19 มี.ค. 2022 เวลา 12:33 • สุขภาพ
“กินอย่างไร เรียกว่ากินผิด”
หลาย ๆ ท่านประสบปัญหามากมายเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร เรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันแต่กลับนำพาสิ่งต่าง ๆ แถมมาด้วย ยกตัวอย่างเช่น โรคร้ายอีกเป็นชุด ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ท้องอืด ท้องเฟ้อ กรดไหลย้อน … รวมถึงปัญหาง่าย ๆ ที่เรามักพบคือทานอาหารไม่ถูกปากแถมยังเสียงเงินไปเยอะเสียด้วย
ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำและแชร์ประสบการณ์การกินอาหารแบบผิด ๆ ของผมเองซึ่งนำไปสู่หายนะในชีวิตได้เลย
กินอย่างไรถึงเรียกว่ากินผิด
1.เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด เรื่องง่าย ๆ แต่กลับส่งผลกระทบต่อร่างกายมหาศาล เพราะจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร เนื่องจากไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างสมบูรณ์นำไปสู่อาการท้องอืดเนื่องจากอาหารไม่ย่อยที่ใครหลาย ๆ คนมักจะเป็น ทำให้เกิดการอักเสบและสะสมของแบคทีเรียในกระเพราะอาหารและลำไส้(อาจเกิดโรคกระเพราะอาหารที่เกิดจากแบคทีเรีย h.pylori ได้)
2.กินอาหารเร็วเกินไป ทำให้รู้สึกอิ่มช้า โดยเฉพาะอาหารประเภทเครื่องดื่ม น้ำผลไม้ ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมนอินซูลิน เพราะเมื่อเรากินเร็วจะทำให้ดูดซึมน้ำตาลเข้ากระแสเลือดเร็วขึ้น ร่างกายจึงต้องผลิตอินซูลินมาเพื่อลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด หากฮอร์โมนถูกส่งมาไม่เป็นเวลาและส่งมาเป็นจำนวนมากจะเกิด “ภาวะดื้ออินซูลิน”
3.กินอาหารไม่รู้รส ไม่รู้ว่ากินไปมากน้อยเท่าใด อาจเป็นนิสัยเล็ก ๆ ที่ทำให้สุขภาพแย่ลงได้ จากการไม่ประมาณตนเอง
แพทย์แผนไทยมีคำตอบ
3 ประเด็นข้างต้นเป็นสิ่งที่ผู้เขียนทำมาแล้วทั้งสิ้นจนถึงวันหนึ่งได้รับผลของมันจึงทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของการกินอาหารมาก ๆๆๆๆๆ ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
จากประสบการณ์การปรับประทานอาหารที่ชอบทานเร็ว เคี้ยวอาหารไม่ละเอียดเป็นคนไม่ประมาณตนเองกินอะไรได้กินหมด และชอบทานอาหารรสจัด เค็มจัด เผ็ดจัด รวมถึงอาการจำพวกชาบู หมูกะทะมาก ของคาวหวานมาหมดเพียงระยะเวลา 6 เดือนน้ำหนักจากเดิม 65 พัฒนาขึ้นมาเป็น 80 เพียงชั่วข้ามเดือน
ปัญหาที่เห็นได้ชัดคือขนาดตัวเพิ่มขึ้น เหนื่อยง่ายขึ้น ไม่กระฉับกระเฉงเหมือนเมื่อก่อน
ต่อมาคือปัญหาเกี่ยวกับกระเพราะอาหารและระบบย่อยอาหารมีปัญหาทำให้ท้องอืด เฟ้อ กรดไหลย้อนบ่อยมากขึ้น
ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ในที่นี้ขอแนะนำจากการปรับตัวและแก้นิวัยเล็ก ๆ ที่จะทำให้คุณประสบณ์กับสิ่งใหญ่ในภายหน้า และลองหันมามองสมุนไพรไทยง่าย ๆ สำหรับช่วยให้ร่างกายกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงมากขึ้น(ผู้เขียนจะมากล่าวในโอกาสหน้า) รวมกับการออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งล่ะ 30-45 นาที
สำหรับการกินที่ไม่ดีนั้นส่งผลโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงของกระแสเลือด ในที่นี้จะยกตัวอย่างการรับประทานที่ส่งผลต่อคนที่ทำให้มีภาวะเลือดข้นตามหลักแพทย์แผนไทย(ตะกรันโลหิต) มีอาการเช่น ปวดเมื่อยไม่เป็นเวลา ข้อคล้ำ ข้อโปน ตื่นนอนไม่สดชื่น(ฮอร์โมนคอติซอล) เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีภาวะเลือดจาง จากการขาดสารอาหารที่เหมาะสมส่งผลให้กระแสเลือดไม่แข็งแรง มีอาหารเช่น อ่อนเพลียง่าย รู้สึกไม่มีกำลัง ผมหลุดร่วง ผมบาง เป็นต้น
อ่านมาเท่านี้หลายทานคงตระหนักถึงความสำคัญของการกินที่ถูกวิธีและระวังมากยิ่งขึ้นแล้วในครั้งต่อ ๆ จะมาพูดในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการกินมากขึ้น ขอขอบคุณสำหรับผู้ที่สนใจมา ณ ที่นี้
โฆษณา