160 ปี (ผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต)” เพื่อรำลึกวาระความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ในวาระครบรอบ 160 ปี ความสัมพันธ์ไทย-เยอรมนี
โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานมูลนิธิรัฐบุรุษ มูลนิธิอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นประธานในพิธีเปิด นายรัชฎา กล่าวว่า พิธีเปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติความสัมพันธ์ไทย-เยอรมัน ครบรอบ 160 ปี เป็นความร่วมมือไตรภาคีระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด และมูลนิธิอมตะ ได้ร่วมกันปรับปรุงเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติ แหล่งศึกษาเรียนรู้ แหล่งศึกษาวิจัย ด้านนิเวศวิทยา เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมได้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรทางธรรมชาติ
นำไปสู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นภารกิจหลักของ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการส่งเสริมให้มีห้องเรียนกลางแจ้ง ให้เป็นแหล่งข้อมูลทางธรรมชาติสำหรับทุกคน นอกจากนี้การเปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติไทย-เยอรมัน ในวันนี้ยังเป็นการกระชับมิตรภาพระหว่างสองประเทศ อันจะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับเยอรมนีในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ต่อไป สำหรับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติความสัมพันธ์ ไทย-เยอรมนีครบรอบ 160 ปี (ผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต)” ระยะทาง 3.4 กิโลเมตรจะเป็นประโยชน์ และสร้างเสริมประสบการณ์ให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่เชื่อมระหว่างสองน้ำตกเป็นเส้นทางลัดเลาะไปตามลำห้วยลำตะคองผ่านป่าไผ่สลับกับป่าดิบ-แล้งเป็นระยะๆ
นำไปสู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นภารกิจหลักของ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการส่งเสริมให้มีห้องเรียนกลางแจ้ง ให้เป็นแหล่งข้อมูลทางธรรมชาติสำหรับทุกคน นอกจากนี้การเปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติไทย-เยอรมัน ในวันนี้ยังเป็นการกระชับมิตรภาพระหว่างสองประเทศ อันจะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับเยอรมนีในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ต่อไป สำหรับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติความสัมพันธ์ ไทย-เยอรมนีครบรอบ 160 ปี (ผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต)” ระยะทาง 3.4 กิโลเมตรจะเป็นประโยชน์ และสร้างเสริมประสบการณ์ให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่เชื่อมระหว่างสองน้ำตกเป็นเส้นทางลัดเลาะไปตามลำห้วยลำตะคองผ่านป่าไผ่สลับกับป่าดิบ-แล้งเป็นระยะๆ
โดยทางด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 160 ปี ความสัมพันธ์อันดีระหว่างราชอาณาจักรไทย และ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด มูลนิธิอมตะ และ บริษัทอมตะ บี กริม. พาวเวอร์ จำกัด ได้ร่วมกันพัฒนาเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเส้นใหม่ ผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้วในต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ โดยเส้นทางศึกษาธรรมชาติผากล้วยไม้-น้ำตกเหวสุวัต เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินศึกษาธรรมชาติในระยะสั้น ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
สภาพเส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางลาดซีเมนต์ เลียบไปตามธารน้ำของห้วยลำตะคอง ผ่านป่าดิบชื้นสลับกับป่าดิบแล้งที่เต็มไปด้วยไม้ใหญ่ รวมทั้งป่าไผ่ที่สามารถพบเห็นได้สลับกับป่าดิบเป็นระยะๆ เรื่อยไปจนถึงน้ำตกผากล้วยไม้ซึ่งเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ตกจากหน้าผาลดหลั่นลงมา มีความสูงประมาณ 10 เมตร ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำกว้างเหมาะสำหรับเล่นน้ำ ตามหน้าผาสามารถพบกล้วยไม้นานาชนิด และอาจพบเห็นสัตว์ที่ใช้ชีวิตเกี่ยวข้องกับสายน้ำ เช่น ผีเสื้อ ตะกอง นาก ได้ตลอดเส้นทาง เส้นทางเดินศึกษาเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ค่อนข้างจะเดินง่ายและสะดวกพอสมควร ไม่จำเป็นต้องเริ่ม เดินแต่เช้าก็ได้ แต่ถ้าท่านออกเดินในช่วงเช้า อาจจะมีโอกาสได้เห็น “ตะกอง” ซึ่งเป็นกิ้งก่าที่สวยงามและหายาก ออกมานอนผึ่งแดดตามก้อนหิน หรืออาจจะได้พบกับฝูงชะนีบนยอดไม้อย่างใกล้ชิดได้
สำหรับนักท่องเที่ยวสามารถนำอาหารกลางวันติดตัวไปรับประทานได้ในเส้นทางนี้ เพราะมีแก่งน้ำหลายแห่งที่เหมาะแก่การนั่งพักปิคนิครับประทานอาหารตลอดเส้นทาง แต่ขอความร่วมมือให้ช่วยกันรักษาความสะอาด ไม่ทิ้งขยะไว้ในอุทยานแม้แต่เพียงชิ้นเดียว ขอให้ยึดหลักปฏิบัติที่นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติทั่วโลกยึดถือกัน ก็คือ คำกล่าวที่ว่า
“Kill Nothing but time
Leave nothing but footprints
Take Nothing but pictures
ไม่ฆ่าอะไรนอกจากฆ่าเวลา
ไม่ทิ้งอะไรไว้ นอกจากรอยเท้า
และไม่นำอะไรกลับมา นอกจากรูปถ่าย”
โฆษณา