ครูบาอาจารย์ร่วงโรยไปตามอายุสังขารเหมือนกับใบไม้ร่วง ใบไม้มันแก่ขึ้นไปก็ร่วงไม่มีใบไม้ใบไหนอยู่ข้ามปี พอถึงจวนครบรอบแล้วก็ร่วงหล่นไปตามอายุของมัน ถ้าเรามาพิจารณาดูแล้ว น่าจะรู้เท่ารู้ทันไม่น่าจะหลงระเริง หลงเจ้าของลืมเจ้าของจนเกินไป
พระพุทธเจ้าท่านเตือนสอนพวกเราไว้อยู่เสมอว่าวันคืนล่วงไป ๆ บัดนี้พวกเราทำอะไรอยู่ มีประโยชน์ไหมที่เราทำ ให้โอปนยิโกมองตนเอง ถ้าทำออกไปไม่เกิดประโยชน์ก็แปลว่าเปล่าประโยชน์ในการเป็นอยู่ในช่วงนั้น ๆ การคิดการทำการพูดไม่เป็นประโยชน์ แปลว่าเปล่าประโยชน์ ให้พวกเรามอง ๆ ดูแล้ว ชีวิตของเราน้อยนัก เจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรท่านเขียนไว้ในหนังสือธรรมลิขิตของท่าน ชีวิตนี้น้อยนัก เรามาพิจารณาดูแล้วมันน้อยจริง ๆ นะ ต่างคนต่างอยู่ไม่ถึงร้อยปี ต่างคนก็ต่างร่วงโรยไปตามอายุสังขาร
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นที่หลวงพ่อพูดให้ฟัง บางท่านบางคนอาจจะตีความหมายผิดว่าหลวงพ่อเอาความตายมาขู่กัน เอาความดี ความเจริญรุ่งเรือง ความศิวิไลซ์ มาพูดจะไม่ดีกว่าเหรอ ทำไมจึงเอาความล้มความตายมาขู่กัน
ตามที่จริงไม่ใช่นะลูกหลานศรัทธาญาติโยม หลวงพ่อไม่ได้เอาความตายมาขู่นะ เอาความจริงมาชี้แจงมาพูดให้พวกเราท่านทั้งหลายฟัง เพราะตามปกติใจของเราเต็มไปด้วยกิเลสโลภโกรธหลง ไม่อยากจะทราบไม่อยากจะรู้ความจริง ถ้าสิ่งไหนที่เป็นของหลอกของปลอมหลอกลวงตัวนั้นนะ กิเลสมันชอบ กิเลสราคะ โทสะ โมหะ ชอบจุดที่ลุ่มหลงมัวเมาหลอกลวงตนเอง แต่ตัวไหนที่เป็นความจริงเอามาพูดไม่อยากจะฟัง ไม่อยากจะเข้าใจ กูไม่อยากเข้าใจ เพราะเหตุไร เพราะใจของเรามันหันหลังให้กับหลักเหตุผล
คำว่าหลักเหตุผลคำนี้ พวกเราอย่าไปคิดเป็นอย่างอื่นนะ คุณธรรมศีลธรรม จริยธรรม หลักเหตุผลคือความถูกต้อง อันไหนถูกต้องนั่นล่ะคือหลักเหตุผล ที่หลวงพ่ออธิบายกล่าวแล้วกล่าวอีก หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสอง สองบวกสองเป็นสี่ นั่นล่ะคือหลักเหตุผล ลงตัว ตรงตัว ตรง ไม่มีความผิดเพี้ยน นี่ล่ะ อันนี้คือหลักธรรมคำสอนของพุทธะ
ทำไมพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าท่านจึงให้มองตนเองอยู่เสมอ อภิณหปัจจเวกขณ์ ๕ ต้องพิจารณาเนือง ๆ นะ บ่อย ๆ นะ สม่ำเสมอนะ เรามีความแก่ ความเจ็บไข้ ความตาย เราจะต้องพลัดพราก เราจะต้องได้รับผลของกรรมที่ตนได้กระทำไว้ ให้พิจารณาไว้เนือง ๆ อันนี้ก็คือหลักธรรมคำสอน
ทำไมพระพุทธเจ้าถึงให้พิจารณาถึงมรณภัยคือความตายไว้อยู่เสมอ ให้กำหนดลม ให้ดูลมหายใจเข้าออกนะ ถ้าหายใจไม่เข้าแล้วก็ใช่ หายใจไม่ออกแล้วก็ใช่ ตาย เพราะชีวิตของพวกเราเท่าไหร่แล้วเดี๋ยวนี้ ยังเหลือเท่าไร หลวงพ่อนับของหลวงพ่อริบหรี่ไปข้างหน้านะลูกหลาน ลูกหลานก็เถอะนะอย่าไปคิดว่างอกเงยเจริญงอกงาม เมื่อวานหลวงพ่อนั่งอยู่ที่นี่ มีหนุ่มอายุ ๒๘ ปีตาย ก็เอากระดูกมาให้หลวงพ่ออนิจจาชักบังสกุลอุทิศส่วนกุศลให้ นี่แหละไม่ได้เลือกว่าอายุมากเสียก่อน ไม่ได้เลือกว่าอายุมากอายุน้อย
เราเกิดมาแล้วไม่ควรชะล่าใจ ไม่ควรนอนไจ ได้เกิดลืมตาอ้าปากมองโลกแล้ว พวกเราควรจะประกอบแต่คุณงามความดีเข้าสู่จิตใจ พระพุทธเจ้าท่านว่ามนุษย์เป็นศูนย์กลางที่จะไปต่ำหรือจะไปสูงได้ จะไปเป็นเทวดาก็ไปจากมนุษย์ จะเข้าสู่นิพพานก็ไปจากมนุษย์ ไปสู่สวรรค์ชั้นพรหมก็ไปจากมนุษย์ จะตกนรกหมกไหม้ลึกขนาดไหนนรกหลุมไหนก็ตามก็ไปจากมนุษย์ จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ไปจากมนุษย์ แปลว่ามนุษย์นี่เป็นแดนกลางเป็นจุดกลาง
เราเกิดขึ้นมาแล้ว อย่างคุณแม่ชีแก้วพูดโลกนี้โลกหาได้ เราเกิดมาอยู่ในศูนย์กลาง เราจะเอาอันไหน เราจะชอบเป็นสัตว์เดรัจฉานไหม หรือจะชอบเป็นมนุษย์หรือจะชอบเป็นเทวดา หรือจะชอบเป็นพรหม หรือจะชอบเป็นพระอริยะ หรือเราจะชอบเป็นขโมยโพยโจรติดคุกติดตะราง หรือจะชอบเป็นคนดีบัณฑิตนักปราชญ์ หรือเราจะเป็นชอบเป็นอะไร ข้าราชการ หรือเป็นพ่อค้า หรือเป็นนายทุนเป็นชาวนา หรือเป็นนักบวช เลือกได้นะลูกหลานนะ อย่างที่คุณแม่ชีแก้วพูดจริง ๆ โลกนี้โลกหาได้
เพราะฉะนั้นพวกเราเกิดมาได้พบพระพุทธศาสนาได้พบพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าควรจะเลือกในทางที่ดี
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “เป็นมนุษย์อย่าเสียชาติเกิด”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
